
"...การที่ต้องเข้าไปอยู่ในเขตบางขวางตลอดชีวิต หรือ 20 ปี นั่นแหละ ทำให้เกิดความคิดว่าต้องวางแผนชีวิตให้ถ้วนถี่ เพราะเราเป็นคนจน บำเหน็จบำนาญก็ไม่มี แต่มีคุณแม่ มีครอบครัวที่จะต้องให้ความอุปการะ ก็ต้องคิดทำมาหากิน ความรู้อย่างอื่นไม่มี นอกจากวิชาหนังสือที่ร่ำเรียนมา ก่อนอื่นจะต้องวางโครงการหาเงินให้คุณแม่มีใช้สอยประจำเดือนทุกเดือน จึงตกลงใจทำปทานุกรมอังกฤษ - ไทย ฉบับสมบูรณ์จากตัว A ถึง Z ก็คงใช้เวลานับสิบปี ระหว่างนั้น ก็จะได้เงินเป็นระยะ ทุกเดือน เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วยังได้รับส่วนแบ่งกำไรค่าขายอีก..."
เรือนจำใช้จำจอง จองจำได้เพียงเรือนกาย
เรือนใจยังพร่างพราย ใครอย่าหมายจะจองจำ
บางขวาง - ตะรุเตา ถึงเกาะเต่าชะตากรรม
เพียรสร้างและเพียรทำ ซึ่งศัพท์แสงแห่งปัญญา
เป็น “สอ เสถบุตร” เป็นมนุษย์ธรรมดา
ตำนานแห่งตำรา สองภาษาปทานุกรม
เนื่องเพราะได้เดินทางกับกลุ่มเพื่อนไปพักที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา เมื่อ 12 – 15 มีนาคม 2568 พื้นที่ซึ่งเคยเป็นคุกคุมขัง 3 บุรุษประวัติศาสตร์ นักโทษการเมืองไทยยุคเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 มี ม.จ. สิทธิพร กฤดากร เจ้าของวลีอมตะว่า “เงินทองเป็นมายา ข้าวปลาเป็นของจริง” ทรงใช้เวลาไร้อิสรภาพทำแปลงพืชผักสวนครัว พระยาศราภัยพิพัฒ พาเพื่อนอีก 4 คน แหกคุกฝ่าดงฉลามหนีไปขึ้นที่เกาะลังกาวี ส่วนสอ เสถบุตรใช้เวลา 11 ปีในคุกทั้ง 3 แห่งเขียนปทานุกรมอังกฤษไทย จาก A ถึง Z จนจบตามตั้งใจ

ระหว่างรอการพิจารณาคดี เมื่อหลวงมหาสิทธิโวหาร (สอ เสถบุตร) ถูกเรียกตัวไปสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจถามคุณหลวง ว่า
“ต้องการจะเป็นพยานหรือ จำเลย”
คำตอบ คือ “ผมไม่อยากเป็นทั้งพยานและจำเลย”
ผลก็คือ ศาลพิเศษพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต เมื่อ 5 กันยายน 2477 พร้อมๆ กันกับ ม.จ. สิทธิพร กฤดากร พระยาศราภัยพิพัฒ นายหลุย คีรีวัต และนักโทษการเมืองอื่น โดยไม่มีการอุทธรณ์ ฎีกา และไม่มีการตั้งทนายแก้ต่างแต่อย่างใด หลวงสิทธิโวหารถูกถอดยศและบรรดาศักดิ์เป็นนายสอ เสถบุตร
เมื่อ ตุลาคม 2476 พลเอก พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าบวรเดช ในนามของ “คณะกู้บ้านเมือง” นำกองทัพจากหัวเมืองยกมาประชิดพระนคร โดยเข้ายึดสนามบินดอนเมือง เพื่อกดดันรัฐบาล ของพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) ให้ลาออกแล้วถวายพระราชอำนาจคืนแก่พระมหากษัตริย์ เพื่อ “ให้ทรงพระราชทานการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันแท้จริงให้แก่ทวยราษฎร์”
ฝ่ายรัฐบาลไม่ยินยอม มีการปะทะกันหลายแห่ง ในที่สุดฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดชพ่ายแพ้ เสด็จโดยสารเครื่องบินลี้ภัยไปยังอินโดจีนของฝรั่งเศส พันเอก พระยาศรีสิทธิสงคราม (ดิ่น ท่าราบ) เสียชีวิตในที่รบที่ดงพญาไฟ คณะกู้บ้านเมืองกลายเป็น “กบฏบวรเดช”
หลวงมหาสิทธิโวหารถูกจับ ณ สำนักงานบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่จำกัด
ณ แดนหก ตึกขังเรือนจำมหันตโทษ บางขวาง เป็นกล่องคอนกรีตสองชั้นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ชั้นละ 24 ห้อง แบ่งเป็น 2 แถวๆละ 12 ห้อง ห้องมีลูกกรงไม่มีหน้าต่าง ไม่มีไฟฟ้า อาศัยแค่แสงสลัวจากโคมไฟที่อยู่สูงตามทางเดิน ห้องขังหนึ่งอยู่ได้ราว 8-12 คน สอ เสถบุตร อยู่ร่วมห้องขังเดียวกันกับ ม.ร.ว. นิมิตรมงคล นวรัตน นายเชื้อ ชมวิทย์ และหลวงสิทธยานุการ (สิทธิ แสงชูโต)
สอ เสถบุตร เล่าให้ พ. เนตรรังษี เพื่อนเก่าฟัง ว่า
“การที่ต้องเข้าไปอยู่ในเขตบางขวางตลอดชีวิต หรือ 20 ปี นั่นแหละ ทำให้เกิดความคิดว่าต้องวางแผนชีวิตให้ถ้วนถี่ เพราะเราเป็นคนจน บำเหน็จบำนาญก็ไม่มี แต่มีคุณแม่ มีครอบครัวที่จะต้องให้ความอุปการะ ก็ต้องคิดทำมาหากิน ความรู้อย่างอื่นไม่มี นอกจากวิชาหนังสือที่ร่ำเรียนมา ก่อนอื่นจะต้องวางโครงการหาเงินให้คุณแม่มีใช้สอยประจำเดือนทุกเดือน จึงตกลงใจทำปทานุกรมอังกฤษ - ไทย ฉบับสมบูรณ์จากตัว A ถึง Z ก็คงใช้เวลานับสิบปี ระหว่างนั้น ก็จะได้เงินเป็นระยะ ทุกเดือน เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วยังได้รับส่วนแบ่งกำไรค่าขายอีก...”
ความตั้งใจพิเศษของสอ คือนอกจากเขียนคำอ่านให้ใกล้เคียงกับสำเนียงเจ้าของภาษามากที่สุดแล้ว คือการยกตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษกำกับ เพื่อแสดงให้เห็นนัยของความหมายนั้นๆด้วย

เรือนจำบางขวางแดนหก
ใครที่อายุ 60 ปีขึ้นไปในเวลานี้ หากเรียนหนังสือสูงกว่าชั้นประถม 4 ซึ่งต้องเรียนภาษาอังกฤษย่อมได้อาศัยดิกชันนารี สอ เสถบุตร เป็นเหมือนตำราชีวิต เป็นเล่มที่มีหลายขนาด ถ้าเป็นนักศึกษารุ่นใหญ่ระดับอุดมศึกษา ก็จะใช้เล่มใหญ่หนา 400-500 หน้า ที่มีคำศัพท์และรูปประโยคสมบูรณ์ นักเรียนมัธยมจะใช้เล่มขนาดฝ่ามือ บางคนใช้เล่มขนาดจิ๋วเท่าขนาดกล่องไม้ขีด
ใครติดภาษาอังกฤษคำไหน ก็เปิดเล่มตามลำดับอักษร A ถึง Z ดิกชันนารีนี้จึงเป็นเหมือนคัมภีร์ นักเรียนนักศึกษาที่จะขาดเสียมิได้ นักเรียนที่ใฝ่เรียนมักขวนขวายหาซื้อมาเป็นสมบัติใกล้มือของตนเองเพื่อหยิบฉวยมาใช้เมื่อไรก็ได้
สอ เสถบุตร ไม่ได้เขียนดิกชันนารีเพียงคนเดียว เพื่อนนักโทษด้วยกันนั้นเอง เป็นทีมงานเขียน โดยร่วมกันทำแบบปิดลับ
ชวลิต ปริยานนท์ หนุ่มร่างใหญ่ มีหน้าที่จดบันทึกถ้อยคำของสอ ลงไปบนสมุด จัดหมวดหมู่ให้เป็นกลุ่มก้อนตามลำดับแห่งถ้อยคำ
เส็ง ลางคูลเสน (ขุนสินาดเสนีย์) ม.ร.ว. นิมิตรมงคล นวรัตน และผองเพื่อนอีก 4-5 คน ช่วยกันตรวจทาน คัดลอกใหม่ให้สะอาดงดงาม เป็นกองงานสร้างปทานุกรมอังกฤษไทยฉบับสำคัญของประเทศไทย
เมื่อปทานุกรม เขียนไปถึงตัว C พระยานิพนธ์พจนารถ เจ้าของร้านหนังสือกรุงเทพบรรณาคาร ซึ่งเคยร่วมรับราชการกับสอ เสถบุตร ในกรมราชเลขาธิการ รับเป็นผู้พิมพ์จำหน่าย เขาบอกกับสอ ว่า
“ผมจะแก้ตัวว่าหนังสือเล่มนี้ คุณหลวงเขียนไว้นานแล้ว คุณหลวงได้มอบต้นฉบับไว้กับผมตั้งแต่วันถูกจับ”
แล้วประกาศว่า จะพิมพ์เผยแพร่ จำหน่าย เป็นรายสัปดาห์ ให้ผู้สนใจบอกรับเป็นสมาชิกได้
ม.ร.ว. นิมิตรมงคล นวรัตน อดีตนายทหารนักบิน ผู้ร่วมทีมปทานุกรม เล่าว่า
“ประการแรก เราต้องลักลอบเอาเครื่องเขียนและตำราต่างๆ เข้ามาในเรือนจำให้เพียงพอแก่การใช้สอย
ประการที่สอง เราต้องต่อไฟฟ้าใช้ และคอยเก็บไฟฟ้าซุกซ่อนอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินเสียงพนักงานมาตรวจประจำวัน
ประการที่สาม เราต้องหาที่ซ่อนถาวรสำหรับไฟฟ้าและตำราของเรา ข้าพเจ้าต้องปีนฝาห้องขึ้นไปเจาะเพดานเป็นช่องสำหรับเก็บสิ่งของต้องห้าม
ประการที่สี่ เราต้องลักลอบเอาต้นฉบับส่งออกมาโรงพิมพ์ รวมทั้งติดต่อเกี่ยวกับการพิมพ์”

ธันวาคม 2481 หลวงพิบูลสงคราม (แปลก ขีตสังคะ) นายทหารผู้นำปราบกบฏบวรเดช ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี มีการกวาดล้างฝ่ายการเมืองตรงข้ามชุดใหญ่
ทางการมีคำสั่งให้ย้ายนักโทษการเมือง ไปยังเกาะตะรุเตา ซึ่งนักโทษก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน
งานเขียนปทานุกรมของสอ เดินทางมาถึงตัว S แล้วการขนย้ายตำราดิกชันนารีภาษาอังกฤษและหนังสือประกอบที่มีมากมาย เป็นภาระใหญ่หลวง
16 กันยายน 2482 นักโทษการเมืองแดนหก หอบข้าวของพะรุงพะรัง เดินลากโซ่ตรวนไปด้วย ไปลงเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยาไปขึ้นที่หัวลำโพง ต่อรถไฟอีกคืนกับหนึ่งวันไปลงปลายทางที่สถานีควนเนียง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา แล้วถูกจับยัดขึ้นรถบรรทุกอย่างทุลักทุเลไปสตูล ลงเรือต่อไปถึงตะรุเตาราวตีสอง
นิคมฝึกอาชีพ ทัณฑสถานตะรุเตามีนักโทษที่ทำความผิดซ้ำซากถูกกักขังอยู่แล้วราว 2,000 คน ซึ่งแยกพื้นที่ขังอยู่ต่างหากจากนักโทษการเมือง นักโทษการเมืองถูกจัดให้อยู่ตรงอ่าวอุดังทางตอนใต้ของเกาะอาดัง
นักโทษการเมือง ซึ่งหลายคนเป็นเจ้านายเชื้อพระวงศ์ ได้รับอิสระพอควร ไม่ต้องทำงานหนัก และไม่ต้องมีโซ่ตรวนพันธนาการ ถึงขั้นแต่ละคนได้รับอนุญาตให้ปลูกเรือนพักได้ของตนเอง ทัณฑสถานถือว่า น้ำทะเลเป็นกำแพง ฉลามและจระเข้ คือเวรยามที่ไม่ต้องจ่ายเงินเดือน
ม.จ. สิทธิพร กฤดากร ทรงนำทักษะเกษตรจากบางเบิด มาพลิกฟื้นผืนดินตะรุเตาเป็นแปลงเกษตร เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ และทำโรงอบขนมปังและเค้ก

เรือนจำทัณฑสถานตะรุเตา
ส่วน สอ เสถบุตร สร้างเตาอบเล็กๆ ขึ้นมาใช้อบขนมปัง และนำเอาน้ำด่างที่ได้จากขี้เถ้าผสมกับน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันปลา ผลิตสบู่ก้อนนำไปแลกข้าวสาร น้ำตาล กาแฟ และส่งไปขายถึงบนฝั่งและกระจายไปหลายหัวเมือง
เมื่อได้รับคำชักชวนจากพระยาศราภัยพิพัฒ ให้ร่วมกันแหกคุกตะรุเตาโดยลงเรือหนีไปเกาะลังกาวี สอปฏิเสธไปว่างานเขียนปทานุกรมเดินมาถึงตัว T แล้ว ถ้าถึงตัว Z ปทานุกรมไทยอังกฤษฉบับห้องสมุด Library Edition ก็จะเสร็จ และต่อไปฉบับนักเรียนนักศึกษา ก็จะเสร็จตามมา หากหนีคุกไป ก็จะเป็นการเอาเปรียบผู้บอกรับเป็นสมาชิกที่จ่ายเงินล่วงหน้าไปแล้ว
ส่วน ม.จ. สิทธิพร กฤดากร ปฏิเสธการชักชวนหนีโดยทรงอ้างว่าพระชันษามากแล้ว (60 ปี) อาจสร้างความลำบากให้คนอื่น
สอ ปรึกษาแม่ด้วยว่าถูกชวนหนีคุก แม่ตอบว่า “อย่าไป” สอจึงเดินหน้าทำต้นฉบับต่อไปจนเสร็จสิ้น ส่งให้สมาชิกและวางตลาดได้ในเดือนมิถุนายน 2483
8 ธันวาคม 2484 เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม เปิดทางให้ทหารญี่ปุ่นเคลื่อนทัพผ่านประเทศไทยไปพม่าและลงแหลมมลายูได้ กองทัพญี่ปุ่นรุกไล่กองทัพอังกฤษ ซึ่งเป็นฝ่ายสัมพันธมิตร ถอยร่นออกไป
เสียงปืนเสียงระเบิดดังสนั่น การเดินเรือจากสตูลไปตะรุเตา หยุดชะงักส่งข้าวของไม่ได้ นักโทษการเมืองที่เหลือ 55 คน ถูกตีตรวนจับลงเรือ แล่นไปอยู่ยังเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีสภาพขาดแคลนอาหาร และยากลำบากอย่างสาหัส กรมราชทัณฑ์ สั่งนักโทษการเมืองทำงานหนัก สอ มีหน้าที่เป็นกำลังในการตัดฟืนเป็นเชื้อเพลิง แทนน้ำมันที่ขนส่งจากฝั่งไปไม่ได้
ดร.โชติ คุ้มพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์จากเยอรมัน นักโทษรุ่นหลังถูกเนรเทศไปเกาะเต่าให้สัมภาษณ์ ว่า
“พวกนักโทษทุกคนป่วยไม่ได้ ต้องทำงานทุกวันจนกว่าจะลุกไม่ไหว พวกทำถนนขุดลงไปเจอแต่หิน พวกตัดต้นไม้ต้องฝ่าหนามเข้าไป...... ผมว่าถ้าเป็นสัตว์ มันก็ตายเสียนานแล้ว นี่เราเป็นคน ความอดทนและความหวัง มันยังพอพยุงใจได้บ้าง”
และแล้ววันหนึ่ง พัสดีแจ้งข่าวใหญ่ ว่า รัฐบาล ป. พิบูลสงคราม ลาออกแล้ว มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มีการตราพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษนักการเมือง
21 ตุลาคม 2487 รถไฟสายใต้เข้าเทียบชานชลาสถานีบางกอกน้อย พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ของนักโทษส่งเสียงดัง เซ็งแซ่ ต้อนรับ โอบกอดอดีตนักโทษการเมือง แต่ละคนซึ่งอยู่ในสภาพซอมซ่อผอมโซน่าสังเวช
11 ปีแห่งชะตากรรมอันลำเค็ญ เป็นบันทึกประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของสังคมไทย
การเขียนปทานุกรมขนาดมหึมา ซึ่งต้อง ค้นคว้า เรียบเรียง จัดลำดับ กว่าจะได้แต่ละคำ ซึ่งมีทั้งคำนาม คำกริยา คำคุณศัพท์ ล้วนแล้วแต่ต้องใช้ความพากเพียร และพิถีพิถัน ด้วยความยากลำบาก ท่ามกลางสภาพลำเค็ญ ที่ขาดแคลนอุปกรณ์ และถูกจำกัดอิสรภาพด้วยเช่นนี้ปทานุกรมอังกฤษไทย ฉบับ สอ เสถบุตร จึงเกิดขึ้นท่ามกลางความยากเข็ญที่มนุษย์คนใดสามารถจะทำได้
ข้อสำคัญ ผลงานปทานุกรมที่เป็นบรรณาการยิ่งใหญ่ทางการศึกษาที่ โรงเรียน มหาวิทยาลัย สถานศึกษาทุกระดับ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนไทย ต่างต้อนรับนับถือในความถูกต้องแม่นยำ ที่ยากจะมีใครโต้แย้งได้
แต่ สอ เสถบุตร ได้ฝากฝีมือไว้แล้ว อย่างน่าอัศจรรย์
บทความโดย :
ประสาร มฤคพิทักษ์

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา