
เหตุรุนแรง 2 เหตุการณ์ในวันเดียวกัน นำความสูญเสียและเสียหายมาสู่ชีวิตผู้คน ไม่ว่าจะมองว่าพวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือประชาชนคนเดินดินธรรมดาก็ตาม
พุธที่ 28 พ.ค.68 คนร้ายระดมอาวุธสงครามยิงถล่มโรงพักจะแนะ จ.นราธิวาส ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย คือ ส.ต.อ.อับดุลเลาะ มะกาเซ็ง อายุ 30 ปี ถูกยิงบริเวณศีรษะ ส่วนอีกรายคือ ส.ต.อ.เจษฎา พรหมรัตน์ อายุ 33 ปี ถูกยิงบริเวณหน้าอก ขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์
ส.ต.อ.อับดุลเลาะ เป็นคนในพื้นที่ สมัครเป็นตำรวจ ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ภรรยากำลังตั้งท้องลูกคนที่ 2 แต่เขาต้องมาจากไป ลูกต้องเป็นกำพร้าตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลก
ผู้นำท้องถิ่นรายหนึ่งซึ่งรู้จักครอบครัวของตำรวจหนุ่มรายนี้เป็นอย่างดี เล่าว่า หลังจากครอบครัวทราบข่าวว่า ส.ต.อ.อับดุลเลาะ เสียชีวิต ภรรยาที่กำลังตั้งท้องลูกคนที่ 2 ก็เป็นลมล้มทั้งยืน ส่วนพ่อที่เป็นโรคหัวใจก็ถึงขั้นทรุด ขาอ่อน เกือบเป็นลม
“เขามีลูกชาย 1 คน ลูกยังเล็ก ภรรยาของเขาก็กำลังท้องลูกคนที่ 2 อยู่ สงสารมาก”
ผู้นำท้องถิ่นรายเดิม บอกว่า ส.ต.อ.อับดุลเลาะ เป็นคนกาลิซา อ.ระแงะ จ.นราธิวาส บ้านภรรยาอยู่ที่ดุซงญอ อ.จะแนะ ทุกวันนี้สร้างบ้านอยู่ที่ดุซงญอ แต่จะกลับไปหาครอบครัวที่กาลิซาบ่อยๆ เป็นคนรักครอบครัวมาก เป็นตำรวจมาไม่ถึง 10 ปี แต่เป็นคนนิสัยดี อัธยาศัยดี เข้ากับชาวบ้านได้ทั้งหมด
“อีกอย่างเขาเป็นลูกชายคนโตของครอบครัว เวลาเงินเดือนออก มักจะพาแม่ไปซื้อของ ไปหาอะไรอร่อยๆ กินตลอด แต่หลังจากที่ไม่มี ส.ต.อ.อับดุลเลาะ ครอบครัวเขาคงสะดุดไปบ้าง ทุกคนรู้ว่าบ้านเรามันมีความไม่สงบอยู่ แต่ไม่คาดคิดจะเป็นเขา ขอให้อัลลอฮ์ตอบแทนสวนสวรรค์ให้เขาและครอบครัว”
@@ หัวใจช้ำ “นุชฮูดา” ภรรยาตำรวจผู้กล้า

พฤหัสบดีที่ 29 พ.ค. “ทีมข่าวอิศรา” เดินทางไปที่บ้านของ นางแวลีเม๊าะ มะกาเซ็ง ใน ต.กาลิซา ซึ่งเป็นบ้านมารดาของ ส.ต.อ.อับดุลเลาะ มีการกางเต็นท์พร้อมจัดอาหารไว้ต้อนรับชาวบ้านที่เดินทางไปร่วมทำบุญพิธีศพ และแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ ส.ต.อ.อับดุลเลาะ
ครอบครัวได้ประกอบพิธีฝังศพตามหลักอิสลามที่กุโบร์บ้านบาเร๊ะบาโร๊ะ หมู่ 2 ต.กาลิซา
ทีมข่าวได้พบกับ น.ส.นุชฮูดา มะกาเซ็ง ภรรยาของตำรวจผู้พลีชีพ ซึ่งทำงานเป็นพยาบาลของโรงพยาบาลจะแนะ เธอมีลูกชายวัย 5 ขวบ 1 คน และกำลังตั้งท้องลูกคนที่ 2 อายุครรภ์ 4 เดือน
นุชฮูดา เล่าถึงสามีด้วยความเศร้าเสียใจ
“เขาถนอมเรา ไม่ให้ทำงานหนักๆ” เธอบอกถึงอุปนิสัยของ ส.ต.อ.อับดุลเลาะ
“ตอนทำงานเขาไปรับไปส่งตลอด เวลาลงเวรบ่าย ช่วงดึกๆ ออกเวรเขาก็มารับ เราบอกกับเขาว่าขับรถมาเองได้ แล้วจะกลับไปเองก็ได้ เขาบอกไม่เป็นไร”

นุชฮูดา เล่าต่อว่า สามีดูแลเธอเป็นอย่างดี และฝันอยากจะมีลูกสาว
“เรามีลูกคนแรกด้วยกัน เป็นลูกชาย อายุ 5 ขวบ คนที่ 2 กำลังตั้งท้องอยู่ประมาณ 4 เดือน เขาอยากมีลูกสาว”
ภรรยาของสิบตำรวจเอก เล่าอีกว่า สามีเป็นคนดี กว้างขวาง แทบจะรู้จักทุกคนในอำเภอ
“เขาเป็นคนดีจริงๆ เข้ากันได้กับทุกคน เขารู้จักคนเยอะมาก ทั้งอำเภอจะแนะเลยที่เขารู้จัก”
ความสูญเสียแบบปัจจุบันทันด่วนทำให้ นุชฮูดา ไม่ได้ตั้งตัว
“ตอนนี้คิดอะไรไม่ออก คิดแต่ว่าพ่อแม่เขา เราไม่ทิ้ง อย่างไรเราต้องอยู่ให้ได้ เรามีลูก” เธอพูดเหมือนสัญญากับตัวเอง
ถือเป็นอีกหนึ่งความสูญเสียจากความรุนแรงที่ส่งผลกระทบกับอีกหลายชีวิต...
@@ ครูเล่นตะกร้อ กระสุนเจาะปอด

พุธที่ 28 พ.ค.เช่นกัน จู่ๆ ก็มีคนร้ายบุกเข้าไปยิงครู และ อส. ขณะกำลังแข่งขันเซปัคตะกร้อ ในกิจกรรมกีฬาต้านยาเสพติด ที่สนามกีฬาหน้าสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย
คนที่อาการหนักที่สุด คือ มูหัมมัดสุกรี ฮะ อายุ 37 ปี ครูโรงเรียนบ้านเกาะสะท้อน ถูกยิงบริเวณหน้าอก และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อาการโดยรวมยังไม่พ้นขีดอันตราย ยังหายใจไม่สะดวก มีกระสุนฝังในปอด ทีมแพทย์ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา
ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 3 ราย คือ อส.เอก ฮัมดานุดดีน สาและ อายุ 34 ปี ถูกยิงบริเวณหูขวา เป็นแผลถลอก, อส.เอก มุสลิม ดอสะ อายุ 37 ปี ถูกยิงบริเวณต้นแขนข้างขวา และ นายไซนุดดิน เจ๊ะบือราเฮง อายุ 34 ปี ถูกยิงบริเวณมือ
ทั้งหมดยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ และอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
