
แน่นอนว่า การจัดการปัญหาระยะเฉพาะหน้าของสถานการณ์ชายแดนใต้ ณ วันนี้ คือหยุดเหตุรุนแรงที่พุ่งเป้าทำร้ายประชาชนกลุ่มอ่อนไหว-เปราะบาง โดยเฉพาะพี่น้องไทยพุทธ ให้ได้เสียก่อน
ส่วนการจัดการปัญหาในระยะต่อไป มี 2 เรื่องที่ทุกฝ่ายเรียกร้องเหมือนๆ กัน คือ
- เร่งประกาศยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ที่ชัดเจน
- เร่งตั้งคณะพูดคุยเพื่อสันติภาพ หรือสันติสุข
ในเรื่องยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ รองนายกฯภูมิธรรม เวชยชัย สั่งการให้ สมช. (สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ) ไปเป็นเจ้าภาพทบทวนเพื่อปรับทิศทางยุทธศาสตร์ใหม่ให้เป็นเชิงรุก โดยให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2568 บอกว่าให้เวลา 30 วัน แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องยุทธศาสตร์ฉบับใหม่
ส่วนการตั้งคณะพูดคุยสันติสุข แต่เดิม รองนายกฯภูมิธรรม ทาบทาม “บิ๊กแป๊ะ” พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตปลัดกระทรวงกลาโหมไว้แล้ว เพราะมองว่ามีคุณสมบัติเหมาะสม กล่าวคือ
- มีความรู้ด้านการต่างประเทศ
- มีประสบการณ์ร่วมในกระบวนการสันติภาพอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย โดยเฉพาะในช่วงของการปลดอาวุธ หยุดยิง
- เคยร่วมเป็นแกนนำคณะพูดคุยสันติภาพชุดแรกที่เป็นการพูดคุยแบบ “เปิดเผย - เป็นทางการ” เมื่อปี 2556 ในรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (คณะพูดคุยฯชุดนั้นมี พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการ สมช. เป็นหัวหน้า)
โดยการวางตัว “บิ๊กแป๊ะ” มีมาตั้งแต่ก่อนเดือนรอมฎอน คือราวๆ 3 เดือนที่แล้ว แต่มีการตกลงกันว่า จะใช้การทำงานแนวใหม่ คือไม่ประกาศแต่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยอย่างเอิกเกริก เพราะที่ผ่านมาตั้งมาแล้ว 5 คน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ฉะนั้นเรื่องการเปิดตัวจึงไม่จำเป็น แต่จะใช้การทำงานในพื้นที่เป็นหลัก
หัวหน้าคณะพูดคุยฯ 5 คน นับตั้งแต่ปี 2556 ประกอบด้วย
- พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร
- พล.อ.อักษรา เกิดผล
- พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์
- พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ
- นายฉัตรชัย บางชวด
ด้วยเหตุนี้จึงมีการตกลงกันว่า รอให้ผ่าน “รอมฎอนสันติสุข” ไปก่อน จึงค่อยเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ปรากฏว่าเดือนรอมฎอนปีนี้มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นหนักมาก โดยเฉพาะคาร์บอมบ์สุไหงโก-ลก เมื่อวันที่ 8 มีนาคม สถานการณ์จึงไม่เอื้ออำนวยต่อการประกาศตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยฯ และหลังจากนั้นก็มีเหตุรุนแรงต่อเนื่องมา กระทั่งเหตุรุนแรงระลอกล่าสุด ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก
@@ จับตาชื่อ “บิ๊กชิน” มาแรงแซง “บิ๊กแป๊ะ”
สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ตำแหน่งหัวหน้าคณะพูดคุยฯ เริ่มมีความไม่ชัดเจน เนื่องจากมีอีก 1 ชื่อที่แรงขึ้มา คือ พล.อ.ชินวัฒน์ แม้นเดช อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งเคยศึกษาและจัดทำรายงานเกี่ยวกับโครงสร้างขบวนการ BRN และมีโอกาสได้เข้าแสดงวิสัยทัศน์ พร้อมแลกเปลี่ยนความเห็นกับอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ทำให้ชื่อ พล.อ.ชินวัฒน์ แรงขึ้นมาเป็นคู่ชิง “หัวหน้าคณะพุดคุยคนใหม่”
ส่วน “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย ว่ากันว่า ยังคงให้การสนับสนุน พล.อ.นิพัทธ์ อยู่ แต่เสียงเริ่มอ่อนลงไป เพราะเมื่อผู้นำจิตวิญญาณของรัฐบาลเพื่อไทยยังไม่ตัดสินใจ ย่อมไม่มีใครกล้าฟันธง
@@ “บิ๊กแป๊ะ” ยัน มีพูดคุยทางลับ - ชูยุทธศาสตร์ 2 ขา
พล.อ.นิพัทธ์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า ตนยังทำงานอยู่อย่างต่อเนื่องในหมวกของ “ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี” โดยได้รับมอบหมายจาก รองฯภูมิธรรม ให้ลงพื้นที่ไปรับฟังความเห็นจากหน่วยปฏิบัติ และประชาชนกลุ่มต่างๆ
ยืนยันว่าเรื่องการพูดคุยสันติสุข มีการคุยกันในทางลับอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้หยุดชะงัก และเป็นการพูดคุยกันหลายระดับ อย่างเช่น แม่ทัพภาคที่ 4 ก็มีช่องทางพูดคุยของแม่ทัพอยู่เช่นกัน
ส่วนแนวคิดของตนเกี่ยวกับ “กระบวนการพูดคุยสันติภาพ” นั้น ยืนยันในหลักการเดิมว่า ต้องเดิน 2 ขา เหมือนคนมีขา 2 ข้าง กล่าวคือ
ขาขวา - บังคับใช้กฎหมาย หรือพูดง่ายๆ ว่าปราบปรามผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวด
ขาซ้าย - พูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกัน
สาเหตุที่ต้องใช้สองขาเดินร่วมกัน เพราะจะทำให้การพูดคุยบนโต๊ะ ฝ่ายรัฐบาลไทยมีไพ่ในมือ สามารถปรามและกดดันคู่เจรจาไม่ให้ก่อเหตุรุนแรงเพื่อกดดันฝ่ายรัฐได้ แต่ต้องยอมรับว่า “ขาขวาของเราวันนี้อ่อนแรง” และเป็นเรื่องแรกที่ต้องแก้ไขโดยด่วนที่สุด
