
ภาพบรรยากาศเมืองสุไหงโก-ลกที่เงียบเหงา เต็มไปด้วยป้ายขายบ้าน ขายร้านรวง และกิจการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตึกแถว อาคารพาณิชย์ ทั้งริมถนนและในตรอกซอกซอย ปรากฏอยู่ในคลิปหาเสียงของผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลกรายหนึ่ง ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก
เสียงวิจารณ์ด้านหนึ่ง ก็คือตกใจกับสภาพเศรษฐกิจในพื้นที่ปลายด้ามขวาน ทั้งๆ ที่เป็นเมืองชายแดนที่บรรยากาศน่าจะคึกคักกว่านี้ เพราะเป็นช่วงเทศกาลฮารีรายอ แต่จากภาพที่ออกมากลับตรงกันข้าม
ขณะที่เสียงวิจารณ์อีกด้านหนึ่งพุ่งไปที่ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเจ้าของคลิปหาเสียง ว่าการทำคอนเทนต์แบบนี้ ส่งผลดีหรือร้ายกับเมืองสุไหงโก-ลกกันแน่
แม้ทุกคนจะยอมรับว่าเศรษฐกิจในจังหวัดชายแดนภาคใต้ย่ำแย่จริงๆ โดยเฉพาะที่สุไหงโก-ลก จากปัญหาล่าสุดคือทางการมาเลเซียปิดท่าข้ามธรรมชาติทุกแห่ง ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ฝ่าฝืน ทำให้ตลาดและการค้าในกลุ่มรากหญ้าสองฝั่งแม่น้ำโก-ลกของทั้งสองประเทศ คือทั้งฝั่งไทยและมาเลเซีย ซบเซาอย่างหนัก
การเดินทางข้ามไปซื้อสินค้าจากอีกฝั่งกลับมาขาย หรือการท่องเที่ยวแบบเช้าไป-เย็นกลับ แทบจะหยุดชะงักเป็นอัมพาตไปเลย
ขณะที่สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมา 21 ปี ทำให้พื้นที่แห่งนี้ไม่มีช่วงเวลาของความคึกคักสดใยอย่างแท้จริงเลย พอบรรยากาศเริ่มจะดี เริ่มจะคลี่คลาย ก็มีเสียงระเบิดลูกใหม่มาทำลายอยู่เนืองๆ
ผลสะเทือนจากคลิปวีดีโอหาเสียงชิ้นนี้ก็คือ คนนอกพื้นที่หวาดกลัวชายแดนใต้มากขึ้น และสิ้นหวังมากกว่าเดิม
ส่วนคนในพื้นที่ก็ออกอาการมึนงงว่าจะทำคอนเทนต์ออกมาซ้ำเติมเพื่ออะไร แทนที่จะเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นบรรยากาศที่เป็นอยู่ ทุกคนก็รู้ๆ กันอยู่แล้ว
แต่ก็มีบางเสียงให้ความเป็นธรรมกับเจ้าของแคมเปญหาเสียงด้วยเหมือนกันว่า อาจจะต้องการเสนอปัญหาให้ชัดเจนก่อน เพื่อดึงความสนใจ จากนั้นจึงเสนอแนวทางแก้ไขเป็นนโยบายหาเสียงของตน

“ทีมข่าวอิศรา” ลงพื้นที่สุไหงโก-ลก สำรวจตามย่านเศรษฐกิจ ชุมชน และถนนหนทางต่างๆ พบว่ามีป้ายขายกิจการ ขายบ้าน ขายอาคารพาณิชย์ ทั้งแขวนทั้งติดอยู่ตามอาคารบ้านเรือนต่างๆ จริง แต่ไม่ได้มากมาย หรือมีป้ายขายติดๆ กันเป็นพรืดเหมือนที่เห็นในคลิปวีดีโอ จึงเชื่อว่าเป็นการนำภาพจากหลายๆ สถานที่มารวมต่อๆ กัน เพื่อตอกย้ำปัญหาให้เห็นชัดเจนขึ้น
