
ถอดจากหน้าเพจเฟซบุ๊ก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ไปแล้วอย่างรวดเร็ว สำหรับอินโฟกราฟฟิก “ความเหมือนที่ลงตัว ระหว่าง เขมร และ BRN”
เป็นการถอด หลังจากโดนวิจารณ์จมหูจากหลายฝ่าย ทำนอง “ขยันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง” ขณะที่ผู้รู้ระดับ “กูรู - นักวิชาการ” ก็เตือนว่าน่าจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี ทั้งเป็นการยกระดับ BRN และทำลายแนวร่วมเอ็นจีโอ ภาคประชาสังคม ที่รัฐบาลไทยต้องการความร่วมมืออย่างมาก เพราะต้องการกระบอกเสียงและ “มิตร” ในเวทีโลก
อ่านประกอบ : รุมสับเพจ กอ.รมน.แพร่อินโฟฯ เทียบ “เขมร-BRN”
หลังจากนี้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า น่าจะอยู่เงียบๆ เพื่อรอให้เรื่องเงียบไปเอง เหมือนทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา
เบื้องหลังของเรื่องนี้ถือว่าน่าสนใจ เราได้ข้อมูลจาก พล.ท.สุรเทพ หนูแก้ว หรือ “บิ๊กจ้อย” ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 5 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.ศปป.5 กอ.รมน.)

- ได้ทราบเรื่องหลังจากมีการโพสต์อินโฟกราฟฟิกลงในเพจแล้ว
- เห็นว่าเป็นเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม และคนทำไม่เข้าใจบริบทของพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งแตกต่างจากการสู้รบกับกัมพูชา
- ได้คุยกับน้องๆ ใน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า บอกว่าได้มีการเสนอผู้บังคับบัญชาตามขั้นตอนก่อนโพสต์
- ตนไม่มีอำนาจสั่งถอดได้ แต่ก็ได้ให้ความเห็นไปว่าไม่เหมาะสม
- ปัญหากัมพูชากับปัญหา BRN เป็นคนละเรื่องกัน
- การไปเทียบ BRN กับปัญหากัมพูชา อาจทำให้มองได้ว่าเป็นการยกสถานะ BRN เทียบเท่ากัมพูชา ซึ่งเป็น “รัฐ” รัฐหนึ่ง
- ปัญหาขัดแย้งไทย-กัมพูชา เป็นเรื่องดินแดนที่พิพาทกัน แต่ BRN กับรัฐบาลไทยไม่ได้พิพาทกันเรื่องนี้ เพราะ BRN ไม่ได้ครอบครองดินแดนตรงไหนที่จะมาอ้างสิทธิ์ทับซ้อนกับประเทศไทย
- ที่ผ่านมาทุกฝ่ายระมัดระวังการยกสถานะ BRN และการเปิดช่องให้ต่างชาติเข้าแทรกแซง โดยเฉพาะในช่องทาง armed conflict ฉะนั้นจะมาพูดเรื่องการต่อสู้ด้วยอาวุธเพื่อแย่งชิงดินแดนไม่ได้
- รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงระวังทุกเรื่อง การพูดคุยสันติสุข ก็ไม่ใช่คำว่า “เจรจา” เพราะไม่ต้องการยกระดับให้ BRN เป็นคู่เจรจาที่เทียบเท่ากับรัฐไทย หรือประเทศไทย
- เราไม่ใช้คำว่า “สันติภาพ” เพราะไม่ใช่การทำสงครามระหว่างประเทศที่ต้องทำข้อตกลงสันติภาพ
- บทบาทของเอ็นจีโอ และภาคประชาสังคมมีความสำคัญ จึงต้องไม่มองกลุ่มเหล่านี้เป็นฝ่ายตรงข้าม และต้องแก้ปัญหาด้วยการทำความเข้าใจ

ทีมข่าวถามถึงบทบาทของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งเพิ่งแถลงข้อมูลการจับกุมกลุ่มผู้ต้องสงสัยก่อเหตุยิง อส.ประจำ ชคต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา ซึ่งมีผู้ร่วมก่อเหตุถึง 12 คน บางคนเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัย ทำงานการไฟฟ้าฯ และเป็น “พวกหน้าขาว” คือไม่มีประวัติอาชญากรรม จนกลายเป็นข่าวใหญ่ว่า กลุ่มก่อความไม่สงบประกอบกำลังกันถึง 12 คน เพื่อก่อเหตุยิง อส.เพียงคนเดียว และยังมีแนวร่วมฝังตัวอยู่ในอาชีพต่างๆ โดยเฉพาะหน่วยงานฝ่ายรัฐ หรือทำงานเชื่อมโยงกับรัฐมากมาย
พล.ท.สุรเทพ อธิบายเรื่องนี้ไปอีกมุมหนึ่ง ซึ่งตรงกันข้ามกับที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงอย่างสิ้นเชิง
- เหตุการณ์ยิง อส.ชคต.ตลิ่งชัน มีเบื้องหลังที่ซับซ้อน
- กลุ่มที่ไปก่อเหตุไม่ใช่มืออาชีพ มีปัญหากับคนที่ถูกยิง จึงชักชวนกันไปร่วมก่อเหตุ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนในกลุ่มนี้เป็นสมาชิกขบวนการ หรือผู้ก่อเหตุรุนแรง
- การสรุปว่า ยิง อส.แค่คนเดียว ประกอบกำลังถึง 12 คน จึงไม่ถูกต้อง
- รวมถึงการระบุว่า มีคนเข้าไปแฝงตัวทำงานตามหน่วยงานรัฐ ก็ถือว่าสร้างความเข้าใจที่ผิดต่อสังคม เพราะคนเหล่านั้นเป็น “ลูกจ้าง” ไม่ใช่ “ข้าราชการ” ต้องแยกแยะ เพราะกลุ่มลูกจ้าง ใครก็เข้าไปเป็นได้ เหมือน “ลูกจ้าง 4,500” ที่รัฐจ้างงานเร่งด่วน ฉะนั้นจะไปเหมารวมว่าเป็น “คนของรัฐ” ไม่ได้
พล.ท.สุรเทพ ยังให้ข้อมูลว่า ตนเพิ่งลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยม ชคต. หรือ ชุดคุ้มครองตำบลตลิ่งชัน อ.บันนังสตา หลังจากเกิดเหตุนี้ และทำให้ทราบปัญหา ซึ่งปัญหาของ ชคต.แห่งนี้ ก็คล้ายๆ กับอีกหลายพื้นที่
- อส.บางส่วนเป็นคนหนุ่ม เมื่อผ่านการฝึก และถือปืน ทำให้มีพฤติกรรมห้าว หรือก้าวร้าว
- ผู้นำในท้องถิ่น เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไม่สามารถตักเตือนว่ากล่าวได้ พูดง่ายๆ คือ “คุมไม่ได้”
- มีการตั้งกลุ่มเพื่อแสดงศักยภาพของตนเอง บางกรณีก็สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น
- ปัญหาเกิดจากขั้นตอนการฝึก อส.เหล่านี้ผ่านการฝึก “ระดับบุคคล” แต่ยังไม่ได้ผ่านการฝึก “ระดับหน่วย” หรือฝึกร่วมของ ชคต. ทำให้บางคนไม่เข้าใจสายการบังคับบัญชา และไม่เข้าใจธรรมเนียมการปฏิบัติ
- ตนกำลังทำแผนในเรื่องเหล่านี้ เพื่อลดปัญหาของ ชคต. และเสริมศักยภาพให้ ชคต.มีความพร้อมมากขึ้นในการดูแลพื้นที่
พล.ท.สุรเทพ ซึ่งเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 26 (ตท.26) รุ่นเดียวกับ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ยังบอกว่า ตนได้ยกร่างแนวทางการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เป็นแผนยุทธศาสตร์แผนเดียว จะได้เป็นเอกภาพและเข้าใจตรงกันทั้งหมด เนื่องจากที่ผ่านมาบางหน่วย บางคนยังไม่เข้าใจยุทธศาสตร์ภาพใหญ่ ทำให้การดำเนินนโยบายบางอย่าง แทนที่จะเกิดผลดี กลายเป็นก่อผลลบ
คาดว่าแนวทางที่จัดทำใหม่จะเสร็จสมบูรณ์ในเร็ววันนี้!
อ่านประกอบ : ผอ.ศปป.5 คนใหม่ กับสูตรดับไฟใต้ “ก้าวข้ามความรุนแรง!”
