
เรื่องราวของ “ขุนพลจากอีสาน” ที่มีโอกาสได้ลงพื้นที่ทำงานในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถูกพูดถึง 2 เรื่อง 2 กรณี ในห้วงเวลาใกล้เคียงกัน
หนึ่ง คือ พล.ต.นรธิป โพยนอก หรือ “บิ๊กยูร” รองแม่ทัพภาคที่ 2 คุมพื้นที่อีสาน และอยู่อีสานมาแทบจะตลอดชีวิตราชการ แต่ได้ขยับขึ้นแม่ทัพภาคที่ 4 ทำหน้าที่ “แม่ทัพดับไฟใต้” ในปีสุดท้ายของอายุราชการ
กรณีของ “บิ๊กยูร” ถูกตั้งคำถามว่า เคยลงใต้ และผ่านงานภาคใต้มากน้อยแค่ไหน จึงได้รับความไว้วางใจให้ปฏิบัติภารกิจสำคัญในห้วงเวลาสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสถานการณ์
อ่านประกอบ : รู้จัก “บิ๊กยูร” แม่ทัพภาคใต้คนใหม่ ทะลุไลน์จากสายอีสาน!
สอง คือ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง หรือ “แม่ทัพกุ้ง” แม่ทัพภาคที่ 2 เจ้าของฉายา “แม่ทัพมหาชน” ที่โด่งดังมาจาก “ศึกเขมร” จนกลายเป็นเซเลบของคนไทยทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็กยันแก่

แม่ทัพกุ้งเพิ่งได้รับเชิญลงใต้ไปบรรยายพิเศษที่มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เมื่อ 11 ก.ย.68 ที่ผ่านมา และได้รับทั้งเสียงกรี๊ด ดอกไม้ รวมถึงการต้อนรับอย่างอบอุ่น
ระหว่างการบรรยายและให้สัมภาษณ์ แม่ทัพกุ้งเล่าว่า เคยปฏิบัติราชการสนามในพื้นที่ชายแดนใต้นานถึง 4 ปี การลงใต้รอบนี้จึงเหมือนได้กลับบ้าน
อ่านประกอบ : “แม่ทัพกุ้ง” บุกราชภัฏยะลา นักศึกษาแห่เซลฟี่
คำกล่าวของ พล.ท.บุญสิน ทำให้เกิดการถามไถ่กันในพื้นที่ว่า เจ้าตัวเคยลงใต้ทำงานในพื้นที่ไหน อยู่หน่วยเฉพาะกิจ หรือ ฉก.เลขเท่าไหร่ และมีใครจำท่านได้บ้าง เพราะวันนี้ท่านโด่งดังระดับประเทศไปแล้ว เรียกว่าเนื้อหอม มีพรรคการเมืองน้อยใหญ่รุมจีบ
จากการตรวจสอบย้อนหลังของ “ทีมข่าวอิศรา” พบว่า พล.ท.บุญสิน สังกัดกองทัพภาคที่ 2 เป็นทหารอีสาน กองทัพจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะรับผิดชอบพื้นที่ จ.ปัตตานี ในภารกิจดับไฟใต้ห้วงตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา เนื่องจากกำลังพลของกองทัพภาคที่ 4 กองทัพเดียวไม่เพียงพอ ท่ามกลางสถานการณ์ในพื้นที่ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
กองทัพบกในสมัยนั้นได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 1- 3 จัดกำลังลงมายังพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสนับสนุนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ในการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมและรักษาความสงบ
ในส่วนของกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 2 ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบพื้นที่ จ.ปัตตานี ดังกล่าว ทำหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ( ฉก.ปัตตานี ) และมีหน่วยย่อยกระจายออกไปควบคุมพื้นที่ต่างๆ ในระดับอำเภอ เป็น ฉก.ปัตตานี ตามด้วยเลข 2 ตัว

ในปี 2552 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง หรือ “แม่ทัพกุ้ง” แม่ทัพภาคที่ 2 คนปัจจุบัน ก็เป็นหนึ่งในนายทหารที่ลงมาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ด้วย
ขณะนั้น “แม่ทัพกุ้ง” มียศเป็น “พันโท” มีตำแหน่งเป็น ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3 รับภารกิจลงใต้ ปฏิบัติหน้าที่เป็น ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 21 (ผบ.ฉก.ปัตตานี 21) รับผิดชอบพื้นที่ อ.แม่ลาน และ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายปฏิบัติการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งเคยร่วมงานกับ พล.ท.บุญสิน เล่าว่า “แม่ทัพกุ้ง” หรือ พันโทบุญสินในขณะนั้น เป็นนายทหารที่คนในพื้นที่รักและเคารพอย่างสูง โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 21 ตั้งฐานอยู่ที่เขื่อนชลประทาน ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ในช่วงสิบกว่าปีก่อน
“แม่ทัพกุ้งเป็นผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นในการปฏิบัติงานเชิงรุก โดยเฉพาะการทำลายโครงสร้างกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่หมู่บ้านสีแดง อย่าง ต.กอลำ และ ต.เมาะมาวี นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการทำงานด้านมวลชน ทำให้ได้รับความรักและความไว้วางใจจากชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก”
“ท่านเป็นคนดีมาตั้งแต่ต้น ทำงานเก่งมาก ส่วนตัวผมเคยร่วมงานกับท่าน 3 ปี ท่านเข้าใจปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ดีที่สุด ทำงานแบบไม่มีอคติ ตรงไปตรงมา เรื่องเงินทองไม่มีมุบมิบ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ตอนนั้นกำลังพลส่วนใหญ่มาจากกองทัพภาคที่ 2 และท่านย้ายกลับตามวงรอบ ถ้าจำไม่ผิดก็ปี 2556” เจ้าหน้าที่ทหารซึ่งเคยร่วมงานกับแม่ทัพกุ้ง ระบุ
เขาเล่าอีกว่า การทำงานของ พล.ท.บุญสิน ทำให้สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่รับผิดชอบลดลงอย่างเห็นได้ชัด แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็สร้างความเชื่อมั่นและความรู้สึกที่ดีให้กับคนในพื้นที่ จนบางคนถึงกับไม่ต้องการให้แม่ทัพกุ้งย้ายกลับไปที่กองทัพภาคที่ 2 ด้วยซ้ำ

