
อบจ.สงขลา เปิดประชุมรับฟังความคิดเห็น 3 โครงการพัฒนาสำคัญ ชูไฮไลต์ “ปรับปรุงอควาเรียมหอยสังข์” มุ่งยกระดับเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการเรียนรู้ทางทะเล ควบคู่การพัฒนาภูมิทัศน์สะพานป๋าเปรม – ถนนสายหลัก พ่วงพื้นที่ป่าชายเลนโคกไร่ หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พร้อมสร้างคุณภาพชีวิตยั่งยืน
วันอังคารที่ 2 ก.ย.68 องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.สงขลา) จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2548 เกี่ยวกับโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ในพื้นที่ โดยการประชุมจัดขึ้นที่ โรงแรมลากูน่า แกรนด์ แอนด์ สปา สงขลา โดยมี นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม นายก อบจ.สงขลา เป็นประธาน และมีผู้แทนจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) คณะผู้บริหาร สมาชิกสภา อบจ. และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมอย่างคึกคัก
การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนรับทราบข้อมูลและแสดงความคิดเห็นต่อโครงการพัฒนาที่สำคัญของจังหวัดสงขลา รวม 3 โครงการ ได้แก่
- โครงการพลิกโฉมอควาเรียมหอยสังข์
- โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ถนนสายหลัก สะพานติณสูลานนท์ หรือ “สะพานป๋าเปรม” ข้ามทะเลสาบสงขลา
- โครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและการขนส่งในพื้นที่แปลงโคกไร่ ซึ่งเป็นป่าชายเลนริมทะเลสาบสงขลา ใน ต.พะวง อำเภอเมืองสงขลา
ทั้งนี้ เพื่อเป็นแนวทางให้การดำเนินงานสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
บรรยากาศของการประชุม ปรากฏว่าประชาชนในพื้นที่ให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย ทั้งข้อเสนอแนะในการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยว การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตลอดจนแนวทางส่งเสริมการค้าการลงทุน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสม โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งรับผิดชอบดำเนินโครงการ ได้รวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วม เพื่อนำไปประกอบการจัดทำรายงานและกำหนดแนวทางการดำเนินงานในขั้นต่อไป
การประชุมครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชน และภาควิชาการ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาสงขลาอย่างยั่งยืน โดยทุกฝ่ายต่างคาดหวังว่าโครงการทั้ง 3 จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ตลอดจนสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนในจังหวัดสงขลา ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่เกี่ยวเนื่องกัน เพราะอควาเรียมหอยสังข์ก็อยู่ริมทะเลสาบสงขลา ใกล้กับสะพานติณสูลานนท์ เช่นเดียวกับป่าชายเลนแปลงโคกไร่
นายสุพิศ กล่าวว่า โครงการทั้ง 3 เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายหลักที่มุ่งยกระดับสงขลาให้เป็นเมืองต้นแบบด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการคมนาคมขนส่ง จึงได้จัดทำประชาคมเพื่อสอบถามความเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมทั้งเตรียมงบประมาณสำหรับการสำรวจและออกแบบไว้เรียบร้อยแล้วในปี 2569 ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการส่งมอบพื้นที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมธนารักษ์
สำหรับแหล่งงบประมาณ มีการวางแผนไว้ 2 แนวทาง คือ เปิดให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนพัฒนา หรือใช้งบประมาณจากรัฐบาลกลาง และ อบจ.สมทบ โดยเชื่อว่าเมื่อโครงการดำเนินการแล้วจะสามารถสร้างเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และเป็นแลนด์มาร์คสำคัญที่ประชาชนจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของสงขลาได้อย่างชัดเจนภายใน 4 ปี
@@ “อควาเรียมหอยสังข์” ถูกมัดตราสัง 2 ทศวรรษ

สำหรับโครงการ “อควาเรียมหอยสังข์” เป็นชื่อเรียกโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา เนื่องจากสร้างเป็นรูปหอยสังข์ ริมทะเลสาบสงขลา ใกล้ๆ เชิงสะพานติณสูลานนท์ ประชาชนจึงเรียกติดปากว่า “อควาเรียมหอยสังข์”
โครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการมหากาพย์ที่ถูกทิ้งร้าง เพราะทุ่มงบประมาณกว่า 1,400 ล้านบาท ก่อสร้างมากว่า 15 ปี จนถึงปัจจุบันผ่านไป 17 ปีแล้วยังถูกปล่อยทิ้งร้าง เปิดใช้งานไม่ได้
ปี 2551 เริ่มก่อสร้าง แต่ถ้านับย้อนถึงการวางแผน ศึกษา ต้องย้อนไปถึงปี 2536
ปี 2536 - 2548 มีการสำรวจและศึกษาความเป็นไปได้ เพื่อก่อสร้าง “พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา” โดยวัตถุประสงค์ในขณะนั้น เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว

ปี 2549 คณะกรรมการอาชีวศึกษา หรือ กอศ.เจ้าของโครงการ ปรับรูปแบบโครงการเป็น “ศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา” หรือ “อควาเรียมหอยสังข์” มีการเพิ่มวัตถุประสงค์เป็น ศึกษา ค้นคว้า และทดลองเกี่ยวกับชีววิทยาทางทะเล
ปี 2550 มีการเสนอคณะรัฐมนตรี และได้รับความเห็นชอบ ใช้งบประมาณปี 2550 วงเงิน 838 ล้านบาท
ปี 2551 :เริ่มก่อสร้าง และมีข้อโต้แย้งด้านวิศวกรรม สถาปัตยกรรม จนโครงการหยุดชะงัก
ปี 2552 กระทรวงศึกษาธิการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง พบปัญหาข้อโต้แย้งในสัญญา
ปี 2558 กลับมาฟื้นโครงการอีกครั้ง แถมเพิ่มงบก่อสร้างอาคารอนุบาลสัตว์น้ำ และปรับภูมิทัศน์โดยรอบอีก 381 ล้านบาท

ปี 2561 ของบเพิ่มอีก 286 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างให้แล้วเสร็จ
ปี 2565 ใช้งบไปแล้ว 1,400 ล้านบาท ยังไม่แล้วเสร็จ
ปี 2566 ป.ป.ช.ภาค 9 แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ถูกกล่าวหารวมทั้งสิ้น 27 ราย แต่สุดท้ายโครงการติดล็อก ไปต่อไม่ได้ ยังหาทางออกไม่ได้ สภาพทิ้งร้าง
กระทั่งมีการเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม เมื่อครั้งลงสมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ. ได้เสนอนโยบายปรับปรุงอควาเรียมหอยสังข์ ให้กลับมาเปิดใช้งานให้ได้ หยุดสภาวะทิ้งร้าง ละลายงบประมาณไปมากกว่า 1,400 ล้านบาทตลอดเกือบ 2 ทศวรรษ
