ปฏิบัติการดับเครื่องชนของ พ.ต.อ.วีรยุทธ ตาสีพันธุ์ อดีตผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.โคกเคียน จ.นราธิวาส ทั้งการแถลงตอบโต้ผู้บังคับบัญชากรณีสั่งย้ายตน หลังเกิดเหตุโชเล่ย์บอมบ์ และการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บังคับบัญชา ในข้อหาบุกรุกบ้านพัก ทำให้เจ้าตัวถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งมีแนวโน้มถึงขั้นโดนโทษทางวินัย
แต่ในรายละเอียดของการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ก็มีเงื่อนแง่ของการชิงไหวชิงหริบ ปิดจุดอ่อนทางกฎหมายของฝ่ายผู้บังคับบัญชาอยู่พอสมควร
ส่วนฝั่งอดีต ผกก.สภ.โคกเคียน ก็ลุยใช้กระแสสังคมกดดัน เรียกร้องไปถึงรัฐบาลและกลไกสภาให้ยื่นมือลงมาตรวจสอบปัญหา และพยายามอ้างระเบียบกฎหมายต่างๆ ให้เป็นประโยชน์กับฝ่ายตน
เราไปไล่ดูความเคลื่อนไหวของแต่ละฝ่าย
@@ สั่งสอบข้อเท็จจริง เปิดทางเล่นงานวินัย
วันอังคารที่ 29 เม.ย.68 เฟซบุ๊ก “ตำรวจภูธรภาค 9” ได้เผยแพร่แถลงการณ์ตำรวจภูธรภาค 9 กรณีมีคำสั่งให้ ผกก.สภ.โคกเคียน จ.นราธิวาส ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส มีเนื้อหาโดยสรุปว่า จากเหตุการณ์ระเบิดในท้องที่ สภ.โคกเคียน จ.นราธิวาส วันที่ 20 เม.ย.68 ทำให้มีผู้บาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย จึงได้มีคำสั่งย้าย พ.ต.อ.วีรยุทธ ตาสีพันธุ์ ผกก.สภ.โคกเคียน ให้ไปช่วยราชการ แต่ทาง พ.ต.อ.วีรยุทธ ได้ร้องเรียนผ่านสื่อว่าถูกกลั่นแกล้ง และไม่ได้รับความเป็นธรรม
ในข้อเท็จจริงคือ พ.ต.อ.วีรยุทธ ในฐานะหัวหน้าหน่วย จำเป็นต้องอยู่ประจำหน่วย เพื่อบริหารสถานการณ์และดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ในขณะเกิดเหตุ พ.ต.อ.วีรยุทธ เดินทางไปถึงที่เกิดเหตุหลังผู้บังคับบัญชา และที่ผ่านมาอีกหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ไม่สามารถควบคุมพื้นที่ให้ปลอดภัยได้ ทางตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาสจึงต้องออกคำสั่งย้ายดังกล่าว และมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นว่าเป็นความบกพร่อง หรือเป็นการปฏิบัติตามแผนและคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัดแล้วหรือไม่ โดยไม่ได้เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อกลั่นแกล้ง พ.ต.อ.วีรยุทธ แต่อย่างใด ซึ่ง พ.ต.อ.วีรยุทธ ก็สามารถใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งได้
ส่วนกรณีที่ ผบช.ภ.9 และ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ไปตรวจอาคารบ้านพักของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ สภ.โคกเคียน ก็เป็นการไปตรวจสอบภายนอก ไม่ได้มีการเข้าไปภายในบ้านพักแต่อย่างใด ซึ่งเป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชาตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ก็ถูก พ.ต.อ.วีรยุทธ แจ้งความร้องทุกข์ในข้อหา “ร่วมกันบุกรุกเคหสถาน” สร้างความเสียหายและความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ทั้งยังกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กร จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการทางวินัยกับ พ.ต.อ.วีรยุทธ และอาจจะพิจารณาดำเนินการทางแพ่งและอาญาต่อไป
@@ อดีต ผกก.โคกเคียน โวยย้ายก่อน สอบทีหลัง
ด้านความเคลื่อนไหวของ พ.ต.อ.วีรยุทธ หลังจากเข้าแจ้งความข้อหาบุกรุก เพื่อดำเนินคดีกับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส พร้อมนำภาพหลักฐานการถูกงัดทำลายลูกบิดประตูบ้านพักมาเปิดเผยกับสื่อมวลชน ก็ได้ออกมาแถลงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการการตำราวจ สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาการบริหารงานของตำรวจภูธรภาค 9 และตำรวจภูธรนราธิวาส
ล่าสุด เจ้าตัวได้ออกมาให้ข่าวเพิ่มเติมเพื่อโต้แย้งการตั้งคณะกรรมการสอบสวนของผู้บังคับบัญชา โดยบอกว่า การจะสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนว่าตนบกพร่องต่อหน้าที่หรือไม่ ต้องตั้งก่อนย้าย ไม่ใช่ย้ายแล้วจึงตั้งคณะกรรมการ นอกจากนั้น ในอีกหลายท้องที่ก็เกิดเหตุรุนแรงขึ้นเหมือนกัน เช่น ท้องที่สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ที่เกิดคาร์บอมบ์ หรือแม้แต่ท้องที่ สภ.เมืองปัตตานี ที่เกิดเหตุจักรยานยนต์บอมบ์ใกล้โรงพัก เหตุใดจึงไม่มีคำสั่งย้ายผู้กำกับ
@@ จี้ สตช.ส่วนกลางตั้งทีมสอบ “นาย” - ย้ายพ้นพื้นที่
พ.ต.อ.วีรยุทธ ยังเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการ 3 เรื่องอย่างเร่งด่วน ในส่วนของผู้บังคับบัญชาทั้ง 2 คน เนื่องจากถูกแจ้งความดำเนินคดีอาญาแล้ว กล่าวคือ
1.ออกคำสั่งสืบสวนข้อเท็จจริง โดยคณะสืบสวนจากส่วนกลาง
2.ส่วนคดีอาญา ได้มีการรับเลขคดีที่ สภ.โคกเคียน ซึ่งผู้ต้องหาเป็นผู้บังคับบัญชาทั้ง 2 นาย อำนาจสอบสวนของพนักงานสอบสวนท้องที่ สอบสวนเองไม่ได้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนระดับผู้บังคับการขึ้นไป ทำการสอบสวน
3.ออกคำสั่งให้คู่ขัดแย้งทุกฝ่ายออกจากพื้นที่ชั่วคราว จนกว่าการสอบสวนเสร็จสิ้น
@@ ข้อสังเกต 2 ประเด็น เข้าทางใคร?
อย่างไรก็ดี จากข้อเรียกร้องทั้ง 2 เรื่องของ พ.ต.อ.วีรยุทธ เป็นที่น่าสังเกตว่า เรื่องการตั้งคณะกรรมการสอบสวน พ.ต.อ.วีรยุทธ ของตำรวจภูธรภาค 9 นั้น เป็นการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการทางวินัย กรณีไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้บังคับบัญชา ในข้อหา “ร่วมกันบุกรุกเคหสถาน” โดยเห็นว่าสร้างความเสียหายและกระทบภาพลักษณ์ขององค์กร
โดยไม่ได้เป็นการตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีที่สั่งย้าย พ.ต.อ.วีรยุทธ ที่อ้างเหตุผลการปล่อยปละละเลยให้เกิดเหตุรุนแรงบ่อยครั้งในพื้นที่รับผิดชอบ และไม่ลงพื้นที่เกิดเหตุแต่อย่างใด
ส่วนการแจ้งความดำเนินคดีฐานบุกรุก ยังมีประเด็นทางข้อกฎหมายว่า ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ตกเป็นผู้ต้องหาแล้วหรือยัง หรือยังเป็นเพียง “ผู้ถูกกล่าวหา”