นายกฯแพทองธาร ประชุมแก้ปัญหาไฟใต้ 2 วันต่อเนื่องกัน โดยได้พบกับผู้นำสูงสุดของหน่วยงานด้านความมั่นคงทุกหน่วย ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง รวมถึงฝ่ายการเมือง นำโดย รองนายกฯภูมิธรรม เวชยชัย
แต่ผลการประชุมที่ออกมา สำหรับคนที่ติดตามข่าวสาร และเกาะติดสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้มาตลอด อาจจะบอกว่า “น่าผิดหวัง” เพราะคำสัมภาษณ์ที่ออกมายังวนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมๆ คำเดิมๆ ที่ได้ยินมาร่วมๆ 20 ปี
@@ ถก 2 วันติด แก้วิกฤตไฟใต้ในวังวนเดิม
- บูรณาการการทำงานร่วมกัน ทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน
- ใช้กลไกหลักคือ กอ.รมน. โดยหน่วยในพื้นที่คือ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า
- ทำงานทั้งเชิงรับและเชิงรุก
- ร่วมมือกับทุกภาคส่วน ในระดับจังหวัด อำเภอ และหมู่บ้าน
- พูดคุยกับผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน
- ขาดแคลนยุทโธปกรณ์ หรือเครื่องมืออุปกรณ์อะไร จะรีบจัดหาให้
กล่าวอย่างเป็นธรรม ต้องบอกว่าวงประชุมของนายกฯแพทองธาร อาจมีข้อมูลเชิงลึก หรือ “ยุทธศาสตร์เด็ด” ในการดับไฟใต้แล้วก็ได้ แต่อาจจะต้องการ “อุบเอาไว้” เหมือน “ดีลลับ” ที่เตรียมไปเจรจากับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อไม่มี “สาร” หรือ “ยุทธศาสตร์” อะไรที่ชัดเจนออกมาว่าจะแก้ปัญหาไฟใต้อย่างไร คนที่ติดตามสถานการณ์ และคนในพื้นที่ชายแดนใต้ย่อมรู้สึกผิดหวัง
ที่น่าสนใจก็คือ หากสอบถามจาก “ผู้รู้” และ “ผู้ปฏิบัติ” ซึ่งเคยผ่านงานในพื้นที่จริงอย่างโชกโชน จะพบข้อมูลที่แตกต่าง และไม่ได้ยินคำพูดประเภท “บูรณาการ” หรือ “เชิงรุก - เชิงรับ” แบบเดิมๆ
เพราะสถานะของปัญหาไฟใต้ ณ เวลานี้ ไปไกลกว่าที่ทุกคนคิดเอาไว้มาก
พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร อดีตเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ในยุครัฐบาลลุงตู่ และเคยเป็นผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ กองทัพเรือ คุมพื้นที่หลายอำเภอของนราธิวาสและปัตตานี เรียกว่าผ่านงานมาร่วม 30 ปี กล่าวถึงสถานการณ์จริงในพื้นที่เอาไว้อย่างน่าสนใจ
เพราะ พลเรือตรี สมเกียรติ บอกเลยว่า สุ่มเสี่ยงใกล้เคียงที่การแยกดินแดนจะเกิดขึ้นจริงแล้ว
อดีตเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า เป้าหมายของผู้ก่อเหตุรุ่นใหม่ ต้องการเพียง “เอกราช” พวกเขาก็รู้ว่ามันยาก และรัฐไทยยอมไม่ได้ พวกเขาจึงเลือกเดินแบบ “ทำไปทีละขั้น”
“ขั้นแรกคือการแบ่งแยกทางพฤตินัย ซึ่งตอนนี้ถือว่าทำสำเร็จแล้วด้วย” พลเรือตรี สมเกียรติ ระบุ
อดีตนายทหารที่ผ่านงานในพื้นที่มาอย่างโชกโชน อธิบายว่า สิ่งบอกเหตุว่าการแบ่งแยกคนสามจังหวัดกับพื้นที่อื่นได้ลุล่วงในเชิงพฤตินัยแล้วก็คือ
1.จำนวนคนไทยพุทธที่ลดน้อยลง (ทีมข่าวอิศรา เคยนำเสนอแล้วว่าตัวเลขปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 50,000 คน จากที่เคยมีมากถึง 300,000 คน) ในอนาคตตัวเลขจะน้อยลงเรื่อยๆ ชายแดนใต้ก็จะค่อยๆ กลายเป็นสังคมเชิงเดี่ยว ไม่ใช่พหุวัฒนธรรมอย่างที่เราอยากให้เป็น
2. เหตุการณ์ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เชื่อว่าผู้ก่อเหตุได้วางแผนเอาไว้ว่าต้องการให้เป็นแบบนี้
- 22 เมษายน ยิงเณร
- 2 พฤษภาคม ยิงแม่วัยชราตาบอด กับลูกวัย 50 ปี ซึ่งมีอาการทางสมอง
- วันเดียวกันก็กราดยิงจนเด็กอายุ 9 ขวบ เสียชีวิต พร้อมคนในครอบครัว
ถามว่าผู้ก่อเหตุรู้หรือไม่ว่าคนจะประณามกันทั้งโลก คำตอบคือเขารู้ แต่เขาต้องการแค่ “การแยกคนไทยกับคนในพื้นที่ออกจากกัน” และมันก็ประสบความสำเร็จ
“คนไทยถล่มกันทั้งประเทศเลย ไปเปิดดูในสื่อ คนไทยทนไม่ไหวแล้ว แยกเลยว่าทำไมมันเลวมันชั่วอะไรต่างๆ มันทำให้สังคมไทยทั้งหมดกับพื้นที่ชายแดนใต้มันเหมือนจะแยกจากกัน จัดการมันให้เด็ดขาด เอ้า...มันเหมือนกำลังแยกแล้ว”
“นี่คือแยกพวกแล้ว ห่างกันด้วยความรู้สึกแล้ว คนภาคอื่นอัดแต่คนปักต์ใต้ อัดกันแล้ว นี่ต่างหากความต้องการ อันนี้ต่างหากที่เป็นความต้องการที่บางทีเรามองในผิวเผินบางเรื่อง อย่างผมคิดว่าชีวิตผมอยากทำเรื่องเดียวเรื่องปักต์ใต้นะ ติดตามมาทุกวัน เราเริ่มรู้สึกว่าเราเริ่มหวั่นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ถึงบอกว่าต้อง 1, 2 แล้วก็ 3 ไล่ไป เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าคนจะประณาม…รู้สิ เขาเลือกคนที่ควรจะประณามด้วยซ้ำ แล้วมันก็แยกกันทางความรู้สึก แยกกันเชิงพื้นที่ คนภาคอื่นกับคนสามจังหวัดใต้”
ในมุมมองของ พลเรือตรี สมเกียรติ เห็นว่า นี่คือก้าวแรก หรืออาจจะเป็นก้าวสำคัญ ก่อนถึงก้าวสุดท้ายของการ “แบ่งแยกดินแดน - ตั้งรัฐเอกราชใหม่” ซึ่งรัฐบาลและสังคมไทยไม่ควรมองข้ามจริงๆ