เปิดปฏิบัติการ‘คู่ขนาน’ทวงคืน‘เขากระโดง’ บี้ทบทวนคำสั่ง‘กรมที่ดิน’-ฟ้องขับไล่‘รายแปลง’

kd 20 07 25 pic

“…จึงต้องติดตามกันต่อไปว่า การเปิดปฏิบัติ ‘คู่ขนาน’ ในการทวงคืนที่ดินเขากระโดงกลับมาเป็นของ รฟท. โดยวิธีการกดดัน ‘อธิบดีกรมที่ดิน’ ทบทวนหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งกรณีที่ดิน ‘เขากระโดง’ และการฟ้องขับไล่เป็นรายแปลง ซึ่ง รฟท. ได้ขอกำลังบุคลากรจาก ‘อัยการสูงสุด’ นั้น จะมีบทสรุปอย่างไร?...”

..............................

พลันที่ ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ รองนายกรัฐมนตรี เข้ามานั่งควบตำแหน่ง ‘รมว.มหาดไทย’ คนใหม่ เพียงไม่กี่วัน

ปฏิบัติการทวงคืนที่ดิน ‘เขากระโดง’ จ.บุรีรัมย์ รอบใหม่ก็เริ่มต้นอีกครั้ง และดูเหมือนว่าการทวงคืนที่ดินเขากระโดง เนื้อที่ 5,083 ไร่เศษ กลับมาเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดย ‘พรรคเพื่อไทย’ ในคราวนี้ จะจริงจังกว่าหลายครั้งที่ผ่านมา หลัง ‘พรรคภูมิใจไทย’ ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล

ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา ภูมิธรรม ระบุว่า ได้ทำหนังสือไปถึง พรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน ให้ชี้แจงกรณีกรมที่ดินมีคำสั่งไม่เพิกถอน ‘หนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน’ ที่ออกทับที่ดินของ รฟท. บริเวณแยกเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ จำนวน 995 ฉบับ (ที่ดิน 772 แปลง) ภายใน 7 วัน หากไม่มีความชัดเจน จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯทันที

“ได้ส่งจดหมายไปตั้งแต่วันพุธหรือวันพฤหัสบดี ให้อธิบดีกรมที่ดินชี้แจงภายใน 7 วัน ว่า เหตุใดจึงเปลี่ยนแปลงคำสั่งของศาลปกครองและศาลฎีกา หากภายใน 7 วันไม่มีความชัดเจน ก็จะเซ็นตั้งคณะกรรมการฯทันที” นายภูมิธรรม ระบุ (อ่านประกอบ :‘ภูมิธรรม’ สั่ง ‘อธิบดีที่ดิน’ แจงคดีเขากระโดงใน 7 วัน ยันทำไม่เว้นแม้แต่ ‘อัลไพน์’)

อย่างไรก็ดี นายพรพจน์ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรากรณี รมว.มหาดไทย (นายภูมิธรรม) มีหนังสือถึงกรมที่ดินให้ชี้แจงกรณีที่ดินเขากระโดง ภายใน 7 วัน ว่า กรมที่ดินจะทำหนังสือถึง รมว.มหาดไทย โดยยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ที่มีคำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ในที่ดินเขากระโดง

“จะทำหนังสือไปยัง รมว.มหาดไทย โดยยืนยันไปตามมติเดิมของคณะกรรมการสอบสวน ตามมาตรา 61 เพราะเป็นคำสั่งทางปกครอง” นายพรพจน์ กล่าว (อ่านประกอบ : ไม่เชื่อ'แผนที่'ตามคำพิพากษา! ฉบับเต็ม‘คกก.สอบสวน’ยก 4 เหตุผล ไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’)

เมื่อ อธิบดีกรมที่ดิน ยืนยันว่า กรณีที่ดินเขากระโดง ให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการสอบสวนฯเดิม ที่มีคำสั่งไม่เพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่ดินเขากระโดงของ รฟท. ซึ่งเป็น ‘คำสั่งทางปกครอง’ แล้ว กระบวนการที่จะนำไปสู่การทบทวนหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งดังกล่าว อาจจำเป็นต้องทำการเปลี่ยนตัว ‘อธิบดีกรมที่ดิน’ ก็เป็นได้

