
ข่าวความเคลื่อนไหวในแวดวงสีกากีชายแดนใต้กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง เมื่อมีกระแสข่าวลือหนาหูว่า พ.ต.อ.อัสรี ต่วนเพ็ง ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส ถูกควบคุมตัวในคดีที่เกี่ยวกับยาเสพติด
ข่าวยังสับสนว่า ถูกจับขณะทำงานบนโรงพักตากใบ หรือว่าถูกคุมตัวที่กรุงเทพฯ หรือเป็นแค่ข่าวลือกันแน่
แต่ที่แน่ๆ คือ เขาถูกสั่งย้ายให้ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่กรุงเทพฯ โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม
แม้ในเอกสารคำสั่งย้าย ไม่ได้ระบุสาเหตุที่ชัดเจน แต่มีข่าวว่าเชื่อมโยงกับเหตุการณ์จับไอซ์ 900 กิโลกรัมในพื้นที่ตากใบ ก่อนหน้านี้ไม่นาน และมีกระแสว่าพบเส้นทางเงินเชื่อมโยง แต่ไม่มีใครออกมายืนยันอย่างเป็นทางการ
@@ ลูกน้องบนโรงพักไม่รู้เรื่อง - ชม ผกก.ขยันขันแข็ง

เมื่อย้อนไทม์ไลน์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน พบข้อมูลชวนให้ติดตามอย่างยิ่งว่า “จุดเชื่อมโยง” ที่หลายฝ่ายกำลังจับตามองคืออะไรกันแน่
จากการสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตากใบ ได้รับการยืนยันว่า พ.ต.อ.อัสรี ต่วนเพ็ง อดีต ผกก.สภ.ตากใบ เดินทางไปราชการที่กรุงเทพฯหลายวันแล้ว และได้ยินข่าวลือมาเช่นกันแต่ก็ไม่แน่ใจเพราะไม่มีใครยืนยัน
คำตอบนี้น่าจะยืนยันได้ระดับหนึ่งว่า พ.ต.อ.อัสรี ไม่ได้ถูกจับบนโรงพัก หรือห้องทำงานของตัวเอง
ตำรวจตากใบยังระบุว่า ผู้กำกับฯ คนนี้บริหารงานปกติ คุยกับลูกน้องปกติดี ไม่เคยด่าหรือตำหนิลูกน้อง อยู่ตากใบทุกวัน และออกตรวจทุกวัน ตั้งแต่ย้ายมากลางปีที่แล้วก็ทำงานปกติ
@@ รองผบ.ตร. “ไกรบุญ” เรียกสอบเอง!
ด้าน “เนชั่นทีวี” รายงานว่า พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวของเนชั่น เกี่ยวกับสาเหตุคำสั่งย้าย ผกก.สภ.ตากใบ ว่า รายละเอียดเป็นไปตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว ซึ่งทาง พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ตรวจสอบด้วยตนเอง จึงไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เพราะอาจจะมีความคลาดเคลื่อน
“ขณะนี้ทางรอง ผบ.ตร. ได้เรียกตัว ผกก.สภ.ตากใบ ไปพูดคุยด้วยตัวเองแล้ว” ผบช.ภ.9 ระบุ
@@ เปิดไทม์ไลน์เหตุการณ์ร้อนในตากใบ

หากย้อนรอยเหตุการณ์ในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จะพบว่า วันที่ 14 ส.ค.68 เวลาประมาณ 03.30 น. เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลจากสายลับว่ามีการนัดส่งมอบไอซ์ในพื้นที่ อ.ตากใบ จึงได้แบ่งกำลังเข้าติดตามจนสามารถจับกุม นายจีรพงษ์ พันเพชร อายุ 37 ปี พร้อมไอซ์ซุกซ่อนในกระสอบจำนวน 30 กระสอบ รวมน้ำหนักประมาณ 900 กิโลกรัม มูลค่าสูงถึง 135 ล้านบาท พร้อมยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องอีกกว่า 800,000 บาท
เป็นการจับไอซ์ล็อตใหญ่ที่สุดในภาคใต้ และ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และประธานคณะกรรมการติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด (ครส.) ได้ลงพื้นที่เปิดแถลงข่าวใหญ่ด้วยตนเอง
ปฏิบัติการนี้ขยายผลจากคดีเก่าเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.68 ที่มีการจับกุมไอซ์ 615 กิโลกรัม ใน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
ต่อมาวันที่ 14 ส.ค.68 (วันเดียวกับที่จับไอซ์ 900 กิโลกรัม) เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการสืบสวนสอบสวนจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ป.ป.ส.ภาค 9 รวมทั้งดีเอสไอได้สนธิกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 5 แห่งใน อ.สุไหงโก-ลก เพื่อดำเนินการตามมาตรการต่อทรัพย์สิน โดยสามารถยึดทรัพย์สินได้ถึง 13 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท
@@ ความไม่สงบปะทุหลังปฏิบัติการ

อย่างไรก็ตาม หลังจากปฏิบัติการดังกล่าวได้ไม่นาน ได้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นในพื้นที่อย่างน่าผิดสังเกต โดยเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 15 ส.ค.68 คนร้ายกว่า 10 คนพร้อมอาวุธครบมือ บุกเผารถแบคโฮและรถกระบะภายในโรงไฟฟ้าชีวมวล ที่ อ.แว้ง จ.นราธิวาส พร้อมมีเสียงระเบิดดัง 3 ครั้ง
ต่อมาช่วงค่ำของวันที่ 20 ส.ค.68 คนร้ายได้ลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์บริเวณหน้าฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) ศาลาใหม่ อ.ตากใบ ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บหลายราย ระเบิดถูกประกอบในถังแก๊ส 2 ถัง ทำงานสมบูรณ์ จนก่อความเสียหายเป็นวงกว้าง
@@ เสียงจากภาคประชาสังคมและชาวบ้าน
สำหรับข่าวลือหนาหูเรื่องของ พ.ต.อ.อัสรี แหล่งข่าวจากเอ็นจีโอในพื้นที่รายหนึ่งตั้งข้อสังเกตชวนให้คิด
“ถ้าเป็นเรื่องจริง ก็ถือว่าดีที่เกิดเรื่องที่กรุงเทพฯ เพราะถ้าเกิดในพื้นที่ รับรองไม่เป็นคดี”
เอ็นจีโอรายนี้ บอกว่า วงการสีกากีในพื้นที่ชายแดนใต้รู้กันดี หลายคนเป็นเด็กฝากนักการเมืองระดับรัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกรดเอ ซึ่งมีอิทธิพลในพื้นที่ภาคใต้ตอนลาง โดยเฉพาะสงขลา ส่งผลให้ธุรกิจสีเทาปราบไม่หมด
ชาวบ้านในพื้นที่ตากใบตั้งคำถามว่า เหตุใดผู้เกี่ยวข้องจึงไม่ออกมาอธิบายชัดๆ เกี่ยวกับข่าวที่ออกมา รวมถึงเหตุผลของการสั่งย้าย ผกก.สภ.ตากใบ ยิ่งการสั่งย้ายเกิดขึ้นหลังจากมีคดีใหญ่ๆ เกิดขึ้น และยังมีปัญหาความไม่สงบตามมา ทำให้ประชาชนยิ่งข้องใจ
ในสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายกำลังเฝ้ารอคำตอบ แต่ความไม่ชัดเจนที่เกิดขึ้นอาจนำมาซึ่งความไม่เชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมในพื้นที่อันเปราะบางแห่งนี้
