
"...การตัดสินใจเชิงนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้มีสองมุมมองหลัก ได้แก่ 1. ฝ่ายที่สนับสนุนการมีห้องสูบบุหรี่ – มองว่าเป็นสิทธิของผู้สูบบุหรี่ และช่วยลดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้โดยสาร 2. ฝ่ายที่คัดค้านการมีห้องสูบบุหรี่ – เห็นว่าเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และสนามบินที่ทันสมัยทั่วโลกได้ยกเลิกห้องสูบบุหรี่ไปแล้ว..."
แนวคิด Pareto Efficiency หรือ “ภาวะที่ไม่มีทางเลือกอื่นที่ทำให้ใครบางคนได้ประโยชน์โดยไม่ทำให้ใครเสียประโยชน์” เป็นแนวคิดที่สามารถใช้ในการวิเคราะห์นโยบายสาธารณะ ในการนี้สามารถนำมาใช้วิเคราะห์ ประเด็นเกี่ยวกับการจัดให้มีห้องสูบบุหรี่ในสนามบิน ว่าควรมีหรือไม่
การตัดสินใจเชิงนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้มีสองมุมมองหลัก ได้แก่
1. ฝ่ายที่สนับสนุนการมีห้องสูบบุหรี่ – มองว่าเป็นสิทธิของผู้สูบบุหรี่ และช่วยลดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้โดยสาร
2. ฝ่ายที่คัดค้านการมีห้องสูบบุหรี่ – เห็นว่าเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และสนามบินที่ทันสมัยทั่วโลกได้ยกเลิกห้องสูบบุหรี่ไปแล้ว
เมื่อพิจารณาตามหลัก Pareto Efficiency คำถามสำคัญคือ นโยบายใดจะให้ประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่ายโดยไม่สร้างภาระให้ฝ่ายใดมากเกินไป?
มุมมองของฝ่ายที่ต้องการห้องสูบบุหรี่
ฝ่ายที่สนับสนุนการมีห้องสูบบุหรี่ให้เหตุผลว่า
- เป็น สิทธิส่วนบุคคล ของผู้สูบบุหรี่ที่ใช้บริการสนามบิน
- การจัดให้มีห้องสูบบุหรี่ช่วย ลดการละเมิดกฎหมาย เช่น การสูบในห้องน้ำหรือพื้นที่ห้ามสูบ
- สนามบินเป็นสถานที่ที่ต้องรองรับผู้โดยสารจากหลายประเทศ บางประเทศยังคงมีพื้นที่สูบบุหรี่
มุมมองของฝ่ายที่คัดค้านการมีห้องสูบบุหรี่
นักวิชาการและภาคประชาสังคมที่รณรงค์เรื่องสุขภาพ เช่น ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และอดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยได้นำเสนอข้อมูลสำคัญว่า
1. ประเทศไทยได้ยกเลิกห้องสูบบุหรี่ในสนามบินมาแล้วกว่า 6 ปี
2. มีความต้องการใช้ต่ำมาก – ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีผู้ขอให้มีห้องสูบเพียง 69 คนจากผู้โดยสารกว่า 200 ล้านคน
3. สนามบินนานาชาติส่วนใหญ่ยกเลิกห้องสูบบุหรี่แล้ว – แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มระดับโลกคือการลดการสูบบุหรี่ในพื้นที่สาธารณะ
4. การป้องกันการรั่วไหลของควันเป็นไปได้ยาก – ถึงแม้จะมีระบบระบายอากาศ ควันยังสามารถแพร่กระจายได้
5. การสูบบุหรี่ภายนอกอาคารเป็นทางเลือกที่เหมาะสม – สนามบินมีการจัดพื้นที่สูบบุหรี่นอกอาคารอยู่แล้ว
6. การสร้างความไม่สะดวกในการสูบบุหรี่เป็นประโยชน์ต่อสังคม – การจำกัดพื้นที่สูบช่วยลดจำนวนผู้สูบในระยะยาว
7. การไม่มีห้องสูบบุหรี่เป็นสัญลักษณ์ของนโยบายสุขภาพ – แสดงถึงความมุ่งมั่นของสนามบินในการลดปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพ
เมื่อพิจารณาตามหลัก Pareto Efficiency แนวทางที่ให้ประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่ายโดยไม่มีผลเสียที่รุนแรงคือ การไม่มีห้องสูบบุหรี่ในสนามบิน โดยเหตุผลคือ
✅ ผู้โดยสารส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์ – ไม่มีความเสี่ยงจากควันบุหรี่ในพื้นที่ปิด
✅ ผู้สูบบุหรี่ยังคงมีทางเลือก – สามารถใช้พื้นที่สูบภายนอกอาคารได้
✅ สนามบินไม่ต้องรับภาระด้านการจัดการ – ลดภาระการบำรุงรักษาห้องสูบบุหรี่และการควบคุมคุณภาพอากาศ
✅ ลดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้โดยสารที่ละเมิดกฎหมาย – ซึ่งมีข้อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมโดยการเพิ่มค่าปรับจาก 5,000 บาทเป็น 10,000 บาท
จากการพิจารณาข้อมูลทางวิชาการและแนวโน้มสนามบินทั่วโลก การไม่มีห้องสูบบุหรี่ในสนามบินเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับหลักการ Pareto Efficiency มากที่สุด เนื่องจากเป็นแนวทางที่ให้ประโยชน์สูงสุดแก่ผู้โดยสารส่วนใหญ่ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิทธิของผู้สูบบุหรี่ที่ยังสามารถใช้พื้นที่สูบบุหรี่ภายนอกสนามบินได้ ทั้งนี้ การเพิ่มค่าปรับเป็นมาตรการที่ช่วยให้กฎหมายมีผลบังคับใช้จริง ลดโอกาสเกิดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้โดยสารที่ฝ่าฝืนกฎ
นโยบายที่ดีต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่ ในกรณีนี้ การไม่ให้มีห้องสูบบุหรี่ในสนามบินจึงสมควรเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุด
วิทยา กุลสมบูรณ์
มูลนิธิเภสัชชนบท
12 กุมภาพันธ์ 2568

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา