
สถานการณ์การสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชายังคงดุเดือดตลอดแนว 7 จังหวัดพร้อมๆ กับข่าวเศร้าว่าด้วยความสูญเสียของทหารหาญเพื่อนร่วมชาติ
ผ่านมา 7 วัน นักรบแนวหน้าพลีชีพไปแล้ว 15 นาย เฉพาะวันเสาร์ที่ 13 ธ.ค.68 เพียงวันเดียว ที่สมรภูมิช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทหารฝ่ายเราเสียชีวิตในคราวเดียวถึง 4 นาย บริเวณเนิน 677 ที่เพิ่งยึดคืนจากกัมพูชาได้ 100%
หนึ่งในนั้นคือ พลทหาร มุสตากีม เจ๊ะมะ สังกัดกองร้อยจู่โจม ซึ่งเป็นกำลังพลมุสลิม นับถือศาสนาอิสลาม ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส หนึ่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีปัญหาความมั่นคงเช่นเดียวกัน
ข่าวการจากไปของ พลทหาร มุสตากีม ที่สมรภูมิช่องอานม้าสร้างความสะเทือนใจแก่พี่น้องปลายด้ามขวาน โดยเฉพาะคนในครอบครัว สาเหตุส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพื้นที่ชายแดนใต้อยู่ห่างไกลจากชายแดนกัมพูชามาก จึงไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีคนสามจังหวัดได้รับผลกระทบ
แต่การสูญเสียของกำลังพลจากชายแดนใต้ก็ทำให้เห็นถึงความเสียสละและร่วมแรงร่วมใจกันของพี่น้องคนไทยทุกหมู่เหล่า ทุกพื้นที่ ทุกศาสนา ในการร่วมปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างกล้าหาญ

พายับ เจ๊ะมะ บิดาของ พลทหาร มุสตากีม เปิดใจทั้งน้ำตาถึงการจากไปของลูกชาย
“เสียใจอย่างที่สุด แต่ก็ภาคภูมิใจที่ลูกได้ทำหน้าที่ทหาร ปกป้องอธิปไตยของชาติจนลมหายใจสุดท้าย”
ผู้เป็นพ่อเล่าให้ฟังว่า ตลอดระยะเวลาของสถานการณ์การสู้รบ มีแต่ความห่วงกังวล และคุยกับลูกทุกวัน
“ตลอดช่วงเวลาที่ลูกชายปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ผมกับลูกได้ติดต่อพูดคุยกันอยู่ตลอด ผมก็ได้แต่กำชับลูกชายด้วยความเป็นห่วงว่าให้ระมัดระวัง อย่าประมาท ดูแลตัวเองให้ดี”
พ่อของพลทหาร มุสตากีม บอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า แม้จะเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นการพูดคุยครั้งสุดท้าย ก่อนจะได้รับข่าวร้ายว่า ลูกชายได้พลีชีพจากการปฏิบัติหน้าที่แล้ว
“หัวใจเจ็บปวดเกินบรรยาย” เขากล่าวก่อนจะหยุดไปเหมือนพูดไม่ออก ก่อนจะพรั่งพรูความรู้สึกออกมาอีกครั้ง
“แต่ในฐานะพ่อคนหนึ่ง ก็รู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งที่ลูกชายได้ทำหน้าที่ของทหารอย่างสมศักดิ์ศรี เขาทำหน้าที่ของเขาจนถึงที่สุด ผมภูมิใจในตัวลูกมาก”

สำหรับประวัติของ พลทหาร มุสตากีม มาเจ๊ะมะ เกิดเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2547 อายุ 21 ปี เป็นชาวดุซงญอ อ.จะแนะ บรรจุเข้ารับราชการทหาร เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2566 ในตำแหน่ง พลยิงอาวุธต่อสู้รถถัง สังกัดกองพันจู่โจม
พลทหารมุสตากีม ถือเป็นสายเลือดทหารโดยแท้ เพราะมีแม่เป็นทหารหญิง ปัจจุบันรับใช้ชาติอยู่ที่ จ.สระบุรี ซึ่งเขารักและเป็นห่วงแม่มาก เหตุผลที่เขาสมัครเป็นทหารไปรับใช้ชาติ เพราะอยากแบ่งเบาภาระของแม่
ส่วนพิธีฝังศพ พลทหาร มุสตากีม มีขึ้นที่กุโบร์ สะบือรัง (บ้านสุแฆ) หมู่ 3 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาและภูมิลำเนาของครอบครัว
