
ดราม่าน้ำท่วมชายแดนใต้ วิจารณ์สนั่น สส.ประชาชาติแห่บินต่างประเทศ ตามคณะประธานสภาเยือนตะวันออกกลาง ทิ้งประชาชนจมน้ำ ด้านผู้แทนราษฎรเรียงหน้าชี้แจง ยืนยันมีทีมช่วยเหลือประชาชนไม่ขาดตกบกพร่อง “อ.วันนอร์” ลั่นจบภารกิจ เร่งเดินทางกลับทันที ด้านนายกฯอนุทิน ลุยหาดใหญ่ซ้ำอีกครั้ง ห่วงอาหารไม่เพียงพอ
สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากฝนถล่มหนักจนเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่แล้ว ล่าสุดยังได้มีเรื่องดราม่าเกิดขึ้นกับ สส.ยะลา พรรคประชาชาติ
เมื่อเพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “ตลาดยะลา เดลิเวอรี่” ได้โพสต์ภาพของ นายซูการ์โน มะทา สส.ยะลา และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ที่กำลังอยู่กับ นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ สส.ปัตตานี พรรคเดียวกัน บนเครื่องบินที่นั่งหรู ขณะร่วมคณะไปกับ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ในการเดินทางเยือนประเทศกาตาร์ โดยระบุว่า กินหรูอยู่สบาย ท่ามกลางความเดือดร้อนของชาวบ้าน
ทั้งยังระบุอีกว่า “รอบหน้าจะเหลือมั้ย บิน Business Class ซะด้วย ขณะที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้น้ำท่วมหนักมาก ผู้แทนราษฎรไม่ควรโพสต์เวลานี้นะ กาละเทศะ อ.วันนอร์ไม่เคยเตือนลูกพรรคเลย”
“พรรคนี้ไม่เคยอยู่ตอนชาวบ้านเดือดร้อนสักเท่าไหร่อยู่แล้ว เคยเห็นแต่ชอบถ่ายรูปกับทีมฟุตบอล แข่งขันตั๊กแตน อะไรแบบนี้…ไม่เห็นใจชาวบ้านเลย”
จากการตรวจสอบของทีมข่าวพบว่า ในเพจเฟซบุ๊กนี้มีคอมเมนต์วิจารณ์จำนวนมาก ส่วนใหญ่ระบุว่าไม่ค่อยเห็น สส.ลงพื้นที่ช่วยประชาชนเท่าที่ควร
@@ สส.กมลศักดิ์ โพสต์แจง

จากดราม่าที่เกิดขึ้น ล่าสุด นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส เขต 5 พรรคประชาชาติ ซึ่งร่วมคณะกับประธานรัฐสภาไปที่ประเทศกาตาร์ด้วย ได้ชี้แจงกับสื่อมวลชนที่ติดตามคณะไปด้วยกันว่า เบื้องต้นตนขอแสดงความห่วงใยกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และอยากขอชี้แจงว่า เหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ ตนและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางส่วนไม่ได้อยู่ในพื้นที่ เนื่องจากติดภารกิจเดินทางเยือนรัฐกาตาร์กับประธานรัฐสภา ซึ่งเป็นภารกิจที่มีกำหนดการล่วงหน้ามาเป็นระยะเวลานานแล้ว อีกทั้งวันเดินทางวันแรกตรงกับเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่เทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และสามจังหวัดชายแดนภาคใต้พอดี
“ขณะนี้ในพื้นที่ของผมที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส กำลังเผชิญกับปัญหาอุทกภัยเช่นเดียวกัน ซึ่งปีนี้มีความรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา เบื้องต้นผมแม้จะอยู่กาตาร์ แต่ใจผมอยู่ในพื้นที่ตลอดเวลา เมื่อวานนี้ได้กำชับและสั่งการให้ทีมงานที่ยังอยู่ในพื้นที่เร่งให้ความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะจัดทำข้าวกล่องแจกจ่ายให้พื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน และขอดุอาอ์ต่อเอกองค์อัลเลาะห์ชุบฮามูอาจาลา ให้คุ้มครองทุกคนและผ่านภารกิจนี้ไปด้วยดี”
@@ “สส.สมมุติ” ลั่นยอมรับบททดสอบ

ด้าน นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ สส.ปัตตานี พรรคประชาชาติ ซึ่งร่วมคณะไปกาตาร์อีกคน กล่าวว่า ปีนี้สถานการณ์ค่อนข้างหนักกว่าทุกปี ตนในฐานะตัวแทนของประชาชนได้พยายามช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีศูนย์ประสานงานช่วยเหลือประชาชนผ่านผู้ประสานงานระดับตำบล สู่การลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน และการเปิดครัวประกอบอาหารส่งให้ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย
“ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในฐานะผู้แทนประชาชน พร้อมที่จะรับบททดสอบนี้ และขอส่งกำลังใจให้ ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ซึ่งต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ ตั้งแต่ระดับผู้นำจนถึงท้องถิ่น ใครช่วยอะไรกันได้ก็ต้องช่วย เพราะวันนี้ต้องเราต้องจับมือรวมพลังกัน เพื่อก้าวผ่านวิกฤตินี้ร่วมกัน”
@@ “อ.วันนอร์” บอกจบภารกิจรีบกลับทันที

ขณะที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ระหว่างปฏิบัติภารกิจอยู่ที่รัฐกาตาร์ ว่า ขณะนี้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส มีแนวโน้มที่ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากแม่น้ำสายบุรีและแม่น้ำปัตตานีมีความเสี่ยงล้นตลิ่ง หากยังคงมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์กลับมาท่วมซ้ำคล้ายหลายปีที่ผ่านมา
“ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ผมมีความห่วงใยประชาชน พร้อมขอบคุณรัฐบาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ระดมกำลังช่วยเหลือประชาชนได้รวดเร็วกว่าปีก่อน แต่ยังคงกังวลต่อผู้ที่บ้านเรือนถูกน้ำท่วม ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการจัดหาที่พักพิงจากหน่วยงานภาครัฐอย่างเร่งด่วน และหลังน้ำลด รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการจัดการเยียวยาไร่นาที่เสียหาย บ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วม รวมถึงทรัพย์สินของประชาชน เพื่อให้ผู้ประสบภัยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว”
นายวันมูหะมัดนอร์ ยังกล่าวถึงคณะผู้แทนไทยจากพรรคประชาชาติที่เดินทางไปกาตาร์ว่า ได้ออกเดินทางก่อนเกิดเหตุฝนตกหนักในภาคใต้ แต่ได้สั่งการให้ทีมงานในพื้นที่เร่งลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนทันที ทั้งการแจกจ่ายอาหาร น้ำดื่ม และจัดครัวสนาม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น
“สส.ของพรรคประชาชาติที่เดินทางมากาตาร์ จะรีบเดินทางกลับประเทศไทยทันทีหลังเสร็จภารกิจ เพื่อลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและช่วยเหลือประชาชน โดยขณะนี้ทีมงาน และ สส.ในพื้นที่ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ยังคงปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนตลอดเวลา เพื่อรับมือสถานการณ์อุทกภัยที่ยังไม่คลี่คลาย”
@@ ปัตตานีประกาศภัยพิบัติ 12 อำเภอ เดือดร้อน 4 หมื่นกว่าราย

ด้านสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ จ.ปัตตานี ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดปัตตานีเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ปี 2568 ได้ประกาศให้พื้นที่ทั้ง 12 อำเภอของ จ.ปัตตานี เป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว
โดยทั้ง 12 อำเภอได้รับผลกระทบจำนวน 86 ตำบล 367 หมู่บ้าน 15 ชุมชน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 14,064 ครัวเรือน ราษฎรได้รับความเดือดร้อนทั้งสิ้น 47,879 คน และยังพบผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำ 2 ราย
ส่วนในเทศบาลเมืองปัตตานี ล่าสุดทางได้ขึ้น “ธงแดง” แล้ว หลังจากพบว่าน้ำในแม่น้ำปัตตานีได้ล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมถนนและบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำ ส่งผลทำให้ระดับน้ำที่ท่วมถนนอยู่ก่อนแล้วมีระดับสูงขึ้นอีก ถนนหลายสายเป็นอัมพาต รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านได้
@@ เทศบาลนครยะลาเตือนภัยชุมชนที่ลุ่ม สั่งเร่งอพยพ

จ.ยะลา พื้นที่ประสบอุทกภัยเริ่มขยายวงกว้าง มวลน้ำจากเขต ต.บุดี และ ต.สะเตงนอก อำเภอเมืองยะลา ไหลลงสู่คลองแบเมาะ ทำให้มีน้ำท่วมในเขตเทศบาลนครยะลา บริเวณตลาดมะพร้าว ชุมชนหลังวัดยะลาธรรมาราม ชุมชนวิฑูรอุทิศสัมพันธ์ (ขอย10) ชุมชนหลังโรงเรียนเทศบาล 5 ชุมชนดารุสลาม ชุมชนจารูนอก ชุมชนเมืองทอง ชุมชนเสรี ชุมชนธนวิถี และชุมชนหลังโรงเรียนจีน
ดยที่ตลาดนัดมะพร้าว ซึ่งเป็นแหล่งจำหน่ายเสื้อผ้ามือ 2 แห่งใหญ่ของจังหวัดยะลา น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนและร้านค้าสูงกว่า 80 เซนติเมตร ประชาชนต้องเร่งอพยพและขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง
ขณะที่เทศบาลนครยะลา ออกประกาศเตือนภัยน้ำท่วม ฉบับที่ 2 เตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ทุกพื้นที่ลุ่มที่เคยประสบภัยในเขตเทศบาล เร่งขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และให้ระมัดระวังปลั๊กไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดแก่ชีวิตและทรัพย์สิน พร้อมดูแลกลุ่มเปราะบาง โดยให้เร่งอพยพไปยังศูนย์พักพิงของเทศบาลนครยะลาทันที
@@ นราธิวาสประกาศเขตภัยพิบัติ 3 อำเภอ

ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.นราธิวาส ยังคงมีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ส่งผลทำให้เกิดน้ำท่วมขังพื้นที่เกษตรกรรมและบ้านเรือนของประชาชนที่ปลูกสร้างอยู่ในพื้นที่ลุ่มเป็นวงกว้าง 5 อำเภอ คือ อ.บาเจาะ, อ.เมืองนราธิวาส, อ.ยี่งอ, อ.ระแงะ และ อ.ตากใบ
แต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อแม่น้ำสายหลัก 3 สาย คือ แม่น้ำบางนรา แม่น้ำโก-ลก และแม่น้ำสายบุรี ที่ยังมีปริมาณน้ำต่ำกว่าตลิ่งในภาพรวม 1 ถึง 2 เมตร เนื่องจากต้นน้ำของแม่น้ำสายหลักทั้ง 3 สาย ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.สุคิริน อ.แว้ง และ อ.จะแนะ มีปริมาณฝนตกในช่วง 6 วันที่ผ่านมาไม่หนักมากนัก และสามารถระบายลงสู่ทะเลด้านปากอ่าว อ.เมืองนราธิวาส อ.ตากใบ กับเขตรอยต่อระหว่าง อ.รือเสาะ กับ อ.รามัน ของ จ.ยะลา ได้อย่างคล่องตัว
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส ได้สรุปภาวะน้ำท่วมขังในครั้งนี้ โดยประกาศเขตภัยพิบัติแล้ว 3 อำเภอ คือ อ.บาเจาะ อ.เมืองนราธิวาส และ อ.ยี่งอ
อ.บาเจาะ มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 5 ตำบล ได้แก่ ต.บาเจาะ, ต.กาเยาะมาตี, ต.บาเระเหนือ, ต.บาเระใต้ และ ต.ปะลุกาสาเมาะ รวม 28 หมู่บ้าน มีปริมาณน้ำท่วมสูงโดยเฉลี่ย 30 ถึง 50 เซนติเมตร ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน 2,230 ครัวเรือน รวม 7,220 คน
อ.เมืองนราธิวาส มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่ 3 ตำบล คือ ต.บางนาค, ต.โคกเคียน และ ต.ลำภู รวมถึงพื้นที่ 35 ชุมชน 7 หมู่บ้าน ซึ่งมีปริมาณน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 30 ถึง 40 เซนติเมตร ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จำนวน 16,717 ครัวเรือน รวม 40,243 คน
อ.ยี่งอ มีน้ำท่วมขังบ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่ 1 ตำบล คือ ต.ละหาร จำนวน 5 หมู่บ้าน ได้รับความเดือดร้อน 210 ครัวเรือน รวม 840 คน
@@ น้ำทะลัก “ระแงะ” กระทบหนัก 2,200 ครัวเรือน

ล่าสุดมีรายงานว่า เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ส่งผลให้ระดับน้ำในคลองตันหยงมัสเพิ่มสูงอย่างรวดเร็ว และล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในหลายพื้นที่ ครอบคลุมอย่างน้อย 3 ตำบล มีประชาชนได้รับผลกระทบรวม 2,247 ครัวเรือน 9,644 คน
โรงเรียนถูกน้ำท่วม 5 แห่ง ถนนชำรุด 3 สาย โดยเฉพาะบริเวณสะพานดารุสที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ถูกน้ำกัดเซาะจนถนนชั่วคราวขาด ไม่สามารถสัญจรได้
ขณะที่ระดับน้ำในคลองตันหยงมัสยังคงเพิ่มสูงต่อเนื่อง 15–20 เซนติเมตรต่อชั่วโมง สูงกว่าระดับตลิ่งเกือบ 1 เมตร ทำให้ทางอำเภอประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำท้องถิ่น แจ้งเตือนประชาชนริมคลองเร่งเก็บของขึ้นที่สูงและอพยพกลุ่มเสี่ยงไปยังศูนย์พักพิงใกล้บ้าน เพื่อความปลอดภัย
@@ สื่อ-ภาคปชช.เปิด “ครัวสร้างสุข” ส่งพื้นที่ห่างไกล

ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ผนึกกำลังร่วมกับ สมาคมสื่อมวลชนเพื่อพัฒนาชายแดนภาคใต้ (JSD-South) และศูนย์พัฒนาอาชีพ กลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้ เปิดปฏิบัติการเชิงรุกภายใต้โครงการ “ครัวสร้างสุข เพื่อผู้ประสบภัย” โดยเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครต่างระดมกำลังช่วยกันปรุงอาหารสดใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่าพี่น้องผู้ประสบภัยจะได้รับประทานอาหารที่ร้อน ปรุงสุก และถูกสุขลักษณะ ในเมนู “ข้าวกะเพราไก่ ไข่ดาว” แจกจ่ายไปยังจุดวิกฤตน้ำท่วม และพื้นที่เข้าถึงยาก
โดยเฉพาะพื้นที่บ้านตะบิงตีงี ต.ลูโบะยิไร, บ้านราเกาะ ต.เกาะจัน อ.มายอ และ ต.เตราะบอน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านกำลังเผชิญความยากลำบากในการดำรงชีวิต
นอกจากนั้นยังได้เปิดครัวเคลื่อนที่รุกเข้าถึงพื้นที่เป้าหมายสำคัญ ได้แก่ บ้านลำไพลตก หมู่ 2 ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 600 คน และพื้นที่วิกฤตอย่าง บ้านลำเปา หมู่ 13 ต.ลำไพล อ.เทพา จ.สงขลา โดยทีมงานต้องนำส่งอาหารให้ถึงมือชาวบ้านกว่า 215 ครอบครัว รวมประชากรกว่า 1,000 คน
นอกเหนือจากการส่งมอบอาหาร ทีมงานภาคีเครือข่ายยังได้ระดมแรงกายเข้าช่วยเหลือในภารกิจเร่งด่วน ทั้งการขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และการอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่เสี่ยงมาอาศัยอยู่ในเต็นท์พักพิงชั่วคราวด้วย
@@ หาดใหญ่น้ำเริ่มลดบางจุด - ฮ.เกษตรฯ บินแจกอาหาร

สถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ในย่านเศรษฐกิจ บริเวณตลาดสดพลาซ่า ถนนเพชรเกษม ปรากฏว่าระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง มีความสูงตั้งแต่ระดับเข่าถึงเอว ขณะที่ถนนศุภสารรังสรรค์ บริเวณตลาดกิมหยง ระดับน้ำยังคงสูงตั้งแต่เอวจนถึงหน้าอก
ส่วนถนนนิพัทธ์อุทิศ 1 เริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น น้ำลดลงมากขึ้น ทำให้ประชาชนสามารถออกมารับข้าวและน้ำดื่มจากเจ้าหน้าที่ทหารที่นำเข้าไปแจกจ่ายได้
แต่ที่ถนนนิพัทธ์อุทิศ 2 และ 3 ระดับน้ำยังอยู่ในขั้นวิกฤต สูงตั้งแต่หน้าอกถึงระดับมิดหัว บางจุดมีกระแสน้ำไหลเชี่ยว และไม่มีวี่แววว่าระดับน้ำจะลงลงแต่อย่างใด
ขณะที่ถนนราษฎร์อุทิศ หรือถนนเขต 8 เจ้าหน้าที่ไม่สามารถนำสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปได้ เนื่องจากระดับน้ำสูงจนมิดหัว และมีน้ำเชี่ยวกราก ทำให้การช่วยเหลือทำได้อย่างจำกัดระหว่างการสำรวจ พบเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 2 ลำ บินวนเหนือพื้นที่ ก่อนลงจอดที่ชานชาลาสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ เพื่อนำข้าวกล่องและน้ำดื่มไปมอบให้ผู้ประสบภัยที่สามารถเดินออกมารับได้ โดยกระทรวงฯ จัดอาหารให้วันละ 3 มื้อ เช้า–กลางวัน–เย็น จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
@@ หาดใหญ่เจอฝนถล่มหนักสุดในประวัติศาสตร์

นายณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ เปิดเผยว่า พื้นที่เขตเมืองชั้นในเริ่มเห็นการลดลงของระดับน้ำ แต่ในเขต 3-4 เทศบาลนครหาดใหญ่ รวมถึงหน้าสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ น้ำยังคงสูงและระบายได้ช้ากว่า เนื่องจากเป็นจุดรองรับน้ำจากคลองอู่ตะเภา ทำให้ต้องใช้เวลามากกว่าพื้นที่อื่นในการคลี่คลาย
“สถานการณ์ครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ พื้นที่ได้รับปริมาณฝนสะสมกว่า 900 มิลลิเมตรภายใน 3-4 วัน และมีฝนตกหนักถึง 305 มิลลิเมตรในคืนเดียว ส่งผลให้ระบบระบายน้ำรับภาระหนัก แม้จะมีการเตรียมพร้อมล่วงหน้าร่วมกับหลายหน่วยงานแล้วก็ตาม”
@@ หวัง 25 พ.ย.น้ำลด พร้อมฟื้นฟูเมือง
นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ กล่าวว่า หากไม่มีฝนตกหนักเพิ่มเติม คาดว่าสถานการณ์น้ำที่ท่วมในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่จะทยอยกลับสู่ภาวะปกติภายในวันที่ 25 พ.ย.นี้ พร้อมยืนยันว่าเทศบาลจะเร่งฟื้นฟูพื้นที่ ทำความสะอาดถนน ระบบสาธารณูปโภค และดูแลประชาชนหลังน้ำลด เพื่อให้เมืองกลับสู่สภาพปกติโดยเร็วที่สุด
@@ “อนุทิน” ลงหาดใหญ่วันที่ 2 ลุยแจกถุงยังชีพ

เวลา 16.40 น.วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยใน อ.หาดใหญ่ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง หลังพื้นที่ประสบฝนตกหนักสะสมหลายวัน ส่งผลให้ถนนหลายสายและชุมชนจำนวนมากยังคงมีน้ำท่วมสูง
โดยนายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เข้ารับฟังรายงานสถานการณ์จากผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจประชาชนในชุมชนที่ได้รับผลกระทบ ณ ศูนย์พักพิงชั่วคราว โรงเรียนเทศบาล 4 (วัดคลองเรียน) และศูนย์บัญชาการเทศบาลนครหาดใหญ่ ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน โรงครัวพระราชทาน และเดินทางเข้าพื้นที่มอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัย
@@ เปรยนอนไม่หลับ ห่วงคนหาดใหญ่ไม่มีอาหารกิน

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีสั่งการให้เทศบาลนครหาดใหญ่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลเรื่องอาหารให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน โดยบอกว่า เมื่อคืนนอนไม่หลับ ห่วงเรื่องอาหาร เพราะเริ่มขาดแคลน จึงตัดสินใจลงพื้นที่อีกครั้ง แต่วันนี้จากที่ได้ลงพื้นที่ พบว่าน้ำลดลงบ้าง และเริ่มมีอาหารสำหรับดูแลประชาชนแล้ว
