
ความเคลื่อนไหวการเมืองในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจาก กกต.เปิดรับสมัครผู้สมัคร สส.ทั้งระบบแบ่งเขต และระบบบัญชีรายชื่อ ปรากฏว่าพรรคการเมืองต่างๆ พากันลงพื้นที่หาเสียงทันที เนื่องจากเวลามีน้อย ขณะที่บางพรรคก็เปิดประชุมซักซ้อมความเข้าใจของผู้สมัคร พร้อมติวเข้มแนวทางเอาชนะเลือกตั้งกันอย่างเคร่งเครียดจริงจัง
เริ่มจากพรรคประชาชาติ นำโดย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานที่ปรึกษาพรรค พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรค และ นายซูการ์โน มะทา เลขาธิการพรรค ได้ร่วมกันเป็นประธานการประชุมสัมมนาผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.ของพรรค ที่โรงแรมอัลมีรอซ กรุงเทพฯ
กิจกรรมสำคัญมีการบรรยายพิเศษ เรื่อง “หาเสียงอย่างไรให้ชนะเลือกตั้ง” โดย นายวันมูหะมัดนอร์ ซึ่งก็ได้เน้นย้ำถึงการสื่อสารนโยบายและผลงานของพรรคช่วงที่ได้เป็นรัฐบาล เป็นเวลาเกือบ 2 ปี ซึ่งหลายเรื่องไม่มีพรรคไหนทำเลย นอกจากพรรคประชาชาติ
จากนั้นได้มีการแสดงวิสัยทัศน์ ในหัวข้อ “นโยบายพรรคประชาชาติ : เลือกตั้ง ‘69 เลือกประชาชาติ..เปลี่ยนประเทศไทยดีขึ้น” โดย พ.ต.อ.ทวี ซึ่งได้ระบุตอนหนึ่งว่า เป้าหมายแรกคือการรักษาที่นั่ง สส. เดิม 7 คน จาก 13 เขตในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นหลัก และพยายามขยายพื้นที่เพิ่มเติม โดยเชื่อมั่นว่าตัวแทนของพรรคจะได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่อีกครั้ง เนื่องจากผลงานที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ความตั้งใจ
@@ ตั้งเป้า “พรรคตัวแปร - ร่วมรัฐบาล”

ขณะที่ นายซูการ์โน กล่าวว่า ทิศทางหลังการเลือกตั้ง พรรคประชาชาติตั้งเป้าที่จะเป็น “พรรคร่วมรัฐบาล” เชื่อว่า แม้พรรคประชาชาติอาจจะเริ่มต้นจากการเป็นพรรคขนาดเล็ก แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคมีความพร้อมที่จะขยับขึ้นเป็น “พรรคขนาดกลาง” ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลและขับเคลื่อนนโยบายเพื่อประโยชน์ของประชาชนต่อไป
@@ “ทวี - กำนันเพื่อน” ติวเข้มเลือกตั้ง บัตร 3 ใบพ่วง ประชามติ

ก่อนหน้านั้น ที่ร้าน AKHOO • อาคูว ร้านอาหารชื่อดังใจกลางเมืองนราธิวาส พ.ต.อ.ทวี พร้อมด้วยนายธนาธิป พรหมชื่น หรือ “กำนันเพื่อน” อดีตกำนันคนดังแห่งสุไหงปาดี จ.นราธิวาส ซึ่งลงสมัครเป็น สส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคประชาชาติ ได้เดินทางลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง โดยเน้นย้ำเรื่องกระบวนการใช้สิทธิลงคะแนน เนื่องจากในการเลือกตั้งครั้งนี้มีประเด็นสำคัญที่ประชาชนต้องทำความเข้าใจ คือการได้รับบัตรเลือกตั้งและบัตรออกเสียงประชามติรวม 3 ใบ ประกอบด้วย
- บัตรเลือกตั้ง สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง
- บัตรเลือกตั้ง สส. แบบบัญชีรายชื่อ
- บัตรออกเสียงประชามติรัฐธรรมนูญ
บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนทั้งในพื้นที่และนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเข้ามาพูดคุยและรับฟังเป็นจำนวนมาก
พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า การสร้างความเข้าใจในรายละเอียดของบัตรเลือกตั้งและบัตรออกเสียงประชามติมีความสำคัญมาก เพื่อให้เจตนารมณ์ของประชาชนสะท้อนผ่านผลการเลือกตั้งอย่างถูกต้องที่สุด
@@ “เพชร กรุณพล” บุกยะลา ดัน “อันวาร์ อุเซ็ง” ปักธงส้ม-สู้ทุนเทา

