
ข่าวประชาสัมพันธ์จากพรรคประชาชาติช่วงปลายสัปดาห์ หลังรัฐสภารับหลักการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม วาระ 1 คืออีกหนึ่งนัยการเมืองในห้วงเปลี่ยนผ่าน เข้าไต้เข้าไฟ
แม้จะพยายามทำให้เป็น “อีเวนท์” สภาท้องถิ่นเยือน/เยี่ยมชมสภาใหญ่ แต่เมื่อตัวแทนสภาท้องถิ่นนำทีมโดย “บ้านใหญ่นราธิวาส” กูเซ็ง ยาวอหะซัน สิงห์เฒ่าแห่งบางนรา แถมเข้าพบทั้ง อาจารย์วันมูหะมัดนอร์ มะทา และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สองคีย์แมนพรรคประชาชาติ ทำให้ถอดรหัสการเมืองได้ว่า นี่คือการส่งสัญญาณถึงพรรคกล้าธรรมอย่างชัดแจ้ง
เพราะ นายกกูเซ็ง มีลูกชายเป็น สส.นราธิวาส เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งปัจจุบันสภาพพรรคแตกละเอียด สส.แยกกันไปคนละทิศละทาง
สถานการณ์ของสนามเลือกตั้งนราธิวาส หากคิดจากฐานปี 66 มี สส.ได้ 5 คน พรรคพลังประชารัฐเป็นแชมป์ ได้ 2 จาก 5 แต่ปัจจุบันเปลี่ยนสีเสื้อไปสังกัดพรรคกล้าธรรม
ส่วนรวมไทยสร้างชาติ ประชาชาติ และภูมิใจไทย ได้พรรคละ 1 คน

ที่ผ่านมา พรรคกล้าธรรมเพิ่งมีรัฐมนตรีคนแรกจากชายแดนใต้ ในสีเสื้อของตัวเอง นั่นก็คือ อามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาสสมัยแรก แต่ได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถมเพิ่งให้สัมภาษณ์เตรียมกวาด สส.ยก 13 เขตในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย ไม่ใช่ตั้งเป้าเฉพาะนราธิวาส
ขณะที่พรรคภูมิใจไทยเพิ่ง “ปิดดีล” กับ “บ้านใหญ่บุญญามณี” ที่มีประมุขชื่อ นิพนธ์ บุญญามณี อดีต สส.สงขลา 8 สมัย และ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้รับผิดชอบสนามเลือกตั้งจังหวัดสงขลา และบางส่วนของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
เมื่อคู่แข่งขยับกันคึกคัก งานนี้พรรคประชาชาติจึงอยู่นิ่งไม่ได้ และมีกิจกรรมทางการเมืองต่อเนื่อง โดยทั้งสองแกนนำ คือ วันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตหัวหน้าพรรค ปัจจุบันเป็นประธานรัฐสภา กับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรค และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพิ่งร่วมกันไปเปิดกิจกรรม “ปลุกพลังมุสลิมะห์” ระดมสตรีนับพันคนไปร่วมส่งเสียงทางการเมือง
ล่าสุดจึงน่าจับตาเป็นอย่างยิ่งกับการปรากฏตัวของ “บ้านใหญ่กูเซ็ง” แห่งนราธิวาส ที่ได้เข้าพบหารือทั้งสองผู้นำตัวจริงของประชาชาติ ถึงอาคารรัฐสภา ว่านี่คือแผนเตรียมเปิดตัวเข้าพรรคอย่างเป็นทางการในฉากต่อไปหรือไม่

กิจกรรมต้อนรับคณะผู้บริหาร อบจ.นราธิวาส มี สส.พรรคประชาชาติยกกันมาเกือบยกพรรค โดย “ทีมงานนายกกูเซ็ง” ยังมี “กำนันเพื่อน” ธนาธิป พรหมชื่น ผู้ก่อตั้ง “ชุดคุ้มครองตำบล” หรือ ชคต.ต้นแบบแห่งแรกของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปรากฏตัวร่วมอยู่ด้วย
กิจกรรมการพบปะ แม้จะมีการพูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และบทบาทของท้องถิ่นในการร่วมจัดการปัญหายาเสพติด
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หัวข้อสนทนาวนเวียนอยู่ที่อนาคตทางการเมืองของพรรคประชาชาติเป็นด้านหลัก
“พรรคประชาชาติแม้ดูเหมือนมีคนไม่มาก แต่มีความเข้มแข็ง และขอให้ทุกคนรักษาอัตลักษณ์ของพรรคประชาชาติ เพื่อแสดงความเข้มแข็งออกไปให้ภูมิภาคอื่นได้เรียนรู้และเป็นแบบอย่างต่อไป” เป็นบางช่วงบางตอนจากคำกล่าวของ พ.ต.อ.ทวี

น่าสังเกตเป็นอย่างยิ่งที่ในช่วงท้ายของกิจกรรมพบปะ ประธานวันนอร์ยังได้มอบเสื้อตราสัญลักษณ์รัฐสภาให้กับคณะผู้บริหาร อบจ.นราธิวาส ถึงขั้นสวมแจ็กเก็ตให้ พร้อมถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก ไม่ต่างอะไรกับเวลาคนการเมืองย้ายเข้าสังกัดพรรคการเมือง ก็จะมีกิจกรรมสวมเสื้อแจ็กเก็ตให้กัน
หรืองานนี้คือการซ้อมใหญ่ก่อนใส่เสื้อพรรคประชาชาติ!?!
เลือกตั้งปี 69 ต้องบอกว่าสนามนราธิวาสเดือดแน่ เพราะมีแนวโน้มเพิ่ม สส.อีก 1 คน เป็น 6 คน ส่งผลให้พรรคใดหากเอาชนะได้ที่นราธิวาส ก็แทบจะครองความยิ่งใหญ่ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เลยทีเดียว
