
คราบน้ำตาผู้เป็นโยมพ่อและโยมแม่ จากเหตุการณ์ “ยิงเณรมรณภาพ” ที่หน้าวัดกุหร่า อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ยังไม่ทันเหือดหาย ล่าสุดคนร้ายเปิดปฏิบัติการสังหารคนชรา และพี่น้องไทยพุทธอีกหลายศพช่วงเย็นถึงค่ำที่ผ่านมา
เหตุการณ์แรก เวลา 15.25 น. วันศุกร์ที่ 2 พ.ค.68 คนร้ายยิงหญิงชรา วัย 76 ปี เสียชีวิตจมกองเลือด มอเตอร์ไซค์ล้มคว่ำกลางถนน ในพื้นที่ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส โดยผู้ตายคือ นางสง่า แสงย้อย อายุ 76 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ข้างๆ ศพยังมีไม้เท้าของคุณยายตกอยู่
เหตุการณ์ครั้งนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คือ นายทัศไนย์ ตั้งคง อายุ 50 ปี เป็นลูกชายของคุณยายสง่า พลเมืองดีช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลจะแนะ

จากการสอบสวนของตำรวจทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายทัศไนย์ บุตรชาย ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีคุณยายสง่า มารดานั่งซ้อนท้าย ออกจากบ้านที่อาศัยอยู่ในโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง และฟาร์มตัวอย่างบ้านไอร์บือแต หมู่ 4 อ.จะแนะ เพื่อเดินทางไปหาหมอตามนัดที่โรงพยาบาลจะแนะ เมื่อเสร็จจากหาหมอ นายทัศไนย์ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์พาแม่นั่งซ้อนท้าย เพื่อกลับบ้านพัก
แต่ระหว่างทางถูกคนร้ายไม่ต่ำกว่า 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิง โดยใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม. เสียงปืนดัง 3 ครั้ง จนคุณยายสง่าเสียชีวิต รถจักรยานยนต์เสียหลักล้มคว่ำ ส่วนลูกชายบาดเจ็บสาหัส
มีรายงานด้วยว่า คุณยายสง่า น่าจะมีอาการสายตาฝ้าฟางเพราะความชรา จึงต้องถือไม้เท้าตลอดเวลา แต่ก็ยังถูกคนร้ายสังหารอย่างโหดเหี้ยม จนเสียชีวิตคาไม้เท้ากลางถนน
@@ บุกยิงยกครัว ดับ 3 ไม่เว้นเด็ก 9 ขวบ

เรื่องร้ายยังไม่จบเพียงเท่านั้น ช่วงค่ำวันเดียวกัน ยังเกิดเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธปืนกราดยิงชาวบ้านไทยพุทธ เหตุเกิดบริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งใน ต.โฆษิต อ.ตากใบ จ.นราธิวาส
เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ทราบชื่อ คือ
1.นายดำ จันทร์คง อายุ 70 ปี
2.ด.ญ.สสิตา จันทร์คง อายุ 9 ปี
3.นายแดง ตุนาสุข อายุ 58 ปี

ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตากใบ ทราบชื่อคือ
1.นายเชาว์ จันทร์คง อายุ 44 ปี
2.นายภาคีไนย รังเสาร์ อายุ 29 ปี
ทั้งหมดน่าจะเป็นเครือญาติกัน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยู่ระหว่างการเข้าตรวจพื้นที่เกิดเหตุ
@@ 4 วันลุยรวบ 12 ผู้ต้องสงสัยป่วนใต้!

อีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเปิดปฏิบัติการทางยุทธวิธี เข้าปิดล้อมตรวจค้นคุมตัว 5 ผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคง หลังได้ข้อมูลการซัดทอดจาก 7 ผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวก่อนหน้านี้ อ้างว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ
หลังจากที่ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้จัดตั้ง “ที่บัญชาการทางยุทธวิธี” เพื่อควบคุมเหตุการณ์ความรุนแรง พร้อมเร่งไล่ล่าหาตัวผู้กระทำผิดในคดีความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังเกิดเหตุรุนแรงถี่ๆ โดยเฉพาะเหตุการณ์ยิงเณร ที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา และกราดยิงชาวบ้านไทยพุทธที่ อ.แว้ง จ.นราธิวาส นั้น
ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นครั้งแรก เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ จำนวน 7 ราย จากพื้นที่ จ.นราธิวาส 2 ราย จ.ยะลา 2 ราย และ จ.ปัตตานี 3 ราย

ต่อมาวันศุกร์ที่ 2 พ.ค. “ที่บัญชาการทางยุทธวิธี” ทางเจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวดังกล่าวว่า มีผู้ที่เข้าข่ายสมรู้ร่วมคิดและกระทำผิดในคดีความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพิ่มเติมอีกจำนวน 5 ราย เจ้าหน้าที่จึงได้บูรณาการปฏิบัติการ เพื่อเข้าบังคับใช้กฎหมายกับบุคคลเป้าหมายในหลายพื้นที่ของ จ.นราธิวาส และ จ.ยะลา ดังนี้
ในพื้นที่ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย รวม 3 ราย ประกอบด้วย
1.นายอาลียัส (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี
2.นายอานาฟี (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี
3.นายโมฮำหมัดยูฮัน (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี
พร้อมตรวจยึดวัตถุพยานที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง ประกอบด้วย รถจักรยานยนต์ เสื้อผ้า และอุปกรณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะใช้ในการก่อเหตุ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 ราย ไปยัง สภ.เมืองนราธิวาส เพื่อลงบันทึกประจำวัน และส่งตัวดำเนินการกรรมวิธีซักถาม ณ ศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46

ส่วนในพื้นที่ จ.ยะลา เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย จำนวน 2 ราย คือ
1. นายฟัรฮาน (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี สามารถควบคุมตัวได้ในพื้นที่ หมู่ 3 ต.ท่าสาป อ.เมืองยะลา จึงได้เชิญตัวไปซักถามทำประวัติเบื้องต้น พร้อมนำตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลยะลาสิริรัตนรักษ์ และลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองยะลา ก่อนส่งตัวไปยังศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 เพื่อเข้าสู่การดำเนินกรรมวิธีซักถาม
2. นายฮานาฟี (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี สามารถควบคุมตัวได้ในพื้นที่ หมู่ 8 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา จึงได้เชิญตัวไปซักถามทำประวัติเบื้องต้น ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 33 พร้อมทั้งได้นำตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลบันนังสตา และลงบันทึกประจำวันที่ สภ.บันนังสตา ก่อนนำตัวส่งไปยังศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 เพื่อเข้าสู่กรรมวิธีซักถามและขยายผลต่อไป
