
ศาลจังหวัดปัตตานีอนุมัติหมาย พ.ร.ก. 2 หนุ่มจากปลายด้ามขวานขับรถซุกอุปกรณ์ระเบิด ตรวจเทียบชัดๆ เหมือนที่เคยใช้บึ้มป่วนชายแดนใต้ คาดจ้องก่อวินาศกรรมภูเก็ต แฉปีนี้สกัดจับได้แล้ว 2 รอบ!!
ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพังงา ตั้งด่านตรวจยานพาหนะ และสามารถควบคุมตัว นายมูหามะ วาเด็ง อายุ 29 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.มะนังยง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี และ นายสุไลมาน กาซา อายุ 27 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ขณะขับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีดำ ป้ายทะเบียน กฉ 9486 สุรินทร์ พร้อมวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดแสวงเครื่อง มีลักษณะเป็นนาฬิกาจับเวลาเชื่อมต่อสายไฟฟ้ากับแผงวงจร อัดแน่นอยู่ในถุงพลาสติกใส ซุกซ่อนในสัมภาระส่วนตัวของผู้ต้องหา โดยมีการต่อพ่วงกับดินระเบิดยังไม่ทราบน้ำหนัก
โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ทั้งคู่ขับรถมาจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีปลายทางที่ จ.ภูเก็ต แต่ถูกจับกุมที่ จ.พังงา คาดว่ามีเป้าหมายเดินทางไปก่อวินาศกรรมที่ภูเก็ต แต่ทั้งคู่อ้างว่าพวกตนแค่รับจ้างขับรถ ไม่ได้รับรู้เกี่ยวกับสิ่งของที่อยู่ในรถ โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่สามารถนำไปประกอบเป็นระเบิดแสวงเครื่องได้นั้น

จากการตรวจสอบเพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่อีโอดี หรือ ชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน พบว่าอุปกรณ์ที่พบ และเชื่อว่าสามารถนำไปประกอบเป็นระเบิดแสวงเครื่องได้นั้น มีหลายชิ้นเหมือนกับที่พบเป็นชิ้นส่วนระเบิดที่ใช้ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่บางชิ้นก็แตกต่าง ไม่เหมือนกัน ได้แก่
- วงจรนาฬิกา ไม่เหมือนที่ใช้ประกอบระเบิดแสวงเครื่องในจังหวัดชายแดนภาคใต้
- เชื้อปะทุ แบตเตอรี่ และขั้วต่อ หรือคอนเนคเตอร์ xt 60 รวมทั้งสวิตช์เปิดปิด เหมือนกับที่ใช้ในจังหวัดชายแดนภาคใต้
- สารระเบิด อยู่ระหว่างตรวจสอบ

แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งประสานงานกับตำรวจชุดจับกุมและทีมพิสูจน์หลักฐาน ให้ข้อมูลว่า โดยรวมแล้ว องค์ประกอบของอุปกรณ์ต่างๆ ที่พบ เหมือนกับที่ใช้ก่อเหตุระเบิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเคสที่เกิดเหตุในพื้นที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ได้จากสำนักงานเทศบาลตำบลต้นไทร เมื่อวันที่ 28 ก.พ.68 ที่ผ่านมา คนร้ายใช้เชื่อปะทุไฟฟ้าแสวงเครื่องที่มีลักษณะเหมือนกับที่พบล่าสุดที่ จ.พังงา
นอกจากนั้น เมื่อมีการเปรียบเทียบชิ้นส่วนของวงจรจุดระเบิด ปรากฏว่าเหมือนกันกับที่เกิดใช้ในพื้นที่ชายแดนใต้ เช่นเดียวกับคอนเนคเตอร์ xt 60 และปุ่มสวิตช์เปิดปิดก็ตรงกัน

ส่วนหลอดดินขยายการระเบิด คล้ายกันกับกรณีที่เกิดเหตุลอบวางระเบิด เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2555 และเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้เอาไว้ได้ บริเวณ หมู่ 4 ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
แหล่งข่าวยังเผยด้วยว่า อีก 7 วันนับจากนี้จะมีการส่งตัวผู้ต้องสงสัยทั้งสองรายกลับมาควบคุมที่ จ.ยะลา (คาดว่าเป็นศูนย์พิทักษ์สันติ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า อ.เมืองยะลา) โดยเบื้องต้น ศาลจังหวัดปัตตานีได้ออกหมาย ฉฉ. โดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อควบคุมตัวและเชิญตัว นายมูหามะ วาเด็ง กับ นายสุไลมาน กาซา เข้าสู่กระบวนการซักถามต่อไป

มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบุว่า จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 ราย ไม่มีหมายจับคดีความมั่นคง คาดว่าเป็นผู้ก่อความไม่สงบ “กลุ่มหน้าขาว” ที่ยังไม่มีประวัติอาชญากรรม หรืออาจจะรับจ้างขับรถจริงๆ โดยไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เพื่อคัตเอาต์ไม่ให้เจ้าหน้าที่สาวถึงคนอื่นๆ ในขบวนการ หากสองคนนี้ถูกจับกุมได้
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า การสกัดจับรถที่เคลื่อนย้ายอุปกรณ์ประกอบระเบิดแสวงเครื่องก่อนเข้าสู่ตัวเมืองภูเก็ตนั้น ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองของปี 68 แล้ว คาดว่าเป็นความพยายามของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ต้องการขยายพื้นที่ปฏิบัติการ โดยหวังผลทางจิตวิทยาในวงกว้าง เนื่องจากเลือกพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศและของโลกอย่างภูเก็ต
