
สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชาล่าสุด หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดไปอีก 1 รายในเขตอธิปไตยไทยด้านช่องอานม้า
มีการพูดถึงการใช้ “แผนจักรพงษ์ภูวนารถ” รับมือกับสถานการณ์นี้
ทำให้เกิดคำถามว่า แผนนี้คืออะไร และจะใช้ได้ผลระดับไหน
แหล่งข่าวจากผู้บริหารหน่วยงานความมั่นคงระดับประเทศหน่วยหนึ่ง เผยว่า แผนจักรพงษ์ภูวนารถ เป็นแผนทางทหาร หรือ “แผนยุทธการ” กรณีมีการเผชิญหน้า หรือถูกกัมพูชาโจมตี เป็นแผนซึ่งกำหนดว่าฝ่ายเราจะดำเนินการอย่างไรบ้าง ทั้งเชิงรับ และเชิงรุกตอบโต้ รวมถึงการรักษาความปลอดภัยเปัาหมายสำคัญของไทย โดยทั้งหมดเป็นข้อมูลลับ
รายละเอียดของแผน กำหนดให้ผู้บังคับบัญชาของทหารตามลำดับชั้นเป็นผู้สั่งการ
สำหรับสถานการณ์ไทย-กัมพูชาขณะนี้ ได้ใช้แผนจักรพงษ์ภูวนารถตั้งแต่เริ่มเกิดสถานการณ์รุนแรงแล้ว จากการที่กัมพูชาวางกับระเบิด และเกิดซ้ำ จนทหารไทยบาดเจ็บหลายนาย รวมถึงการขนคนเข้าไปที่ปราสาทตามแนวชายแดนอย่างผิดปกติ ซึ่งไม่ใช่การท่องเที่ยวตามธรรมชาติ
มาตรการเริ่มจากการปิดด่าน ต่อไปคือปิดปราสาท และจะมีมาตรการขั้นต่อไปอีก
ทั้งนี้ แผนจักรพงษ์ภูวนารถ มีมาก่อนเกิดวิกฤตการณ์ประสาทพระวิหาร เมื่อปี 2554 และใช้แผนนี้ในช่วงเวลานั้นขณะที่ปัจจุบันก็นำมาใช้ เพียงแต่ปรับบางมาตรการให้สอดคล้องตามสถานการณ์
แหล่งข่าวเผยเพิ่มเติมว่า มาตรการเชิงรุกตามแผนจักรพงษ์ภูวนารถ จะเริ่มจากเบาไปหาหนัก
ส่วนมาตรการเชิงรับ คือการประเมินจุดอ่อนที่เราคาดว่าอาจถูกกัมพูชาโจมตี โดยฝ่ายความมั่นคงไทยได้ประเมินเอาไว้หมดแล้ว
@@ จ่อเพิ่มมาตรการกดดันเขมร - สุดล่อแหลม สั่งเฝ้าระวังเข้ม
สำหรับการดำเนินการตามแผนจักรพงษ์ภูวนารถ มีการออกคำสั่งแล้ว คือการเพิ่มมาตรการบริเวณด่านชายแดน และการดำเนินการสร้างสิ่งกีดขวาง ห้ามเข้าพื้นที่ล่อแหลม เช่น ปราสาทบางแห่งที่มีความพยายามเข้ามาก่อความวุ่นวาย
แหล่งข่าวจากหน่วยงานความมั่นคง เผยด้วยว่า มีการประเมินสถานการณ์ล่าสุด คาดว่ามีความล่อแหลมอาจจะเกิดการใช้กำลัง โดยฝ่ายไทยจะเฝ้าระวังตลอดแนว 24 ชั่วโมง หน่วยปฏิบัติมีแผนรับมือตามขั้นตอนแล้ว
@@ อ่านเกมกัมพูชา งัดแผนจักรพงษ์ฯ เปิดเกมรุกกดดันเจรจา
รศ.ดร.ฐิติวุฒิ บุญยวงศ์วิวัชร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านงานชายแดน กล่าวว่า ทราบว่ามีการใช้แผนจักรพงษ์ภูวนารถ โดยปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์
ทั้งนี้ หัวใจของแผนจักรพงษ์ภูวนารถ เป็นแผนยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งบริเวณชายแดน การปกป้องความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชนในพื้นที่เสี่ยง รวมถึงการวางมาตรการตอบโต้และป้องกันภัยคุกคามทางทหารอย่างเป็นระบบ โดยเน้นการบูรณาการระหว่างหน่วยงานความมั่นคงในระดับพื้นที่และส่วนกลาง
แต่การจะแก้ไขปัญหาพิพาทกับกัมพูชา จะต้องทำความเข้าใจว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กัมพูชาไม่มีความจริงจังทางด้านการทูตและการเจรจาสองฝ่าย จึงไม่มีความคืบหน้าด้านทวิภาคี
ส่วนในแง่การทหารนั้น กัมพูชายังยึดในแนวปฏิบัติแบบ “สงครามกองโจร” โดยไม่ได้ยึดแนวปฏิบัติการระหว่างประเทศ เน้นความได้เปรียบในทางยุทธวิธีเท่านั้น ข้อจำกัดสำคัญเหล่านี้ทำให้การแก้ไขปัญหาไม่มีความคืบหน้า และแผนจักรพงษ์ภูวนารถ ไม่ใช่เครื่องมือเดียวที่รับมือได้ทั้งหมด
แต่การใช้แผนดังกล่าว มองในแง่ดี คือการกดดันทางด้านการทหารจะช่วยให้การเจรจาเกิดได้เร็วขึ้น และหากเกิดการปะทะ หรือใช้กำลังจริงๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบทางด้านการทหารจะเป็นฝ่ายที่สามารถควบคุมความได้เปรียบของการเจรจาไว้ได้
@@ บทบาทรัฐบาล ต้องเป็นกำแพงเหล็กให้ทหาร
แต่ข้อสังเกตคือ การบูรณาการแผนของกองทัพจะต้องมีความมั่นใจในการสร้างความได้เปรียบในระยะเวลาอันรวดเร็ว และที่สำคัญรัฐบาลจะต้องเป็นปราการเหล็กในการค้ำจุนสนับสนุนกองทัพจนภารกิจของแผนเสร็จสิ้น คำถามคือ ความชัดเจนของรัฐบาลคืออะไร
นอกจากนั้นจะต้องไม่ลืมว่าแผนการจัดการภาวะวิกฤติในพื้นที่ส่วนหลังในปัจจุบัน จะต้องดำเนินการควบคู่กับแผนงานอื่นด้วย
@@ ”กังฟู“ เผยพื้นที่พร้อมรับทุกสถานการณ์

“กังฟู” วสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคไทรวมพลัง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ช่องบก ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี เล่าสถานการณ์ในพื้นที่หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิดว่า “จุดที่ระเบิดล้ำเข้ามาในเขตไทยเป็นกิโลฯเลย มันลึกมาก แบบนี้น่าจะเสี่ยงสถานการณ์บานปลาย เพราะรุกล้ำมากเกินกว่าจะยอมรับได้ และเป็นเส้นทางลาดตระเวนปกติของทหารไทย”
“ตอนนี้ในพื้นที่ ประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ท้องถิ่น และนายอำเภอ สำรวจชาวบ้านทั้งหมดแล้ว ทั้งเด็ก คนแก่ คนติดเตียง พร้อมอพยพ ทุกเหล่าทัพเตรียมพร้อมหมดแล้ว ขอแค่สั่งมาเท่านั้น”