ที่ จ.ยะลา พรรคประชาชนส่งขุนพลแกนนำคนสำคัญ อย่าง “เพชร” กรุณพล เทียนสุวรรณ และ นายรอมฎอน ปันจอร์ อดีต สส.แบบบัญชีรายชื่อ ลงพื้นที่ถนนสิโรรสและถนนรวมมิตร ย่านเศรษฐกิจสำคัญของเทศบาลนครยะลา ร่วมหาเสียงให้ นายอันวาร์ อุเซ็ง ผู้สมัคร สส.เขต 1 ยะลา ซึ่งจับสลากได้หมายเลข 2 ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพ่อค้าแม่ค้าและพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่มารอขอเซลฟี่และมอบดอกไม้ให้กำลังใจ นายอันวาร์
จากนั้นคณะหาเสียงได้เดินเท้าต่อไปยังหน้าสถานีรถไฟยะลา เพื่อชี้แจงนโยบาย “เปลี่ยนโครงสร้าง-สร้างความหวัง”
นายกรุณพล กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้คือ “เดิมพันของอนาคต” โดยเฉพาะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ถูกละเลยมานาน นายอันวาร์ อุเซ็ง ไม่ใช่เพียงผู้สมัครทั่วไป แต่คือ “ธงส้มคนแรก” ที่จะนำนโยบายปราบปรามทุนสีเทาและแก๊งสแกมเมอร์ที่กำลังกัดกินประเทศมาทำให้เห็นเป็นรูปธรรม รวมถึงการแก้ปัญหายาเสพติดและเศรษฐกิจที่ซบเซาให้กลับมามั่งคั่งด้วยการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นอย่างแท้จริง
“เราไม่อยากให้ลูกหลานยะลาต้องโตขึ้นมาท่ามกลางความเหลื่อมล้ำและอิทธิพลมืด ถึงเวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนรัฐมนตรี และเปิดโอกาสให้พรรคที่กล้าชนกับโครงสร้างอย่างพรรคประชาชนเข้ามาบริหาร” รองโฆษกพรรคประชาชน กล่าว
@@ “สนิท นาแว” แจงเหตุซบกล้าธรรม กล้าให้คน จชต.นั่งรัฐมนตรี

ด้านความเคลื่อนไหวของพรรคน้องใหม่ แต่แกนนำคนเดิม อย่าง “พรรคกล้าธรรม” รอบนี้อดีต สส.จำนวนหนึ่งเปลี่ยนสีเสื้อจากพลังปประชารัฐ เป็นกล้าธรรม และยังหวังปักธงครบทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะที่ จ.ปัตตานี มีผู้สมัครที่เชี่ยวชาญพื้นที่อย่าง ดร.สนิท นาแว มาร่วมทีม
ดร.สนิท ซึ่งจับสลากได้หมายเลข 6 กล่าวถึงเหตุผลที่เลือกสังกัดพรรคกล้าธรรมว่า ตนมีพื้นฐานและประสบการณ์ทางการเมืองมาอย่างยาวนาน เคยร่วมงานกับพรรคชาติไทยในยุคของ นายบรรหาร ศิลปอาชา ตั้งแต่อายุ 20 ปีเศษๆ และเคยร่วมงานกับพรรคอื่นๆ ด้วย
การตัดสินใจร่วมงานกับพรรคกล้าธรรมในครั้งนี้ เพราะมองเห็นความจริงใจในการให้เกียรติคนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
“พรรคกล้าธรรม กล้าทำจริงๆ ตามชื่อพรรค ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา แทบไม่มีตัวแทนจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีเลย แต่พรรคนี้ให้โอกาสคนในพื้นที่เข้าไปทำหน้าที่บริหารจริง ไม่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือพุทธ นี่คือการให้ศักดิ์ศรีที่จับต้องได้” ดร.สนิท กล่าว
สำหรับรัฐมนตรีที่เป็น สส.จากชายแดนใต้คนล่าสุดในรอบหลายสิบปี คือ นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ ซึ่งเป็น สส.นราธิวาส สมัยแรก สังกัดพรรคกล้าธรรม (ตอนเลือกตั้งปี 66 สังกัดพรรคพลังประชารัฐ) โดยนายอามินทร์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล ถือเป็นรัฐมนตรีจากชายแดนใต้คนแรกที่ว่างเว้นมานานมาก หลังจากหมดยุครุ่งเรืองของนักการเมืองกลุ่มวาดะห์
ส่วน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย 2 ชุดต่อกัน คือ รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และ รัฐบาล นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นั้น เจ้าตัวเป็น สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ไม่ใช่ สส.เขตจากชายแดนใต้ และไม่ใช่มุสลิม