“ทีมข่าว” ได้พูดคุยสอบถามกับคนในพื้นที่ กลุ่มที่เคยขายบ้านและเซ้งร้านค้า ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สาเหตุที่ต้องขายบ้าน ปิดกิจการ มาจากสาเหตุทั้งเรื่องสถานการณ์ความไม่สงบ และภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างหนัก แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ประกาศขายบ้านหรือกิจการเพราะต้องการตามลูกหลานไปอยู่นอกพื้นที่
นายสมพร (สงวนนามสกุล) ชาวไทยพุทธรายหนึ่ง บอกว่า ภาพการประกาศขายบ้าน ปิดกิจการ สำหรับคนพื้นที่รู้สึกเฉยๆ เพราะชินมากกว่า มีประกาศตลอด เนื่องจากเศรษฐกิจและสถานการณ์มันเกี่ยวโยงกัน
“บางคนบอกว่าปัญหาเศรษฐกิจไม่เกี่ยวกันกับเรื่องความมั่นคง แต่ลึกๆ แล้วมันแยกออกจากกันยาก เพราะทั้งสองประเด็นส่งผลต่อกัน”
“กลุ่มก่อความไม่สงบเองก็เคยประกาศว่า ต้องการทำลายเศรษฐกิจในพื้นที่ ก็เข้าทางกับสิ่งที่เกิด หากมองดูลึกๆ มันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ขณะที่นักการเมืองก็เอาแต่ผลประโยชน์ ตอนหาเสียง นโยบายที่ประกาศก็ดีกันหมด พยายามดึงทุกปัญหามาพูด แต่พอได้ตำแหน่งแล้ว ไม่มีใครทำได้สักคน”
นายสมพร บอกอีกว่า คลิปหาเสียงชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก ที่กำลังเป็นกระแสนั้น ตนก็เห็นแล้ว เป็นการพยายามดึงส่วนที่เป็นปัญหามาบอกกล่าวว่าจะแก้ปัญหา ทั้งๆ ที่คนเก่า (อดีตนายกเทศมนตรี) ก็ทำอยู่
“ปัญหาเศรษฐกิจมันเป็นปัญหาระดับชาติด้วย แต่พอทำคลิปแบบนี้ คนที่เสียหายคือคนพื้นที่ เพราะภาพลักษณ์ของพื้นที่พังไปเลย คนข้างนอกรู้สึกไม่สบายใจ ฉะนั้นมันก็ยากที่เขาจะมาเที่ยวหรือมาลงทุน”
“ส่วนตัวมองว่า คลิปนี้มันส่งผลเสียมากกว่าจะเป็นผลดี เพราะคนพื้นที่รู้ว่ามันคือการทำคอนเทนต์ของนักการเมือง แทบไม่มีผลต่อการเลือกตั้งในอนาคตเลย ในส่วนของการประกาศป้ายขายบ้านหรือกิจการก็มีปกติ จนชาวบ้านชินแล้ว ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นปัญหา” ชาวบ้านในพื้นที่ ระบุ
ด้าน น.ส.อำภรณ์ (สงวนนามสกุล) ชาวไทยพุทธอีกรายหนึ่งที่ประกาศขายบ้าน บอกว่า ตนทำงานมาตลอดชีวิต ตอนนี้ลูกๆ เรียนจบ ได้งานทำนอกพื้นที่ ก็คิดว่าไปอยู่กับลูกดีกว่า จึงประกาศขาย ไม่ได้เกี่ยวกับปัญหาหรือสถานการณ์อะไร แต่ก็ยอมรับว่าเบื่อกับปัญหาที่เกิดขึ้นวนๆ ซ้ำๆ แก้ไม่ได้สักที จึงตัดสินใจไปอยู่กับลูกนอกพื้นที่ดีกว่า
ขณะที่ นายจรูญ มูนซอ ซึ่งประกาศขายกิจการ บอกว่า ทุกวันนี้ทำงานมีรายได้น้อยกว่ารายจ่าย แต่เดิมผ่อนบ้านหลายหลัง จึงคิดว่าจะขายไปบ้าง ภาระจะได้ลดลง กิจการที่มาเลเซียก็แย่ ต้องประกาศขายหลายร้าน กิจการที่ฝังไทยก็อยู่ไม่ไหว จำเป็นต้องขายออกไปก่อน เพราะผ่อนไม่ไหวจริงๆ
ทั้งหมดนี้คือเสียงจริงจากคนพื้นที่ เป็นเสียงของความหมดหวัง เบื่อหน่าย และยังมองไม่เห็นแสงสว่างใดๆ ที่ปลายอุโมงค์!
