ย้อนดูประวัติศาสตร์การเมืองห้วง 2 ทศวรรษมานี้ พรรคชินวัตรเป็นรัฐบาลมาแล้วหลายครั้ง
รัฐบาลไทยรักไทย - 2 สมัย 1 นายกฯ (ทักษิณ ชินวัตร)
รัฐบาลพลังประชาชน - 1 สมัย 2 นายกฯ (สมัคร สุนทรเวช / สมชาย วงศ์สวัสดิ์)
รัฐบาลเพื่อไทย - รอบแรก (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร)
รัฐบาลเพื่อไทย - รอบสอง (เศรษฐา ทวีสิน)
รัฐบาลเพื่อไทย - รอบ 2.1 (แพทองธาร ชินวัตร)
ทุกรัฐบาล “จบไม่สวย” โดนทั้งม็อบไล่ โดนทั้งนิติสงคราม
วิธีการรับมือของพรรครัฐบาลชินวัตร คือ สู้จนถึงที่สุด ไม่ลาออก แต่ถ้าเจอแรงกดดันหนักๆ ก็จะใช้วิธี “ยุบสภา” แทน
สาเหตุที่เลือกยุบสภา เพราะพรรคชินวัตรเคยครองใจประชาชน เป็นแชมป์เลือกตั้งมาตลอด ตั้งแต่ปี 2544 - 2562 ฉะนั้นเลือกตั้งใหม่เมื่อไร ก็ชนะกลับมาทุกครั้ง
ผู้มีอำนาจของพรรคการเมืองนี้จึงใช้การเลือกตั้ง “ฟอกตัว - ฟอกปัญหา” และล้างไพ่ นับหนึ่งใหม่ หรือหลายๆ ครั้งก็ใช้เป็นเงื่อนไขต่อรองทางการเมืองเมื่อเจอแรงบีบ
ฝ่ายต่อต้าน ขับไล่รัฐบาลชินวัตรก็รู้ทัน ฉะนั้นทุกครั้งที่มีม็อบไล่ จึงมีขบวนการขัดขวาง ไม่ให้มีการเลือกตั้งใหม่หลังยุบสภา หรือทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะทุกรอบ
เนื่องจากฝ่ายไล่ก็รู้ดีว่า ปล่อยให้เลือกตั้งไป พวกตนก็แพ้ และกลายเป็นการ “ฟอกขาว” ให้พรรคชินวัตร
จึงกลายเป็นความลักลั่นและวังวนทางการเมืองของประเทศไทยในห้วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา คือ เมื่อเกิดวิกฤตขึ้นมา ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ไม่ได้ ให้ประชาชนตัดสินไม่ได้ ต้องใช้ทหารเข้ามาเป็นกรรมการ หรือใช้นิติสงครามจัดการ จนแวดวงตุลาการถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
สถานการณ์ที่ผ่านมาจึงถือเป็นงานยากในการฝ่าเกมการเมืองของรัฐบาลชินวัตร และสุดท้ายก็จบไม่สวย...
- โดนปฏิวัติไป 2 ครั้ง (ทักษิณ / ยิ่งลักษณ์)
- โดนฤทธิ์นิติสงครามไปอีก 3 ครั้ง (สมัคร / สมชาย / เศรษฐา)
แต่โจทย์ยากยิ่งกว่าของรัฐบาลเพื่อไทย ยุคนายกฯแพทองธาร คือ ยุบสภาไม่ได้ เพราะตัวเองไม่ใช่แชมป์จากสนามเลือกตั้งอีกต่อไป แถมคู่แข่งก็น่ากลัวอย่างมาก คือ พรรคประชาชน
เรียกว่าเลือกเมื่อไร แพ้เมื่อนั้น และเสี่ยงแพ้เยอะด้วย
เหตุนี้เองในทางกลับกัน พรรคประชาชน หรือ พรรคส้ม จึงเรียกร้องอย่างเดียวให้นายกฯแพทองธารยุบสภา ซึ่งก็เป็นแนวเดียวกับพรรคเพื่อไทยสมัยก่อนนั่นเอง
การเดินเกมของรัฐบาลเพื่อไทยวันนี้ จึงยากขึ้น และตีบตันมากขึ้น ฉะนั้นย่อมไม่แปลกที่จะโดนพรรคร่วมรัฐบาลเสียงไม่ถึง 50 เสียง กดดันอยู่ในขณะนี้
โดยเฉพาะพรรค 3 เกลอ รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ และชาติไทยพัฒนา
ทั้งสามพรรคไม่ยอมประกาศชัดๆ ว่าจะถอนตัว แต่แทงกั๊ก อุบเงียบ กดดันให้นายกฯลาออก หรือต่อรองเงื่อนไขทางการเมือง
ศึกคลิปเสียง “อิ๊งค์-ฮุนเซน” จึงยังไม่จบด้วยประการฉะนี้!