
บุกค้นบ้าน - ตามรวบแล้ว 1 ราย คาดเป็นทีมร่วมก่อเหตุยิงสามเณรวัดกุหร่า สะบ้าย้อย ผลตรวจปลอกกระสุนชัด ใช้เอ็ม 16 ซุ่มยิง เป็นปืนที่ปล้นชิงจากเหตุการณ์โจมตีป้อมตำรวจนาประดู่ ปัตตานี เมื่อปี 66 ผู้ว่าฯสงขลาวอนทุกฝ่ายอย่าโยงปมขัดแย้งศาสนา กรรมการสิทธิฯออกแถลงการณ์ร่วมประณาม
วันพุธที่ 23 เม.ย.68 เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงนำกำลังเข้าปิดล้อม ตรวจค้น และพิสูจน์ทราบที่บ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านบาลา หมู่ 3 ต.ดอนรัก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และควบคุม นายนัสรี ตูแก อายุ 22 ปี ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนสมาชิกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา คือ อ.จะนะ เทพา สะบ้าย้อย และนาทวี (โดย อ.หนองจิก เป็นอำเภอรอยต่อระหว่าง จ.ปัตตานี กับ 4 อำเภอนี้ของสงขลา)
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่มีหลักฐานเชื่อมโยงว่า นายนัสรีน่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงรถรับส่งพระและสามเณรวัดกุหร่า หรือ วัดเกาะอภินิหาร อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ขณะเดินทางไปบิณฑบาต ทำให้สามเณรมรณภาพ 1 รูป ท่ามกลางความตื่นตะลึงของประชาชนคนไทยทั่วประเทศ เนื่องจากเณรรูปนี้เป็นเด็กวัยแค่ 16 ปี และเพิ่งเข้าบรรพชาภาคฤดูร้อน กระทั่งโดนลอบยิงใส่รถขณะออกบิณฑบาตวันแรก โดยตำรวจ สภ.สะบ้าย้อย ที่ขับรถส่วนตัวพาพระและเณรไปบิณฑบาตนั้น ก็คือบิดาของเณรที่มรณภาพนั่นเอง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกในการควบคุมตัว นายนัสรี เป็นเวลา 7 วัน และนำตัวไปลงบันทึกประจำวัน ที่ สภ.ตุยง อ.หนองจิก จากนั้นส่งดำเนินกรรมวิธีซักถาม ที่ศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก
จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า นายนัสรี เป็นผู้ให้การสนับสนุนสมาชิกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ และมีความเชื่อมโยงกับ นายนายอัซมัน เปาะเลาะ ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ซึ่งมีหมายจับจำนวน 13 หมาย ถูกจับกุมเมื่อ 17 ก.ย.66 ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ตั้งด่านตรวจค้น และพบตัวนายอัซมันนั่งรถผ่านด่าน จึงควบคุมตัวเอาไว้ได้
สำหรับการติดตามจับกุม นายนัสรี สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้แกะรอยตามภาพที่บันทึกได้จากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในพื้นที่ รวมถึงพยานหลักฐานในจุดเกิดเหตุ ทั้งลายนิ้วมือแฝง และสารพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ)
@@ ผลตรวจเอ็ม 16 ปล้นจากเหตุโจมตี ตร.นาประดู่

อีกด้านหนึ่งมีความคืบหน้าผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานจากจุดเหตุยิงสามเณร พบปลอกกระสุนปืนของคนร้ายตกอยู่ 30 ปลอก เป็นกระสุนที่ยิงจากอาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 ซึ่งคนร้ายปล้นชิงมาจากเหตุการณ์บุกยิงตำรวจ สภ.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี บริเวณป้อมริมถนนพาดทางรถไฟบ้านนาประดู่ หมู่ 6 ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา ทำให้ ส.ต.ต.พิจักษณ์ บัวแก้ว อายุ 22 ปี ตำแหน่ง ผู้บังคับหมู่ หน่วยปฏิบัติการพิเศษปัตตานี 13 (ผบ.หมู่ นปพ.ปัตตานี 13) เสียชีวิต และคนร้ายได้ชิงอาวุธปืนเอ็ม 16 กับอาวุธปืนประจำกายขนาด 9 มม.หลบหนีไป
ปืนเอ็ม 16 กระบอกนี้ถูกนำมาใช้ในเหตุการณ์ยิงสามเณรวงศกร ชูมาปาน จนมรณภาพ
ส่วนปลอกกระสุนปืนขนาดอื่นๆ ที่พบในจุดเกิดเหตุ มาจากปืนของ ร.ต.ท.วัฒนา ชูมาปาน เจ้าของรถ และโยมพ่อของสามเณรวงศกร ที่ยิงตอบโต้คนร้าย
จากการตรวจจุดเกิดเหตุยังพบว่า การยิงสามเณรวงศกร เป็นการซุ่มยิง โดยคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดไว้ในสวนยางพาราห่างจากจุดยิงราว 50 เมตร หลังจากที่ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 กระหน่ำยิง และถูกยิงตอบโต้ จึงวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดเอาไว้ ขับหลบหนีไป
สำหรับพิธีสวดพระอภิธรรมศพของ สามเณรวงศกร จะมีพิธีรดน้ำศพในวันพฤหัสบดีที่ 24 เม.ย. เวลา 15.00 น.ที่วัดทำเนียบธรรมาราม ต.สะบ้าย้อย และจะมีพิธีฌาปนกิจในวันอาทิตย์ที่ 27 เม.ย.
@@ ผู้ว่าฯสงขลา เผยเป็นเหตุรุนแรงแรกในรอบ 6 เดือน

วันเดียวกัน ที่โรงพยาบาลสะบ้าย้อย นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย นางปวีณ์ริศา เกิดสม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสงขลา และประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา รวมถึง นายมงคล สินยัง นายอำเภอสะบ้าย้อย ได้เดินทางเข้าเยี่ยมพระภิกษุและสามเณรที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุยิงใส่รถของ ร.ต.ท.วัฒนา ขณะขับพาพระและสามเณรออกบิณฑบาต
โดยพระและสามเณรกลุ่มนี้ได้รับบาดเจ็บ และยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล โดยทั้งหมดอาการปลอดภัย และสภาพจิตใจดีขึ้นแล้ว มีเพียง สามเณรโภคนิษฐ์ โมราศิลป์ อายุ 11 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บ เศษกระจกกระเด็นโดนศีรษะ ยังคงอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
@@ เตือนอย่าเชื่อมโยงขัดแย้งศาสนา

นายโชตินรินทร์ กล่าวว่า ตั้งใจเดินทางมาเยี่ยมด้วยความเป็นห่วง เท่าที่เห็นคือสามเณรยังอยู่ในภาวะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ในห้วงเกือบปีที่ผ่านมา จังหวัดสงขลาไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นเลย ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ที่ผ่านมาสงขลาได้มีการประกาศยุติความรุนแรงทุกรูปแบบ และมีมาตรการต่าง ๆ ออกมาเพื่อให้เกิดความมั่นใจกับพี่น้องประชาชน โดยหลักๆ คือให้ชุมชนมีส่วนร่วมโดยตรง”
“ส่วนประเด็นความขัดแย้งทางศาสนา ไม่อยากให้นำมาเชื่อมโยง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่มีใครยอมรับได้ ขอเเสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ยืนยันว่าจังหวัดสงขลาไม่ทอดทิ้ง พร้อมดูแลช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบเหตุอย่างเต็มที่” นายโชตินรินทร์ กล่าว
มีรายงานว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 24 เม.ย. ผู้ว่าฯสงขลาจะลงพื้นที่อีกครั้ง เพื่อร่วมพิธีรดน้ำศพสามเณรวงศกร ที่วัดทำเนียบธรรมาราม ต.สะบ้าย้อย พร้อมมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามมติคณะรัฐมนตรี จำนวน 7 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 560,000 บาท โดยครอบครัวของผู้เสียชีวิต จะได้รับเงินช่วยเหลือ จำนวน 500,000 บาท ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 6 ราย จะได้รับเงินช่วยเหลือรายละ 10,000 บาท
@@ กสม.ออกแถลงการณ์ประณามความโหดร้าย

วันเดียวกัน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)ได้ออกแถลงการณ์ประณามการก่อเหตุยิงสามเณรในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย เป็นเหตุให้มรณภาพ โดยระบุในแถลงการณ์ตอนหนึ่งว่า “ทุกศาสนาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่พหุวัฒนธรรม ต้องได้รับการเคารพและคุ้มครองอย่างสูงสุด เนื่องด้วยเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของศาสนิกชนที่ต้องไม่ถูกลบหลู่หรือทำร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีนี้สามเณรผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บยังเป็นเพียงเด็กและเยาวชน
กสม. จึงขอประณามการกระทำอันโหดร้ายของผู้ไม่หวังดีที่ก่อเหตุรุนแรงทั้งต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐและพลเรือนมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการก่อเหตุอุกอาจในครั้งนี้ที่ทำให้สามเณรได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง โดยขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งไปยังครอบครัวของสามเณรผู้มรณภาพ ผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งประชาชนในบริเวณใกล้เคียงที่ต้องอยู่อย่างรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัย
กสม. ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและประชาชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม รวมทั้งเพิ่มมาตรการคุ้มครองและป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นต่อบุคคลในพื้นที่ทางศาสนาและประชาชนอย่างต่อเนื่อง และขอให้มีการเยียวยาความเสียหายอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม”
