
คนร้ายบุกทำลายอาคารสำนักงานบริษัททำเหมืองแร่ในพื้นที่จะแนะ นราธิวาส พร้อมวางเพลิงเผาแบคโฮ – รถบรรทุกเทท้าย พร้อมรถพ่วง เสียหายยับรวม 7 คัน เจ้าหน้าที่ยังไม่สรุปสาเหตุ แต่ไม่ตัดทิ้งประเด็นกลุ่มป่วนใต้ก่อเหตุหวั่งลดความเชื่อมั่นรัฐ ล้มเหลวดูแลความปลอดภัยภาคธุรกิจ
สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกิดขึ้นต่อเนื่อง 2 วันซ้อน หลังจากเมื่อวันพุธที่ 20 ส.ค.68 เพิ่งเกิดระเบิด “คาร์บอมบ์” ที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส สร้างความเสียหายในวงกว้าง โดยเฉพาะฐานปฏิบัติการของชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) ศาลาใหม่ อ.ตากใบ
ล่าสุดเมื่อเวลา 12.50 น.วันพฤหัสบดีที่ 21 ส.ค. ทหารพรานในพื้นที่ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงและทำลายทรัพย์สินของบริษัทเอกชนใน ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส รวม 2 จุด ส่งผลให้เครื่องจักรและรถบรรทุกเสียหายนับสิบคัน
จุดที่ 1 เกิดขึ้นเวลา 11.10 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนบุกเข้าทำลายทรัพย์สินของ บริษัท เอเซีย เหมืองแร่ จำกัด ซึ่งมี นายเชาว์วุธ พจนาลัย เป็นเจ้าของกิจการ ในพื้นที่บ้านไอบาลอ หมู่ 6 ต.ช้างเผือก
โดยกลุ่มคนร้ายได้ทำลายอาคารสำนักงานและอาคารที่พักคนงาน รวมถึงลอบวางเพลิงเผาเครื่องจักรและรถบรรทุก ได้รับความเสียหายหลายส่วน
- อาคารสำนักงานและอาคารที่พักคนงาน 1 หลัง
- รถแบคโฮ 2 คัน
- รถบรรทุกเทท้ายขนาด 10 ล้อ พร้อมรถพ่วง 4 คัน

จุดที่ 2 เกิดขึ้นเวลา 12.30 น. คนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนวางเพลิงเผารถบรรทุกเทท้าย ขนาด 10 ล้อ ซึ่งเป็นรถที่คนร้ายโจรกรรมมาจากบริษัทเหมืองแร่ โดยนำไปจอดเผาบนถนนทางหลวงชนบท นธ.4013 (ระหว่างบ้านน้ำวน – บ้านน้ำหอม) ในพื้นที่บ้านน้ำวน หมู่ 1 ต.ช้างเผือก ทำให้รถเสียหายทั้งคัน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ และสืบสวนขยายผล โดยเฉพาะดูข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด และติดตามกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เพียงสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ แต่ยังสร้างความตื่นตระหนกและกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในพื้นที่อย่างมากด้วย
ส่วนประเด็นที่เป็นสาเหตุการเผาทำลายทรัพย์สินของบริษัทเอกชน เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สรุปแน่ชัด และยังไม่ประเด็นสงสัยใดทิ้ง ทั้งการสร้างสถานการณ์เชิงสัญลักษณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ ด้วยารทำลายทรัพย์สินทางเศรษฐกิจของภาคเอกชน เป็นพฤติกรรมที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใช้มาโดยตลอด เพื่อแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐในการรักษาความปลอดภัย และต้องการสั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในพื้นที่ แต่อีกด้านหนึ่งก็มีความเป็นไปได้เรื่องการขัดผลประโยชน์ หรือการข่มขู่เพื่อเรียกค่าคุ้มครอง
