
ใครจะเชื่อว่าดินแดนสารพัดปัญหาอย่างประเทศไทย แต่ก็มีเสน่ห์ในแง่ของความสงบ และการใช้ชีวิตแบบสบายๆ สไตล์ไทยแลนด์ กระทั่งเป็นจุดหมายปลายทางของผู้คนทั่วโลก กลับต้องเผชิญกับ “ภาวะสงคราม” ในปี 2568 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป
และในปี 2569 ซึ่งตรงกับปีนักษัตร “ปีมะเมีย” หรือ “ปีม้า” ซึ่งคาดการณ์กันว่าจะเป็น “ปีม้าไฟ” ประเด็นขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ก็ยังเป็น “จุดร้อน” เสี่ยงบานปลายเป็นสงครามใหญ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน กันเลยทีเดียว
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการด้านความมั่นคง จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำรวจ “จุดร้อน” หรือ Hot spot ในบริบทสงครามทั่วโลก...
และไทย-กัมพูชา กลายเป็น 1 ใน 12 จุดเสี่ยงที่เชื่อมโยงทั้งปัญหาความมั่นคงในภูมิภาค และการเผชิญหน้าของมหาอำนาจในบริบทของภูมิรัฐศาสตร์ด้วย
@@ สงครามในเวทีโลก 2026
หากเราทดลองมองปัญหาการเมืองโลกในบริบทของสงครามในปี 2026 แล้ว (พ.ศ.2569 ที่จะถึงนี้) เราจะเห็นถึงจุดเปราะบางที่อาจจะเรียกในอีกด้านหนึ่งว่า “จุดร้อน” ที่ท้าทายต่อเสถียรภาพของการเมืองระหว่างประเทศ 12 จุดในเวทีโลก ดังนี้
1.สงครามรัสเซีย-ยูเครน: สงครามยูเครนในปี 2026 จะเป็นการก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 ของสงครามอย่างไม่น่าเชื่อ แม้จะมีกระบวนการสันติภาพที่ผลักดันโดยผู้นำสหรัฐฯ แต่สันติภาพในยูเครนดูจะเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะข้อถกเถียงในประเด็นเรื่องของดินแดนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย แต่รัฐบาลยูเครนก็ไม่มีขีดความสามารถที่จะปลดปล่อยดินแดนส่วนนี้ได้
ประเด็นข้อถกเถียงเรื่องสันติภาพยูเครน และปัญหาการจัดการความมั่นคงของยูเครนในอนาคต จะยังเป็นประเด็นสำคัญของการเมืองโลกในปี 2026
2.สงครามรัสเซีย-เนโต้: สิ่งที่เป็นประเด็นสืบเนื่องมาจากสงครามยูเครนอย่างสำคัญคือ ปัญหาสงครามของรัสเซียจะขยายออกนอกพื้นที่ของยูเครน และเกิดขึ้นกับชาติสมาชิกของเนโต้ เช่น กรณีของฟินแลนด์และโปแลนด์หรือไม่ เพราะหากเกิดขึ้นจริงแล้ว อาจส่งผลให้เกิดการบังคับใช้มาตรา 5 ของกฎบัตรเนโต้ อันนำไปสู่ความขัดแย้งโดยตรงระหว่างรัสเซียกับเนโต้ ซึ่งจะกลายเป็นสงครามใหญ่ในตัวเอง
3.สงครามที่ไม่จบในกาซา: อิสราเอลยังคงใช้อำนาจทางทหารกระทำต่อเป้าหมายในฉนวนกาซ่าอย่างไม่หยุดยั้ง แม้จะมีเงื่อนไขของการหยุดยิงแล้วก็ตาม อิสราเอลอาจเชื่อมั่นในพลังอำนาจทางทหารของตน แต่การกระทำเช่นนั้นก็ทำให้อิสราเอลมีปัญหาของการได้รับความยอมรับในเวทีระหว่างประเทศมากขึ้น ซึ่งทำให้อิสราเอลต้องอาศัยการสนับสนุนของสหรัฐฯ ในเวทีสากล
4.สงครามที่ขยายตัวในฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน: นอกจากปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในกาซาแล้ว อิสราเอลยังขยายบทบาททางทหารของตนเข้าไปจัดการกับชาวปาเลสไตน์ในฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งมีความน่ากังวลว่า ปฏิบัติการทางทหารนี้ในปี 2026 จะขยายตัวมากขึ้น และจะเป็นโจทย์สำคัญอีกส่วนของปัญหาในเวทีโลก
5.สงครามที่หวนคืนระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล: สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านเป็นสิ่งที่ไม่อาจยุติลงได้จริง แม้อิหร่านจะถูกทำลายศักยภาพทางทหารอย่างมาก และขีดความสามารถในการโจมตีทางทหารของอิหร่านจะถูกลดทอนอย่างมาก แต่ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านในอนาคตเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้ เพราะความสงบอาจเป็นภาพลวงตาที่อาจปะทุได้อีกในปี 2026
6.การโจมตีในทะเลแดง: ปฏิบัติการโจมตีเรือของกลุ่มฮูตีที่เกิดขึ้นในทะเลแดง แม้จะเป็นภัยคุกคามที่ไม่อยู่ในระดับสำคัญเช่นสงครามในกาซ่า แต่ก็เป็นปัญหาความมั่นคงทางทะเลที่ส่งผลต่อการขนส่งในพื้นที่ดังกล่าว และการโจมตีเช่นนี้น่าจะยังคงเป็นปัญหาต่อไปในปี 2026
แม้กลุ่มฮูตีจะถูกโจมตีอย่างหนักในปี 2025 แต่ก็มิได้มีนัยว่า ขีดความสามารถในการโจมตีทางทะเลของกลุ่มจะหมดสถานะของการเป็นภัยคุกคามในทะเลแดงแต่อย่างใด
7.สงครามข้ามช่องแคบไต้หวัน: ความตึงเครียดในปัญหาไต้หวันเป็นประเด็นที่น่ากังวลเสมอ เพราะปัญหานี้ได้แสดงให้เห็นมาตลอดช่วงในระยะเวลาที่ผ่านมาด้วยการแสดงแสนยานุภาพของจีน ไม่ว่าเราจะตีความว่าการแสดงเช่นนี้คือการฝึกซ้อมในการเตรียมการทางทหารหรือเป็นการส่งสัญญาณในเวทีโลกที่จีนเตรียมพร้อมแล้วในการดำเนินการกับไต้หวัน และคาดเดาได้ไม่ยากว่า วิกฤตการณ์ไต้หวันน่าจะเป็นปัญหาของการเมืองโลกในปี 2026 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
8.ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี: สถานการณ์ความตึงเครียดบนคาบสมุทรแห่งนี้มีแนวโน้มที่จะทวีมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากผลพวงของการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นสัญญาณที่น่ากังวลว่า คาบสมุทรเกาหลียังเป็นจุดเปราะบางของการเมืองโลกต่อไปในปี 2026
9.สงครามในทะเลจีนใต้: การอ้างกรรมสิทธิ์ทางทะเลของรัฐต่างๆ ในบริบทของปัญหาทะเลจีนใต้นั้น เป็นปัญหาหนึ่งที่สำคัญในการเมืองโลกและมีแนวโน้มที่ปัญหานี้อาจปะทุและขยายตัวเป็นปัญหาใหญ่ได้ โดยเฉพาะบทบาทของจีนที่มีลักษณะของการใช้กำลังมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และจีนเองต้องการอ้างกรรมสิทธิ์ในเชิงพื้นที่ทั้งหมด อันทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกับรัฐอื่นๆ เช่น ในกรณีฟิลิปปินส์ และเวียดนามเป็นต้น
10.สงครามกับกลุ่มอาชญากรรมของเวเนซุเอลา: หากผู้นำสหรัฐฯ ดำเนินการโจมตีทางทหารต่อเรือของเวเนซุเอลาอย่างไม่หยุดแล้ว ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับเวเนซุเอลาน่าจะขยายตัว ไม่เป็นเพียงปัญหาในภูมิภาคอเมริกา แต่ขยายเป็นปัญหาสำคัญในเวทีโลกในปี 2026 และอาจดึงเอารัฐอื่นๆ ในภูมิภาคเข้ามาเป็นสงครามการเมืองด้วยการให้การสนับสนุนรัฐบาลเวเนซุเอลาได้
จึงน่าสนใจว่า ปัญหาการโจมตีของสหรัฐฯ ในทะเลแคริบเบียนในปี 2026 นั้น จะคลี่คลายไปอย่างไรในอนาคต และจะส่งผลอย่างไรกับบทบาทและความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับประเทศในภูมิภาคดังกล่าวอย่างไร
11.สงครามในพื้นที่ของรัฐชายขอบ: นอกจากแนวโน้มของสงครามใหญ่ที่อาจเกิดในเวทีโลกแล้ว อาจต้องหันมาพิจารณาสงครามของรัฐรอบนอก เช่น สงครามในทวีปแอฟริกา ดังที่เห็นได้จากสงครามและความขัดแย้งในซูดาน ซูดานใต้ โซมาเลีย มาลี และอาจรวมถึงสงครามกลางเมืองในเมียนมาด้วย ซึ่งจะต้องตระหนักว่า สงครามในพื้นที่เช่นนี้มีความรุนแรง และสร้างปัญหาวิกฤตมนุษยธรรมอย่างมากด้วย
12.สงครามไทย-กัมพูชา: ในปีใหม่ 2026 คงต้องบรรจุสงครามชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นหนึ่งในสงครามที่อาจต้องจับตามอง เพราะความขัดแย้งที่นำไปสู่การใช้กำลังในครั้งนี้ กำลังกลายเป็นสงครามใหญ่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในยุคปัจจุบัน
แม้สงครามจะเกิดมาตั้งแต่กลางปี 2025 และมีการเจรจาหยุดยิงในช่วงสิ้นปี แต่ก็มีความหวั่นใจว่า สงครามระหว่างรัฐเพื่อนบ้านทั้ง 2 จะยุติได้จริงเพียงใด และผลของสงครามนี้จะยังเป็นประเด็นทั้งทางการเมืองและการทหารของรัฐคู่พิพาทต่อไปในปีใหม่
// ท้ายบท //
บทความนี้เป็นการทดลองนำเสนอมุมมองต่อสถานการณ์โลกในบริบทของสงคราม ซึ่ง 12 จุดร้อนนี้ เป็นสัญญาณว่า โลกในปีใหม่นั้นสงครามจะยังคงเป็นประเด็นสำคัญในการเมืองโลก และทั้งอาจจะทวีความรุนแรงมากขึ้นด้วยในบางจุด
แต่ก็หวังว่า ไฟสงครามในปีใหม่จะไม่ร้อนจน “เผา” การเมืองโลกไปมากกว่าปีที่ผ่านมา!
