คำสัมภาษณ์ของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ล่าสุดเกี่ยวกับปัญหาชายแดนใต้ ไม่ใช่แค่ตอบโต้ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น
แต่เขายังแย้มถึงแนวทาง “ดับไฟใต้” ที่ยังอึมครึมมาตลอดว่ารัฐบาลแพทองธาร จะเอาอย่างไรแน่กับปัญหานี้
1.นโยบายที่รัฐบาลแพทองธาร แถลงต่อรัฐสภาก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ พูดถึงปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้น้อยมาก เพียงแค่ 1 บรรทัดเท่านั้น
- ไม่ได้อยู่ในนโยบายเร่งด่วน 10 ข้อที่รัฐบาลต้องเร่งผลักดัน
- ตัวนโยบายดับไฟใต้ อยู่ในส่วนของ “การพลิกฟื้นความเชื่อมั่นของทั้งไทยและต่างชาติ” ด้วยการพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง มีเสถียรภาพ มีนิติธรรม และความโปร่งใส เพื่อแก้ปัญหาความไร้เสถียรภาพทางการเมือง และความขัดแย้งแบ่งขั้วอุดมการณ์ที่รุนแรงมาอย่างยาวนาน….
“รวมถึงการสร้างสันติภาพและสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืน”
นี่คือนโยบายดับไฟใต้ของรัฐบาลแพทองธาร มีเพียงบรรทัดเดียว จึงมองไม่เห็นยุทธศาสตร์และแนวทางใดๆ ที่จะใช้ในการแก้ไขปัญหา
2.เมื่อสถานการณ์ไฟใต้เริ่มรุนแรง โดยเฉพาะกระแสโจมตีกรณีการปล่อยให้คดีตากใบขาดอายุความ จนทำให้ไม่สามารถติดตามตัวจำเลยหรือผู้ต้องหารายใดไปขึ้นศาลได้
จากนั้นเหตุรุนแรงก็เกิดถี่ขี้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และวาระ 21 ปีเหตุการณ์ปล้นปืน ส่งผลให้ รองนายกฯภูมิธรรม เวชยชัย สั่งการให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ไปทบทวนยุทธศาสตร์ดับไฟใต้เสียใหม่ โดยกำหนดกรอบเวลาให้เสนอกลับมาภายในสิ้นเดือน ม.ค.68
- การสั่งรื้อยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ ถูกวิจารณ์จาก อาจารย์สุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการด้านความมั่นคงชื่อดังว่า เป็นการแก้ปัญหาแบบ “กลับหัวกลับหาง” เพราะฝ่ายการเมืองต้องมียุทธศาสตร์ก่อน จึงจะสั่งให้ฝ่ายราชการประจำให้ไปจัดทำแผนปฏิบัติการได้ แต่รองนายกฯภูมิธรรม กลับไปสั่งให้หน่วยปฏิบัติวางยุทธศาสตร์ ทั้งๆ ที่ควรเป็นหน้าที่ของฝ่ายการเมือง (มิใช่หรือ?)
3.มีการเรียกร้องให้ยกเลิกโต๊ะพูดคุยสันติสุขกับ BRN เนื่องจากคุยกันมานานเกิน 10 ปีแล้ว แต่ความรุนแรงยังไม่ลดลง
4.มีการพบปะกันอย่างไม่เป็นทางการหลายครั้งระหว่างนายกฯ อันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย กับอดีตนายกฯทักษิณ ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการของนายกฯอันวาร์ ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่า การหารือกันนอกรอบทุกครั้ง น่าจะมีการพูดถึงแนวทางดับไฟใต้ด้วย แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด ทำให้ทุกอย่างยังคงอึมครึมตลอดมา
ล่าสุดเมื่ออดีตนายกฯทักษิณเอ่ยเองว่า จะเดินหน้าพูดคุยต่อไป โดยเฉพาะกับ BRN ทำให้เกิดความชัดเจนในแนวทางมากขึ้น
@@ อ่านชัดๆ ทักษิณ ชินวัตร พูดอะไร