@ฟ้อง‘ศาลปกครอง’ขอสั่งเพิกถอนโฉนดอาจไม่ใช่‘ทางออก’

ในขณะที่การฟ้อง ‘ศาลปกครองกลาง’ เพื่อขอให้ศาลฯมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน และคําวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ฯ กรณีอธิบดีกรมที่ดิน มีคำสั่งให้ยุติเรื่องการสอบสวนการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินโดยคลาดเคลื่อนในเขตที่ดินของ รฟท. บริเวณทางแยกเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ นั้น

อาจไม่ใช่หนทางที่นำไปสู่การเพิกถอนโฉนดที่ดิน 995 ฉบับที่ออกทับที่ดินรถไฟฯ บริเวณแยกเขากระโดงก็เป็นได้

เพราะแม้ว่าล่าสุด ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งรับคำฟ้องไว้พิจารณา 2 ข้อหา จากทั้งหมด 4 ข้อหา คือ

ข้อหาที่ 1 รฟท. มีคําขอให้ศาลมีคําพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน ตามหนังสือกรมที่ดิน ที่ มท 0561.2(2)/22162 ลงวันที่ 21 ต.ค.2567 ที่มีคำสั่งให้ยุติเรื่องการสอบสวน การออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินโดยคลาดเคลื่อนในเขตที่ดินของ รฟท. บริเวณทางแยกเขากระโดง ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์

ข้อหาที่ 2 รฟท. มีคําขอให้ศาลมีคําพิพากษาหรือคำสั่งให้เพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณ์ของอธิบดีกรมที่ดิน และปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้มีคําวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ กรณี รฟท.ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน ที่มีคำสั่งให้ยุติเรื่องการสอบสวนการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินโดยคลาดเคลื่อนในเขตที่ดินของ รฟท. บริเวณทางแยกเขากระโดงฯ

ส่วน ข้อหาที่ 3 ซึ่ง รฟท.ขอให้ศาลมีคำสั่งให้กรมที่ดินและอธิบดีกรมที่ดิน เพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกในที่ดินของผู้ฟ้องคดีทั้ง 995 ฉบับ ที่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ออกโดยไม่ชอบ ซึ่งเป็นการคลาดเคลื่อนไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งหมดในพื้นที่ของ รฟท. ภายใน 60 วัน

และ ข้อหาที่ 4 ซึ่ง รฟท. ขอให้ศาลฯมีคำสั่งให้เพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน ที่ออกทับที่ดินของ รฟท. และพื้นที่ตามแผนที่แสดงเขตร์ที่ดินของกรมรถไฟ ตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ต.เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ กิโลเมตร 375+650 ตามระวางที่ดิน 4638 IV 3452-00 ถึง 4638 IV 3454-00 นอกเหนือจากหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินทั้ง 995 ฉบับ นั้น

ศาลปกครองกลาง มีคำสั่ง ‘ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา’

เนื่องจากศาลฯเห็นว่า มีข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีและคําขอบังคับ ในลักษณะเดียวกันกับประเด็นที่ศาลได้มีคําพิพากษาถึงที่สุดไปแล้ว ในคดีศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขดำที่ 2494/2564 หมายเลขแดงที่ 582/2566 มาฟ้องเป็นคดีนี้อีก (อ่านประกอบ : ฉบับเต็ม! คำวินิจฉัย‘ศาลปค.’ไม่รับฟ้องบางข้อหา-ตีตกปม‘รฟท.’ขอสั่งเพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’)

กระทั่งต่อมา วิริศ อัมระปาล ผู้ว่าฯ รฟท. ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองชั้นต้นที่มีคำสั่งไม่รับ 2 ข้อหา ไว้พิจารณา ต่อศาลปกครองสูงสุด และต้องการให้ศาลฯเป็นผู้สั่งเพิกถอนโฉนดที่ดิน 995 แปลง แทนกรมที่ดิน เช่นเดียวกับที่ดินใน อ.ท่านุ่น จ.พังงา นั้น (อ่านประกอบ : รฟท.อุทธรณ์ศาลปค. 2 ประเด็น ‘เขากระโดง’ แล้ว - จ่อส่งข้อมูลให้คกก.ชุด ‘ภูมิธรรม’)

แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้น ‘รับ-ไม่รับ’ คำฟ้องทั้ง 2 ข้อหา ไว้พิจารณาหรือไม่ก็ตาม

การที่ศาลปกครองจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ ‘กรมที่ดิน’ ทำการเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่ดินของ รฟท. บริเวณแยกเขากระโดง แทน ‘กรมที่ดิน’ มีโอกาสเป็นไปได้น้อยมาก

เช่น ในคดีศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขดำที่ 2494/2564 หมายเลขแดงที่ 582/2566 (คดีเขากระโดง) ซึ่งแม้ว่าศาลปกครองกลาง ได้วินิจฉัยว่า ที่ดินบริเวณแยกเขากระโดง เป็นที่ดินของ รฟท. แต่ศาลฯกลับไม่ได้มีคำสั่งให้เพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่ดินของรฟท. แต่อย่างใด

เพียงแต่มีคำสั่งให้ ‘อธิบดีกรมที่ดิน’ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และให้ รฟท. ร่วมกับคณะกรรมการสอบสวนฯ ตรวจสอบแนวเขตที่ดินบริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ เท่านั้น (อ่านประกอบ : ฉบับเต็ม! พลิกคำพิพากษา‘ศาล ปค.’สั่ง‘กรมที่ดิน ‘ตั้ง‘คกก.สอบสวน’ถอนโฉนด‘เขากระโดง’)

ที่สำคัญ ที่ผ่านมา 'อธิบดีกรมที่ดิน' ในแต่ละยุคได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯ เพื่อดำเนินการพิจารณาเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่ดินรถไฟฯ บริเวณแยกเขากระโดง อย่างน้อย 2 ครั้ง แต่สุดท้ายก็มีคำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่ดินรถไฟฯทั้ง 2 ครั้ง ได้แก่

ครั้งแรก อธิบดีกรมที่ดิน มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดิน 2 แปลง ที่ออกทับที่ดินรถไฟฯบริเวณแยกเขากระโดง ตามมติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อเดือน ก.ย.2554 คือ

1.โฉนดที่ดินเลขที่ 3466 ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่ออกเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2515 เนื้อที่ 7 ไร่ 1 งาน 55.8 ตารางวา ของ ชัย ชิดชอบ (ขณะนั้น) และ2.โฉนดที่ดินเลขที่ 8564 ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่ออกเมื่อวันที่ 13 ส.ค.2518 เนื้อที่ 37 ไร่ 1 งาน 65 ตารางวา ของ กรุณา ชิดชอบ (ขณะนั้น)

แต่ปรากฏว่า กรมที่ดิน เห็นควรว่า ไม่เพิกถอนโฉนดที่ดิน พร้อมทั้งทำหนังสือหารือกับ ‘สำนักงานอัยการสูงสุด’ ในเรื่องนี้ ต่อมาสำนักงานอัยการสูงสุด มีหนังสือตอบกลับว่า ให้ รฟท. ฟ้องต่อศาลที่มีอำนาจ เพื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาเพิกถอนโฉนด 2 แปลงต่อไป (อ่านประกอบ : เก็บเรื่อง 9 ปี! 3 ผู้ว่าฯรฟท.ไม่สั่งฟ้องศาลถอนโฉนด ที่ดิน 'เขากระโดง' โยง 'ชิดชอบ')

ครั้งที่สอง อธิบดีกรมที่ดิน มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อทำการตรวจสอบแนวเขตที่ดินบริเวณเขากระโดง ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ ตามคำพิพากษาศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดำที่ 2494/2564 หมายเลขแดงที่ 582/2566 ลงวันที่ 30 มี.ค.2566

ปรากฏว่าคณะกรรมการสอบสวนฯชุดนี้ มีคำสั่งไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน เนื่องจากยังไม่มีพยานหลักฐานปรากฏชัดแจ้งเพียงพอให้รับฟังได้ว่า ได้มีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงเห็นควรยุติเรื่องในกรณีนี้

แต่อย่างไรก็ดี หากการรถไฟแห่งประเทศไทยเห็นว่ามีสิทธิในที่ดินดีกว่าก็เป็นเรื่องที่ผู้มีสิทธิในที่ดิน จะต้องไปดำเนินการเพื่อพิสูจน์สิทธิในกระบวนการยุติธรรมทางศาลต่อไป (อ่านประกอบ : ฉบับเต็ม! เปิดหนังสือแจ้งผลอุทธรณ์ฯ ‘มท.’ชี้‘กรมที่ดิน’ไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’ชอบแล้ว)

@รอคำตอบ‘อัยการสูงสุด’หนุนกำลังคนฟ้องขับไล่‘รายแปลง’

ดังนั้น ทางออกที่เป็นไปได้มากที่สุด ในการเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่ดินของ รฟท. บริเวณแยกเขากระโดง คือ การฟ้องคดีต่อ ‘ศาลยุติธรรม’ เพื่อขอให้ศาลฯมีคำสั่งขับไล่ ‘ผู้บุกรุก’ ที่ดินรถไฟฯบริเวณแยกเขากระโดงเป็น ‘รายแปลง’ แม้ว่ากระบวนการฟ้องคดีและการบังคับคดี อาจต้องใช้เวลาหลายปีก็ตาม

เช่น กรณีศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาในคดีที่ 8027/2561 ว่า ศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ (โจทก์) ไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ข.) เลขที่ 200 หมู่ที่ 9 (ปัจจุบันหมู่ที่ 13) ต.เสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ เนื้อที่ 24 ไร่ 4 ตารางวา เนื่องจากที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตที่ดินของ รฟท. บริเวณแยกเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ และให้นายศุภวัฒน์ ชำระค่าเสียหาย เป็นเงินเดือนละ 36,720 บาท

ทั้งนี้ หลังจาก รฟท.ใช้เวลาเกือบ 5 ปี ในการดำเนินการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีที่ 8027/2561 ในเดือน ธ.ค.2566 นายศุภวัฒน์ ได้ชำระหนี้ให้กับ รฟท. ครบทั้งหมดแล้ว เป็นเงินทั้งสิ้น 4,873,174 บาท และได้ออกจากที่ดินของ รฟท. ไปก่อนหน้านั้น แล้ว(อ่านประกอบ : บังคับคดีแล้ว! โชว์เอกสาร‘ศุภวัฒน์’คืนที่ดิน‘เขากระโดง’ 24 ไร่-ชดใช้‘รฟท.’ 4.8 ล้าน)

แม้ว่า การฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่ดินเป็นรายแปลง ถือเป็นแนวทางหนึ่งในการทวงคืนที่ดินเขากระโดงของ รฟท. ซึ่งที่ผ่านมา วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าฯ รฟท. ได้ทำหนังสือ รฟท. ที่ รฟ 1/605/2568 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์รับดำเนินคดีแทนการรถไฟแห่งประเทศไทย ถึง อัยการสูงสุด (อสส.) ลงวันที่ 21 มี.ค.2568

โดยขอให้ ‘อัยการสูงสุด’ ดำเนินคดีแทน รฟท. ในการยื่นฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรม เพื่อขอให้ศาลฯมีคำพิพากษาเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกทับซ้อนที่ดินของ รฟท. ขับไล่ และเรียกค่าเสียหายจากผู้ถือเอกสารสิทธิ์และผู้ยึดถือครองครองครองในที่ดินบริเวณดังกล่าวจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

“การรถไฟแห่งประเทศไทยขอเรียนว่า ที่ดินบริเวณแยกเขากระโดงนั้น เป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐเพื่อกิจการของการรถไฟแห่งประเทศไทย อันจะสามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ให้กับประชาชนทั่วไปได้ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ใช้ความพยายามเรียกคืนที่ดินดังกล่าวมาโดยตลอด

แต่เนื่องจากมีผู้ครอบครองที่ดินเป็นจำนวนมากและบางคนเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ และปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงสภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินไปในทางแสวงหากำไรเชิงพาณิชย์ด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่สนใจของประชาชนทั่วประเทศ การนำที่ดินของรัฐไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน

ย่อมมีผลกระทบต่อรัฐและความรู้สึกของประชาชนอย่างกว้างขวางและเป็นคดีที่มีการนำเสนอข่าวทางสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง จึงถือเป็นคดีที่มีความสำคัญที่อัยการสูงสุดจะโปรดรับไว้ดำเนินคดีแทนการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ ตามข้อ 9 ของระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีแพ่งของพนักงานอัยการ พ.ศ.2560

เนื่องจากการรถไฟแห่งประเทศไทยมีบุคลากรไม่เพียงพอที่จะดำเนินคดีได้ จึงขอความอนุเคราะห์มายังอัยการสูงสุดได้โปรดรับดำเนินคดีแทนการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยยื่นฟ้องคดีต่อศาล

เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกทับซ้อนที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ขับไล่ และเรียกค่าเสียหายจากผู้ถือเอกสารสิทธิ์และผู้ยึดถือครองครองครองในที่ดินบริเวณดังกล่าวจนกว่าคดีจะถึงที่สุด” หนังสือ รฟท. ระบุ (อ่านประกอบ : มีอิทธิพลในพื้นที่-บุคลากรไม่พอ! เปิดหนังสือ‘รฟท.’ขอ‘อสส.’ฟ้องถอนโฉนด‘เขากระโดง’)

แต่ทว่าจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีหนังสือตอบกลับจาก ‘อัยการสูงสุด’ ในเรื่องนี้แต่อย่างไร และมีความเป็นไปได้ที่ รฟท. จะทำหนังสือสอบถามเรื่องนี้ไปยัง อัยการสูงสุดอีกครั้ง

จากนี้จึงต้องติดตามกันต่อไปว่า การเปิดปฏิบัติ ‘คู่ขนาน’ ในการทวงคืนที่ดินเขากระโดงกลับมาเป็นของ รฟท. โดยวิธีการกดดัน ‘อธิบดีกรมที่ดิน’ ทบทวนหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งกรณีที่ดิน ‘เขากระโดง’ และการฟ้องขับไล่เป็นรายแปลง ซึ่ง รฟท. ได้ขอกำลังบุคลากรจาก ‘อัยการสูงสุด’ นั้น จะมีบทสรุปอย่างไร?

อ่านประกอบ :

รฟท.อุทธรณ์ศาลปค. 2 ประเด็น ‘เขากระโดง’ แล้ว - จ่อส่งข้อมูลให้คกก.ชุด ‘ภูมิธรรม’

‘ภูมิธรรม’ สั่ง ‘อธิบดีที่ดิน’ แจงคดีเขากระโดงใน 7 วัน ยันทำไม่เว้นแม้แต่ ‘อัลไพน์’

ฉบับเต็ม! คำวินิจฉัย‘ศาลปค.’ไม่รับฟ้องบางข้อหา-ตีตกปม‘รฟท.’ขอสั่งเพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’

ฟ้อง 4 ข้อหาไม่รับ 2!‘ศาลปค.’ตีตกคำขอ‘รฟท.’สั่ง‘กรมที่ดิน’เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’995 ฉบับ

‘ภูมิธรรม’เผยเตรียมเซ็นคำสั่งตั้ง คกก.ทบทวนพิพาท ‘เขากระโดง’

‘ภูมิธรรม’ โยนรมว.จริงมาทำ ‘เขากระโดง-อัลไพน์’ - ปัดคุยแต่งตั้งโยกย้าย

มีอิทธิพลในพื้นที่-บุคลากรไม่พอ! เปิดหนังสือ‘รฟท.’ขอ‘อสส.’ฟ้องถอนโฉนด‘เขากระโดง’

‘อนุทิน’ แจงเขากระโดง-อัลไพน์ ไม่เกี่ยวกัน นายกฯไม่เคยแทรกแซง

‘ประชาชน’ อัดรัฐบาลไม่จริงใจแก้ ‘อัลไพน์-เขากระโดง’ จับเป็นตัวประกันเจรจา กล่าวหาแรงหวังฮุบที่วัด

‘สร.รฟท.’บุก‘ปปป.’กล่าวโทษ‘อธิบดีกรมที่ดิน-คกก.สอบสวน’ไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’

รฟท.ร่างคำฟ้องยื่นศาลปค. ‘เขากระโดง’ชี้คำสั่งคกก.มาตรา 61 ไม่ชอบ