
วางบึ้มโรงงานไม้ยางพารา อ.รือเสาะ นราธิวาส ทำเพลิงไหม้รถฟอร์คลิฟท์ - ปิคอัพ เสียหายรวด 5 คัน พบคนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องผูกขวดน้ำมัน 2 ขวด ลอบวางบนรถก่อนจุดรีโมทสั่งระเบิดทำงาน ส่วนที่สายบุรี ปัตตานี ขับโชเล่ย์บอมบ์โจมตีป้อมตำรวจทางหลวงพังยับ แฉน้ำหนักระเบิดร่วมร้อยกิโลฯ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันเสาร์ที่ 20 ก.ย.68 พล.ต.ต.ประยงค์ โคตรสาขา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส (ผบก.ภ.จว.นราธิวาส) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศุภชัย ศุภกิจจารักษ์ ผู้กำกับการ สภ.รือเสาะ, พ.อ.สิทธิชัย บำรุงเขต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46(ผบ.ฉก.ทพ.46) นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ร่วมเดินทางไปตรวจสอบ บริษัท โรจพาราวู้ด จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตไม้ยางพาราเป็นเฟอร์นิเจอร์ส่งออก ตั้งอยู่เลขที่ 64 หมู่ 2 ต.สาวอ อ.รือเสาะ หลังถูกคนร้ายบุกวางเพลิงเผารถฟอร์คลิฟท์และรถยนต์กระบะได้รับความเสียหายรวม 5 คัน เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 00.30 น.ของวันเสาร์ที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา

ในที่เกิดเหตุพบตัวโรงงานก่อสร้างในลักษณะคล้ายโรงยิมเนเซียมโปร่งทั้ง 4 ด้าน มีการจัดวางอุปกรณ์เครื่องมือเป็นสัดส่วน ทั้งกองไม้แปรรูป ลานจอดรถ และเครื่องจักรกล พื้นที่ที่ได้รับความเสียหายเป็นส่วนพื้นที่ลานจอดรถ พบรถฟอร์คลิฟท์ได้รับความเสียหาย 4 คัน มีร่องรอยเพลิงไหม้บริเวณเครื่องยนต์ และยังมีรถยนต์กระบะแบบตอนเดียวสีขาว ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหายที่บริเวณห้องเครื่องอีก 1 คัน รวมเป็น 5 คัน โดยรถทั้งหมดอยู่ในสภาพไม่สามารถใช้งานได้
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ต้นเพลิงที่เกิดจากอานุภาพของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในท่อเหล็กทรงกลม หนักประมาณ 2 กิโลกรัม จุดระเบิดด้วยรีโมทคอนโทรล จำนวน 2 ลูก โดยคนร้ายได้ผูกหรือมัดระเบิดไว้กับขวดน้ำมันเชื้อเพลิง นำไปวางไว้ที่บริเวณที่พักเท้าของรถฟอร์คลิฟท์สีแดงคันที่ 1 ซึ่งจอดอยู่ด้านซ้ายมือสุด และอีก 1 ลูก คนร้ายได้นำไปวางไว้กับรถฟอร์คลิฟท์ สีเหลือง คันที่ 4 ซึ่งจอดติดกับรถยนต์กระบะที่ถูกเพลิงไหม้ โดยมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องตกกระจายเกลื่อนในรัศมี 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน คาดว่าคนร้ายสั่งจุดระเบิดและเกิดเป็นเพลิงไหม้ลุกลามจากน้ำมันเชื้อเพลิงที่แขวนเอาไว้

จากการสอบถามพนักงานโรงงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงดึก ทราบว่า ขณะเกิดเหตุไม่มีพนักงานคนใดเห็นคนร้าย แต่จู่ๆ ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นจำนวน 2 ครั้ง และได้เกิดเพลิงไหม้ที่บริเวณรถฟอร์คลิฟท์ และรถยนต์กระบะ รวม 5 จุดใหญ่ จึงได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงที่มีอยู่ดับไฟ และพนักงานอีกส่วนหนึ่งได้เคลื่อนย้ายรถยนต์กระบะและรถบรรทุกสิบล้อคันอื่นๆ ที่จอดอยู่ ออกไปจากตัวอาคารโรงงาน แต่เพลิงที่กำลังลุกไหม้ไม่สามารถดับได้
พนักงานโรงงานจึงได้แจ้งไปยังกำนันและเจ้าหน้าที่ อส.ประจำฐานชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) สาวอ เพื่อขอความช่วยเหลือ และประสานไปยังหน่วยบรรเทาสาธารณะภัย อบต.รือเสาะ เพื่อขอสนับสนุนรถดับเพลิงมาฉีดน้ำดับไฟ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยรอบ พบว่า มีความเป็นไปได้ที่คนร้ายไม่ทราบจำนวนแอบเข้าไปในโรงงานทางด้านประตูรั้ด้านหลัง เพราะไม่ได้ล็อกประตู เนื่องจากใช้เป็นประตูสำหรับให้พนักงานของโรงงานเข้า - ออกจากการปฏิบัติหน้าที่ในกะต่างๆ โดยตลอดมาทางโรงงานไม่ได้มีการจัดเวรยามเฝ้ารักษาการณ์ที่ประตูดังกล่าว จึงเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะอาศัยความมืดแอบเล็ดลอดเข้ามา แล้วแยกย้ายกันนำระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 2 ลูก ไปวางที่รถฟอร์คลิฟท์ทั้ง 2 คัน และเมื่อคนร้ายออกไปจากโรงงาน จึงได้ใช้รีโมทคอนโทรลจุดชนวนระเบิดที่นำไปวางไว้ จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว และขวดน้ำมันที่ผูกหรือมัดติดกับระเบิดแสวงเครื่องได้แตกออกจากแรงระเบิด ทำให้เกิดสะเก็ดไฟลามไปติดรถฟอร์คลิฟท์และรถกระบะจนเสียหายดังกล่าว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงงานที่ติดตั้งไว้ตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งบนเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่โรงงาน ว่าสามารถบันทึกพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายเอาไว้ได้หรือไม่ เพื่อแกะรอยหาเบาะแสของคนร้ายที่ก่อเหตุต่อไป
@@ โชเล่ย์บอมบ์โจมตีป้อมตำรวจกะลาพอ สายบุรี

ส่วนที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ช่วงกลางคืนของวันศุกร์ที่ 19 ก.ย.เช่นกัน คนร้ายจำนวน 2 คน ได้นำรถจักรยานยนต์พ่วงข้างซุกระเบิดแสวงเครื่อง (โชเล่ย์บอมบ์) ขี่ไปจอดบริเวณหน้าของป้อมตำรวจบ้านกะลาพอ ซึ่งตั้งอยู่ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 (ปัตตานี - นราธิวาส) ท้องที่หมู่ 1 ต.เตราะบอน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ก่อนจุดชนวนระเบิดจนเกิดระเบิดอย่างรุนแรง อานุภาพของมันทำให้อาคารของป้อมตำรวจได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่โชคดีขณะเกิดเหตุ ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยู่ภายในป้อม แต่ไปพักอยู่ในบ้านพักด้านหลังของป้อม ทำให้ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ความคืบหน้าล่าสุดช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 20 ก.ย.68 เจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบว่าคนร้ายได้ประกอบระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊สขนาด 15 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยการตั้งเวลา โดยการก่อเหตุครั้งนี้คนร้ายใช้ถังแก๊สจำนวน 2 ถัง โดยถังแก๊สแต่ละลูก เมื่อมีการประกอบระเบิดแล้ว จะมีน้ำหนักถังแก๊สถังละ 50 กิโลกรัม รวม 2 ถังจะมีน้ำหนักมากถึง 100 กิโลกรัม จึงทำให้แรงระเบิดที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

จากการตรวจสอบพบว่า นอกจากป้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้รับความเสียหายอย่างหนักแล้ว แรงระเบิดยังทำให้อาคารของทางราชการหลายแห่งที่อยู่ใกล้เคียงและฝั่งตรงข้ามได้รับความเสียหายไปด้วย เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เตราะบอน มีกระจกและฝ้าหลังคา แตกหลายแห่ง เช่นเดียวกับสำนักงานหมวดทางหลวงสายบุรี ถูกแรงระเบิดจนทำให้กระจกของอาคารรวมถึงหน้าต่างได้รับความเสียหายจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังพบชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์พ่วงข้างที่คนร้ายนำมาเป็นพาหนะบรรทุกระเบิดพังเสียหาย และเศษซากกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ และยังพบร้านสะดวกซัก รวมถึงรถยนต์ของประชาชนที่จอดอยู่ใกล้เคียงได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน
แรงระเบิดยังกระทบกับสายไฟฟ้าแรงสูง ทำให้ไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ ทางเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ.ต้องเร่งซ่อมแซมเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ไฟฟ้าได้อีกครั้ง
@@ คาดตอบโต้วิสามัญฯ สะบ้าย้อย

หลังเกิดเหตุ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ลงพื้นที่ตรวจสอบและรับฟังการรายงานสถานการณ์จากหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ด้วยตนเอง ทั้งได้กำชับให้หน่วยที่เกี่ยวข้องเร่งเก็บข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนเพื่อขยายผลสืบสวนหาตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเน้นย้ำให้ทุกหน่วยเพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันเหตุซ้ำซ้อน ดูแลความปลอดภัยประชาชนอย่างเข้มงวด
มีรายงานว่า การก่อเหตุดังกล่าวถือเป็นความพยายามของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ต้องการสร้างสถานการณ์โจมตีต่อเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งบั่นทอนความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อเจ้าหน้าที่ โดยคาดว่ามีสาเหตุเพื่อตอบโต้มาตรการคุมเข้มและกระชับพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยังเชื่อว่า การก่อเหตุในครั้งนี้เป็นฝีมือของแนวร่วมก่อความไม่สงบชุดเดิมที่เคยก่อเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.สายบุรี และใกล้เคียง เพื่อต้องการตอบโต้เจ้าหน้าที่ที่ได้ปฏิบัติการกดดันไล่ล่าคนร้ายจากในพื้นที่ปัตตานีจนสามารถปิดล้อม ตรวจค้น และยิงปะทะในพื้นที่ซ่อนตัวของคนร้ายได้ ที่บ้านห้วยเต่า หมู่ 7 ต.คูหา อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้มีกลุ่มติดอาวุธเสียชีวิต
@@ วงจรปิดจับภาพ 2 คนร้ายแบ่งงานกันทำ “จอดรถระเบิด-พาหนี”
ส่วนพฤติกรรมของคนร้ายรายนี้ หลังจากที่ได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดก็พบว่า คนร้ายจำนวน 2 คนแบ่งหน้าที่กันทำงาน โดยคนร้ายคนแรกขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง บรรทุกระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊ส 2 ถัง นำใบไม้กิ่งไม้มาทับไว้บนถังแก๊สเพื่อปิดบังอำพราง ขับขี่รถไปจอดไว้บริเวณด้านหน้าของป้อมตำรวจทางหลวง ในเวลาประมาณ 23.50 น. หลังจากนั้นคนร้ายอีกคนก็ขับรถจักรยานยนต์อีกคันมารับคนร้ายที่ขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง แล้วพากันขับหลบหนีไป
หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที ก็ได้เกิดระเบิดขึ้น แรงระเบิดทำให้ป้อมตำรวจได้รับความเสียหายอย่างหนักเป็นวงกว้าง แต่โชคดีที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ
