
หลังจากที่เมลานี่ พี่สาวของโคลเวอร์หายตัวไปอย่างลึกลับ เธอและเพื่อนจึงตัดสินใจเดินทางไปยังสถานที่ท่ามกลางหุบเขาที่ห่างไกลเพื่อตามหาคำตอบ แต่แล้วโชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อพวกเขาถูกฆาตกรแต่เรื่องราวยังไม่จบลงเพียงแค่นั้น เพราะทุกครั้งที่พวกเขาตาย พวกเขาก็จะย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้นของค่ำคืนนั้นอีกครั้ง วิธีเดียวที่จะหยุดยั้งฝันร้ายนี้ได้ คือการเอาชีวิตรอดก่อนย่ำรุ่ง.....
Until dawn มีต้นฉบับมาจากเกมของค่าย Supermassive Games จำหน่ายโดย Sony Computer Entertainment. เป็นเกมสไตล์ interactive drama survival horror game ที่เหมือนกันเป็นการดูหนังแล้วเลือกคำตอบเพื่อให้ตัวละครเอาตัวรอดจากสถานการณ์ภายในเรื่อง จุดเด่นที่ทำให้เกมนี้กลายเป็นเกมชื่อดัง มาจากปัจจัยของการที่การเลือกคำตอบของผู้เล่นนั้นอาจส่งผลถึงชีวิตของตัวละครผู้รอดชีวิตเหล่านั้นได้เลย (ถึงแม้ว่าเอาเข้าจริงแล้วจะมีแค่ไม่กี่อย่างที่ทำให้เราตายได้) แต่ดูเหมือนว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาSony เริ่มมาตีตลาดด้วยการเอาตัวละครจากเกมของตัวเองมาทำเป็นหนังหรือซีรี่ส์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Uncharted, The Last of Us และล่าสุดอย่าง Until dawn

หลังจากที่เมลานี่ พี่สาวของโคลเวอร์หายตัวไปอย่างลึกลับ เธอและเพื่อนจึงตัดสินใจเดินทางไปยังสถานที่ท่ามกลางหุบเขาที่ห่างไกลเพื่อตามหาคำตอบ แต่แล้วโชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อพวกเขาถูกฆาตกรหน้ากากตามล่าและสังหารอย่างโหดเหี้ยม ทีละคน... แต่เรื่องราวยังไม่จบลงเพียงแค่นั้น เพราะทุกครั้งที่พวกเขาตาย พวกเขาก็จะย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้นของค่ำคืนนั้นอีกครั้ง ถูกบังคับให้วนเวียนกลับมาเผชิญหน้ากับคืนอันโหดร้ายซ้าแล้วซ้ำเล่า เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่กลับมาฆาตกรจะตามล่า หาทางฆ่าพวกเขาโดยใช้วิธีที่ทวีความรุนแรงและโหดเหี้ยมขึ้นเรื่อย ๆ ความหวังริบหรี่ลงเมื่อพวกเขารู้ว่าโอกาสรอดชีวิตเหลือเพียงน้อยนิด วิธีเดียวที่จะหยุดยั้งฝันร้ายนี้ได้ คือการเอาชีวิตรอดก่อนย่ำรุ่ง.....

ว่ากันตามตรงตั้งแต่ดูตัวอย่างมา ผมในฐานะคนที่เล่นเกมนี้จนเก็บถ้วยได้ 100% ก็คงจะบอกว่านี่ไม่เหมือนกับ Until dawn ที่ผมรู้จักเท่าไหร่ เพราะเอาจริงๆแล้ว ผมคิดตั้งแต่แรกแล้วว่า Until dawn หากได้ทำเป็นหนังแล้วทำมาตรงๆยังไงก็คงไม่เวิร์ค เพราะเกมถูกสร้างมาเพื่อเป็นประสบการณ์ของผู้เล่นไม่ใช่ประสบการณ์ในการดู จึงเข้าใจได้ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลง วิธีการเล่าจากเอาตัวรอดเค้าคืนหายนะ เปลี่ยนเป็น คืนหายนะวนลูป ซึ่งในช่วงแรกก็ถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย สำหรับการเปลี่ยนเรื่องราวในการเล่าใหม่ แต่กลายเป็นว่าหนังเรื่องนี้ตกม้าตายจากการ หนังพยายามจะวนอยู่กับฉากสยองขวัญเยอะเกินจนทำให้เรื่องนาวที่ผ่านมากว่า 1 ชั่วโมง ไม่ได้คืบหน้าอะไรนอกจากตายไปเรื่อยๆ ทำให้จากแรกๆสนุกดีกลับกลายเป็นเรื่องเริ่มจะน่าเบื่อขึ้น แถมด้วยการเขียนเรื่องราวให้ตัวละครออกไปทางน่ารำคาญ มากกว่าน่าเอาใจช่วย จนมาถึงจนที่ทำให้คนดูรู้สึกเริ่มรู้สึกไม่ได้แคร์อะไรตัวละครแล้ว

ในพาร์ทของความสยองขวัญเองก็เรียกได้ว่าเหมือนจะมีปัญหาพอสมควร เพราะองค์ประกอบส่วนใหญ่ของเรื่อถูกเล่าด้วยความน่ากลัวแบบ Jump Scare แบบเดิมๆที่ใช้กันมานานจดจำจังหวะได้หมดแล้ว ตามสไตล์ของ David F. Sandberg ผู้กำกับเรื่อง Lights Out ซึ่งเป็นเพียงแค่ความกลัวแบบ ฉาบฉวย ไร้ศิลปะในการเล่าเรื่อง มันเลยเป็นได้แค่หนังที่ทำให้คนดูตกใจ แต่ไม่ได้มีความน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างในแง่มุมของความสยอง ถูกทำออกมาแบบหนังสยองขวัญสูตรสำเร็จที่เราดูกันมาเป็น 10-20 ปีมาแล้ว จึงทำให้ Until dawn ไม่สามารถหาจุดเด่นของตัวเองได้นอกจากเอาองค์ประกอบของเกมมาใช้เท่านั้นเอง

ซึ่งที่น่าเสียดายที่สุดในเรื่องเห็นว่าคงเป็นเรื่องของ Key Message ของเรื่่องที่พยายามพูดถึง การที่ตายได้ครั้งเดียวนั้นมันทำให้ชีวิตของเรานั้นมีความหมาย แต่หนังกลับไม่ได้สานต่อสารที่พยายามจะเล่าเท่าไหร่ ทำให้ในช่วงท้ายของเรื่องกลับถูกทิ้งไปแบบดื้นๆโดยไม่ได้รับการสานต่ออย่างน่าเสียดาย
สุดท้ายแล้ว แม้ว่า Until dawn จะเป็นหนังที่พอดูฆ่าเวลาได้บ้าง ก็ยังคงกลายเป็นหนังที่ติดคำสาปจากเกม ที่ทำออกมาแต่ละเรื่องก็ออกมาไม่ค่อยดีนัก และผมเชื่อว่าอีกไม่กี่ปีคนคงจะค่อยๆลืมการมีอยู่อยู่ของหนังเรื่องนี้ไปในที่สุด
ภาพจาก : PlayStation Productions

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา