
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษ 3 ผู้ต้องหาคดีบุกโจมตีฐาน นพป.นราธิวาส 21 ที่รือเสาะ เมื่อปี 66 สั่งจำคุกตลอดชีวิต 2 ราย ส่วนอีกคนจำคุก 2 ปี
เมื่อเร็วๆ นี้ ศาลจังหวัดนราธิวาสมีคำพิพากษาจำเลยคดีโจมตีฐานปฏิบัติการ หมวดเฉพาะกิจ หน่วยปฏิบัติการพิเศษนราธิวาส 21 ในพื้นที่หมู่ 10 บ้านปราลี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 เม.ย.66
ศาลพิพากษาลงโทษประหารชีวิต นายซูกิฟลี (สงวนนามสกุล) จำเลยที่ 1 และนายลุกมัน (สงวนนามสกุล) จำเลยที่ 3 ในความผิดฐานก่อการร้าย, อั้งยี่, ซ่องโจร และพยายามฆ่าเจ้าพนักงานฯ ทั้งยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและวัตถุระเบิด แต่เนื่องจากจำเลยทั้งสองให้การเป็นประโยชน์ ศาลได้พิจารณาลดหย่อนโทษลงกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกตลอดชีวิต
ส่วน นายซออิ (สงวนนามสกุล) จำเลยที่ 2 ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี ในความผิดฐานอั้งยี่ แต่เนื่องจากให้การที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ศาลได้พิจารณาลดหย่อนโทษเหลือ จำคุก 2 ปี
สำหรับเหตุการณ์โจมตีฐานปฏิบัติการที่รือเสาะ เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 14 เม.ย.66 มีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธสงครามลอบยิงและขว้างระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ใส่ฐานปฏิบัติการหมวดเฉพาะกิจ หน่วยปฏิบัติการพิเศษนราธิวาส 21 ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ บ้านปราลี หมู่ 10 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส แต่เจ้าหน้าที่ได้ยิงต่อสู้กับคนร้าย โดยยิงตอบโต้กันเป็นเวลานานกว่า 20 นาที ทำให้คนร้ายล่าถอยไป โดยไม่มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ
หลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่า คนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามในการก่อเหตุอย่างน้อย 10 กระบอก มีทั้งอาวุธปืนเอ็ม 16, อาวุธปืนเอเค 47, อาวุธปืนเอเค 102, อาวุธปืนเอชเค 33, อาวุธปืนกลแบบมินิมิ และปืนกลเอ็ม 60 นับรวมปลอกกระสุนปืนขนาดต่างๆ ได้ 446 ปลอก กระเดื่องลูกระเบิดแสวงเครื่อง 20 ชิ้น และมีลูกระเบิดที่ไม่ทำงานอีก 3 ลูก
จากผลการตรวจพิสูจน์อาวุธปืนทั้งหมดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ พบว่าถูกใช้ก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่มาแล้วรวม 53 คดี มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
ต่อมาวันที่ 30 เม.ย.66 เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัว นายซูกิฟลี (สงวนนามสกุล) จำเลยที่ 1 ได้ในพื้นที่หมู่ 5 ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส พร้อมอาวุธปืนเอเค 102 จำนวน 1 กระบอก และซองกระสุน 4 ซอง ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่ได้มาจากการก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน (อส.) อ.รือเสาะ เสียชีวิต 2 นาย และบาดเจ็บ 3 นายเมื่อวันที่ 6 ม.ค.55
ในขณะนี้จำเลยทั้ง 3 รายยังถูกคุมขังระหว่างรอการยื่นอุทธรณ์ โดยศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคงระบุว่า ผลคำพิพากษาคดีนี้ถือเป็นสัญญาณสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า การก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่จะต้องถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และผู้กระทำผิดจะต้องได้รับโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