นายทักษิณ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณี นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช วิจารณ์การทำงานของ นายกฯ แพทองธาร ในการลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำนองได้แต่เซลฟี และฝึกพูดยาวี
โดยอดีตนายกฯทักษิณตอบกลับว่า “บางคนมีปากไว้นินทา ไม่มีอะไรอย่างอื่น”
ส่วนภาพลักษณ์ของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ลงพื้นที่ชายแดนใต้เป็นอย่างไรนั้น นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ดี ไม่เห็นมีอะไรเลย เป็นผู้หญิงยังกล้าลงพื้นที่ แสดงให้เห็นว่าการเป็นนายกฯ ต้องคิดว่าทุกพื้นที่ของประเทศไทยต้องปลอดภัย ตอนตนเป็นนายกฯ ยังไปนอนในเขตที่มีปัญหาที่สุด
เมื่อถามว่า การรับตำแหน่งที่ปรึกษาประธานอาเซียน (นายกฯอันวาร์ อิบราฮิม) จะช่วยแก้ปัญหาภาคใต้ได้อย่างไร นายทักษิณ ตอบว่า “คุยกันแล้ว เดี๋ยวจะคุยกันต่อ มี 2-3 เรื่องที่ต้องทำ เรื่องแรกคือเรื่องของเมียนมา ในฐานะที่ผมรู้จักทุกฝ่าย เรื่องที่สองคือภาคใต้ ผมได้ยกปัญหาให้เห็นว่า BRN ต้องคุยกัน ต้องเห็นพ้อง ต้องการหาแนวทางออกด้วยกัน”
@@ ย้อนอดีตเหลว “ยิ่งลักษณ์โมเดล” เปิดโต๊ะถก BRN
หากย้อนไปถึงการพูดคุยแบบเป็นทางการ บนโต๊ะ ครั้งแรกเมื่อปี 2556 เกิดขึ้นในรัฐบาลน้องสาวของอดีตนายกฯทักษิณเอง นั่นก็คือ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งก็เป็นที่รู้กันว่า ผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริงก็คือตัวนายทักษิณ
การพูดคุยครั้งนั้นถือเป็นการเปิดมิติใหม่ของการแก้ปัญหาไฟใต้ เนื่องจากตลอดมา มีการเปิดโต๊ะเจรจาเฉพาะทางลับ และไม่เป็นทางการมาโดยตลอด
การพูดคุยในครั้งนั้นเป็นการพูดคุยกับ “ขบวนการบีอาร์เอ็น” เพียงขบวนการเดียว นำโดย อุสตาซ ฮาซัน ตอยิบ แต่การพูดคุยไม่ประสบความสำเร็จ เพราะถูกคัดค้านข้อเรียกร้อง 5 ข้อของ BRN ขณะที่การเมืองภายในประเทศวุ่นวายจนเกิดการยึดอำนาจโดย คสช.
ต่อมาในรัฐบาล คสช. นายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เปิดโต๊ะพูดคุยขึ้นมาใหม่ และเปิดกว้างให้ขบวนการแบ่งแยกดินแดนกลุ่มอื่นๆ เข้ามาร่วมถึง 6 กลุ่ม ใช้ชื่อว่า “มารา ปาตานี” แต่การพูดคุยก็ล้มเหลวอีก ในช่วงของการกำหนดพื้นที่ปลอดภัย และฝ่ายผู้เห็นต่างจากรัฐเตรียมเข้ามาทำกิจกรรมในพื้นที่
@@ รัฐไทยคุยกับ BRN หรือให้ BRN คุยกันเองก่อน
แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคงประเมินว่า การพูดคุยรอบใหม่ที่จะมีขึ้น อดีตนายกฯทักษิณน่าจะส่งสัญญาณให้มาเลเซียรวบรวมแกนนำทุกกลุ่มมาคุยกันอีกรอบ แล้วใช้ศักยภาพของมาเลเซียกดดันฝ่ายขบวนการแบ่งแยกดินแดนให้บรรลุข้อตกลงยุติความรุนแรง และแสวงหาทางออกทางการเมืองร่วมกัน
โดยหากขีดเส้นใต้จากคำสัมภาษณ์ล่าสุดของอดีตนายกฯทักษิณ น่าจะสื่อถึง BRN ให้คุยกันภายในให้จบมากกว่า ว่าจะเอาอย่างไรกับ “ทางออกปัญหาภาคใต้” แล้วจึงมาคุยกัน
สอดรับกับข่าวเชิงลึกของฝ่ายความมั่นคงที่ยืนยันตรงกันว่า ภายในองค์กรของ BRN เอง มีความขัดแย้งและเห็นแตกต่าง ถึงขั้นไม่ลงรอย เกี่ยวกับทิศทางการพูดคุยกับรัฐบาลไทย