แต่เมื่อถามถึงการแต่งตั้ง พล.ต.นรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ เจ้าหน้าที่ทหารรายนี้กลับแสดงความกังวลอย่างชัดเจน
“พล.ต.นรธิป ก็น่าจะเคยลงมาประจำที่ปัตตานี แต่นึกไม่ออกเลยว่าประจำอยู่หน่วยไหน” เจ้าหน้าที่รายนี้ออกตัว
เมื่อถามถึงความคาดหวังกับแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ ซึ่งมาไกลจากอีสาน เจ้าหน้าที่ทหารรายนี้ บอกว่า ความเห็นส่วนตัวมองว่าการมาอยู่แค่ปีเดียว และมาจากภาค 2 ที่ไม่เคยคุมกำลังภาค 4 อีกทั้งรัฐบาลใหม่ก็ไม่มีความชัดเจนในเรื่องนโยบายหรือยุทธศาสตร์การแก้ปัญหา จึงคิดว่าการทำงานของแม่ทัพคนใหม่น่าจะมีปัญหาแน่นอน
“พลวัตที่เปลี่ยนแปลงไปหลายๆ อย่างของปัญหาไฟใต้ ต้องการผู้นำที่มีประสบการณ์มานำ แต่แม่ทัพคนใหม่มาปีเดียวจะทำอะไรได้ (อายุราชการเหลือ 1 ปีสุดท้าย)” เขาตั้งคำถาม
“ทีมข่าวอิศรา” สอบถามทหารอีกหลายคน ซึ่งเป็นฝ่ายปฏิบัติการในพื้นที่ ได้รับคำตอบคล้ายๆ กันว่า ไม่เข้าใจเหตุผลการพิจารณาคัดเลือกแม่ทัพภาคที่ 4 ของผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่าคิดจากอะไร เพราะอย่างน้อยควรเลือกผู้ที่มีประสบการณ์ในพื้นที่มาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ปี และไม่ควรเลือกคนที่อายุราชการเหลือแค่ปีเดียว เพราะทำให้งานไม่ต่อเนื่อง ที่สำคัญเหตุใดจึงไม่พิจารณาเลือก “ลูกหม้อ” ที่ทำงานในกองทัพภาคที่ 4 มาตลอด ซึ่งก็มีหลายคน
“ทำไมเวลาเปลี่ยนตัวแม่ทัพ ถึงชอบพิจารณาคนภาคอื่นขึ้นมา ลูกหม้อในภาค 4 มีเยอะแยะ ไม่เอาขึ้นมา งงจริงๆ ที่สำคัญคนในพื้นที่ต้องมารับกรรมตลอด 20 ปี ทั้งที่ปัญหานี้แก้ได้ ถามว่าจะแก้กันจริงๆ หรือไม่ ถ้าแก้จริงๆ เชื่อว่าไม่เกิน 10 ปีก็แก้ได้ แต่ต้องวางนโยบายที่มั่นคงแบบจริงจัง แต่วันนี้เปลี่ยนนโยบายกันทุกปี ส่วนกลางไปทางหนึ่ง ข้างล่างไปอีกทางหนึ่ง” เป็นเสียงจากกำลังพลระดับปฏิบัติ ทั้งทหารหลักและทหารพราน

ทีมข่าวยังลงพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี สอบถามชาวบ้านในพื้นที่ว่าจำ พล.ท.บุญสิน หรือ “แม่ทัพกุ้ง” ได้หรือไม่ ปรากฏว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ตอบว่าจำชื่อไม่ได้ เพราะทหารหมุนเวียนกำลังพลอยู่ตลอด
“จำไม่ได้หรอกว่าใครเป็นใคร ทหารก็ย้ายตลอดทุกปี คนที่มาอยู่ก็มีทั้งคนดีและคนที่มาเอาเปรียบชาวบ้าน เป็นเรื่องปกติของคน ไม่ว่าจะภาคไหนก็เหมือนกัน ไม่เกี่ยวกับว่าเขาจะมาจากภาคเหนือ ภาคอีสาน หรือภาคใต้ บางทีคุยภาษาเดียวกัน แต่เอาเปรียบกันก็มี”
ส่วนแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ ที่มาจากกองทัพภาคที่ 2 ชาวบ้านบอกว่า “จะมาจากไหนก็ได้หมด ถ้ามาแล้วช่วยชาวบ้าน มาแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน อย่ามาสร้างปัญหาเพิ่มก็พอ ส่วนจะมาอยู่กี่ปีก็เหมือนกันหมด”
“เฉยๆ นะ จะมาจากภาคไหน ภาคเหนือหรืออีสาน เพราะใครมาก็เหมือนกัน ขอให้มาช่วยเหลือ แก้ปัญหาให้ชาวบ้าน แค่นี้ก็พอแล้ว และไม่ควรเลือกคนที่ทำไม่ดีจากที่อื่น แล้วให้มาอยู่ภาคใต้ แค่นี้ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว”
