สนิมกัดเกือบทุกเส้น! ผลตรวจสลิง สภ.ท่าเรือ-อยุธยา มัดปมสะพาน 200 ปีถล่ม

เขียนวันที่

วันศุกร์ ที่ 01 มกราคม 2559 เวลา 15:00 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

ผลตรวจลวดสลิง | อบจ.อยุธยา | สภ.ท่าเรือ | เหตุการณ์สะพานสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี ถล่ม

"1.เชือกลวดเหล็กกล้า (หมายเลข 1-6,9,10) พบร่องรอยการขาดที่เกิดจากแรงดึง บางเส้นมีสนิมกัดกร่อน 2.เชือกลวดเหล็กกล้า (หมายเลข 7,8) การขาดเกิดจากแรงดึง ทุกเส้นมีสนิมกัดกร่อน 3.เชือกลวดเหล็กกล้า (หมายเลข 11) การขาดเกิดจากแรงดึง มีลักษณะตัดตรง สันนิษฐานว่า เกิดจากการตัดด้วยตัวจับยึดลวดสลิง (Clip) ที่แผงฝักบัว"

291258 ay200 00

กรณีเหตุการณ์สะพานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี จ.อยุธยา พังถล่ม เมื่อ 28 เม.ย. 56 ใช้วัสดุอุปกรณ์ไม่เป็นไปตามแบบแปลนที่กำหนด ทำให้เชือกลวดสลิงขาด เนื่องจาก ไม่ได้มาตรฐาน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 4 ราย และผู้บาดเจ็บทั้งสาหัส ไม่สาหัสอีก 13 ราย (อ่านประกอบ : ไล่ออก’สถานเดียว! พ่อเหยื่อสะพานถล่มจ้างทนายสู้ไม่แก้ไขโทษเจอ ม.157)

เพื่อสาธารณชนได้เห็นภาพมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อมูลเอกสารผลการตรวจพิสูจน์หลักฐาน คดีสะพานสมโภช ฯ 200 ปี ของกลุ่มงานตรวจทางเคมี ฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สถานีตำรวจภูธรท่าเรือ จ.อยุธยา (รายงานที่ 564509113) มาเสนอดังนี้

@ของกลางที่ทำการตรวจพิสูจน์

1.ลวดสลิง(หมายเลข 1 – 10) แจ้งว่า ตัดจากปลายสายลวดสลิงตรงบริเวณที่ขาด จำนวน 10 เส้น

2.ลวดสลิง(หมายเลข 11) แจ้งว่า พบภายในบ่อปูนยึดฐานสลิง

3.ลวดสลิง(หมายเลข 12)ขาดเสียหายระหว่างการเก็บกู้เพื่อส่งตรวจพิสูจน์ แจ้งว่า พบภายในบ่อปูนยึดฐานสลิง

4.ลวดสลิง (ตัดมาจากของกลางรายการที่ 1) แต่ละหมายเลขตัดออกเป็น 3 เส้น ยาว 1 เมตร/เส้น แจ้งว่า อยู่ภายในท่อ PE ด้านที่ขาดก่อน รวมจำนวน 30 ท่อน

5.สำเนาแบบก่อสร้างของสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.อยุธยา โครงการสะพาน 200 ปี(เคเบิ้ลคนเดินข้าม)

291258 ay200 02

@จุดประสงค์ในการตรวจพิสูจน์

ต้องการทราบว่าลวดสลิงมีลักษณะอย่างไร ร่องรอยการขาดเกิดจากสาเหตุใด เส้นใดขาดก่อน-ขาดหลัง และระยะเวลาห่างกันประมาณเท่าไหร่ แต่ละเส้นสามารถรองรับน้ำหนักได้เท่าไหร่ มีสภาพเก่าใหม่อย่างไร มีอายุการใช้งานนานเท่าไหร่ ตลอดจน เปรียบเทียบคุณสมบัติการทนแรงดึงของลวดสลิงว่ามีความแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร

@ผลการตรวจพิสูจน์และความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ

จากการตรวจพิสูจน์ลวดสลิงของกลาง สามารถจำแนกชนิดของลวดสลิง ได้แก่ 1.ลวดสลิง(หมายเลข 1-10) เป็นเชือกลวดเหล็กกล้า (Steel Wire Ropes) แบบ 6 (15+เส้นใย) ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 16 มม. ประกอบด้วยขดลวดตีเกลียว (Strand) จำนวน 6 เกลียว พันรอบแกนกลาง (Core) ที่เป็นวัสดุเส้นใย (Fiber) และในแต่ละเกลียวจะประกอบด้วยลวดเหล็ก (Wire) จำนวน 15 เส้น และมีแกนกลางของเกลียว (Center Wire) เป็นวัสดุเส้นใย 2.ลวดสลิง (หมายเลข 11) เป็นเชือกลวดเหล็กกล้า แบบ 6(12+6+1) ในแต่ละเกลียวประกอบด้วยลวดเหล็ก จำนวน 19 เส้น โดย วงนอกสุดเป็นลวดเหล็ก 12 เส้น วงถัดเข้ามาเป็นลวดเหล็ก 6 เส้น และแกนกลางของเกลียว เป็นลวดเหล็กจำนวน 1 เส้น

ขณะที่ ดร.พงษ์ศักดิ์ ถึงสุข ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และ ดร.พีรพงษ์ เกียรติศักดิ์ศรี นักวิจัยอาวุโส สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ได้ตรวจสภาพเชือกลวดเหล็กกล้า และสรุปร่องรอยการขาดไว้ ดังนี้

1.เชือกลวดเหล็กกล้า(หมายเลข 1-6,9,10) พบร่องรอยการขาดที่เกิดจากแรงดึง บางเส้นมีสนิมกัดกร่อน

2.เชือกลวดเหล็กกล้า(หมายเลข 7,8) การขาดเกิดจากแรงดึง ทุกเส้นมีสนิมกัดกร่อน

3.เชือกลวดเหล็กกล้า(หมายเลข 11) การขาดเกิดจากแรงดึง มีลักษณะตัดตรง สันนิษฐานว่า เกิดจากการตัดด้วยตัวจับยึดลวดสลิง (Clip) ที่แผงฝักบัว

โดย เชือกลวดเหล็กกล้า แบบ 6 (15+เส้นใย) สามารถรับแรงดึงสูงสุดได้เส้นละประมาณ 7 ตัน และ แบบ 6 (12+6+1) สามารถรับแรงดึงสูงสุดได้ประมาณ 14 ตัน รวมถึง ไม่สามารถยืนยันได้ว่า มีการใช้งานมาแล้วหรือไม่ เท่าใด

291258 ay200 03

291258 ay200 04

อย่างไรก็ตาม สำเนาแบบแปลนโครงการก่อสร้างสะพาน ฯ ของสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.อยุธยา กำหนดว่า ให้ใช้ลวดสลิงที่โยงระหว่างเสาสะพาน (Main Cable) เป็นลวดเหล็กกล้าชนิด 7 เส้น มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 15.2 มม. ชั้นคุณภาพ 1860 ได้ มอก.420 ประเภทความล้าต่ำ โดย มอก.420-2540 ระบุคุณสมบัติการทนแรงดึงสูงสุดได้ 259 กิโลนิวตัน (25.9 ตัน) ซึ่งสามารถทนแรงดึงได้มากกว่าเชือกลวดเหล็กกล้า อย่างเห็นได้ชัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายอนุนาท เสือสมิง บิดาเด็กหญิงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว ยืนยันต่อสำนักข่าวอิศราว่า “ช่างผู้ควบคุมงานก่อสร้างที่มีใบอนุญาตระดับภาคีวิศวกร สามารถควบคุมการสร้างสะพานได้เพียง 12 เมตรเท่านั้น และคำสั่งลงโทษของอธิบดีกรมโยธา ฯ ก็ไม่มีความถูกต้องเหมาะสมตามกฎหมาย โดย หากยังไม่มีการปรับบทลงโทษเป็นไล่ออก ก็จะดำเนินการตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญาต่อไป”(ดูรูปประกอบ)

291258 ay200 05