
ปลายปี 1997 เด็กสาวคนหนึ่งกับหุ่นยนต์สีเหลืองตัวเล็กออกเดินทางไปทิศตะวันตก ผ่านดินแดนที่มีภูมิทัศน์แปลกตาของอเมริกา ตามรายทางมีซากปรักหักพังของหุ่นยนต์โดรนทิ้งกลาดเกลื่อน รวมทั้งเครื่องเชื่อมต่อประสาทที่ทำให้คนในสังคมเสพติด ในขณะที่ทั้งสองเข้าใกล้ภาคพื้นทวีป โลกนอกหน้าต่างรถก็ดูเหมือนจะเผยให้เห็นเหตุการณ์ในอดีตที่เคยเกิดขึ้น และอารยธรรมที่กำลังจะล่มสลายในอนาคต
หนึ่งในโปรเจคใหญ่ของ Netflix ด้วยทุนสร้างกว่า 320 ล้าน หนังได้ผู้กำกับชื่อดังอย่าง Russo brothers ที่หลายๆคนรู้จักจากผลงานอย่าง Captain America: The Winter Soldier, Avengers: Infinity War และ Endgame ที่คราวนี้มาพร้อมกับนักแสดงชื่อดังอย่าง Chris Pratt จาก Passengers และ Guardians of the Galaxy พร้อมด้วย Millie Bobby Brown จาก Stranger Things

The Electric State เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากนิยาย ในชื่อเดียวกัน ว่าถึงเรื่อง ปลายปี 1997 เด็กสาวคนหนึ่งกับหุ่นยนต์สีเหลืองตัวเล็กออกเดินทางไปทิศตะวันตก ผ่านดินแดนที่มีภูมิทัศน์แปลกตาของอเมริกา ตามรายทางมีซากปรักหักพังของหุ่นยนต์โดรนทิ้งกลาดเกลื่อน รวมทั้งเครื่องเชื่อมต่อประสาทที่ทำให้คนในสังคมเสพติด ในขณะที่ทั้งสองเข้าใกล้ภาคพื้นทวีป โลกนอกหน้าต่างรถก็ดูเหมือนจะเผยให้เห็นเหตุการณ์ในอดีตที่เคยเกิดขึ้น และอารยธรรมที่กำลังจะล่มสลายในอนาคต

ถ้าจะว่ากันตามตรง The Electric State คงอยู่ในหมวดของหนังเอาไว้เปิดฆ่าเวลาพอได้ (แต่น่าเบื่อ) ที่รวมสูตรสำเร็จของหนังทำนองนี้ไว้เกือบจะทุกอย่าง หุ่นยนต์ การเดินทาง ตัวร้ายตามล่า เรียกได้ว่ามีหมดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็สอบตกทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เช่นกัน หนังใช้เวลาเพียงไม่กี่สิบนาทีเพื่อให้คนดูสามารถเข้าใจสถานการณ์ของโลกที่เกิดขึ้นได้เข้าใจง่ายๆแต่หลังจากที่เข้าเรื่องหลังกลับดูเข้าใจยาก อาจจะด้วยหลายๆอย่างที่พยายามเล่าเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก จนเกิดความรู้สึกไกลตัวเกินไปทั้งๆที่มันเป็นเรื่องง่ายๆแท้ๆ จนทำให้ถึงแม้การแสดงในเรื่องจะอยู่ในจุดที่โอเค แต่ด้วยบทที่น่าเบื่อก็ไม่อาจแบกหนังได้
ประเด็นของเรื่องนี้คงไม่พ้นเรื่องของ การวางหน้าจอแล้วไปใช้ชีวิตความเป็นจริงบ้าง ซึ่งค่อนข้างเป็นประเด็นใกล้ตัวมากในปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีเข้ามาในชีวิตเรื่อยๆ ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าถึงแม้จะมีประเด็นดีแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจทำให้ส่งถึงคนดูได้ เนื่องจากประเด็นที่ต้องการจะสื่อนั้นคาดเวลาและขาดความได้รับการเอาใจใส่เกินไปหน่อย จนกลายเป็นเพียงแค่การพูดลอยๆนตอนจบเท่านั้น

แต่หากมาพูดถึงปัญหาจริงๆของหนังที่เราพบได้อีก อาจจะเป็นเพราะในยุคที่มีการตั้งคำถามกับ AI ในหนังหรือสื่อต่างๆ The Electric State กลับเล่าเรื่องซ้ำๆเดิม จนไร้เสน่ห์อย่างน่าเหลือเชื่อ ผมกล้าพูดได้ว่าคุณจะต้องลืมหนังเรื่องนี้ไปแน่ๆซํกวันหนึ่ง เพราะแม้แต่ทาง Netflix ยังสร้างหนังเรื่องนี้มาเพื่อเป็นสื่อรองสำหรับการ "ดูหนังไปด้วยเล่นมือถือไปด้วย" เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันที่หลายๆคน เริ่มที่จะติดมือถือ จนไม่สามารถโฟกัสหนังไปได้ เป็นเกิดการสร้างหนังที่ไม่จำเป็นต้องตั้งใจดูก็สามารถรู้เรื่องได้ ถึงขนาดไปเข้าห้องน้ำกลับมายังรู้เรื่อง สุดท้ายแล้วสำหรับผมการได้ดูหนังห่วย ก็ไม่อาจแย่เท่าหนังจืดๆซักเรื่องหนึ่ง
ขอบคุณภาพจาก Netflix

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา