
"...อีกมุมจากภายในเพนตากอน อย่างไรก็ตาม เพียงวันเดียวหลังแถลงชัย เอกสารลับจากหน่วยข่าวกรองของกระทรวงกลาโหมรั่วสู่ CNN ระบุว่า: “ภารกิจไม่ประสบความสำเร็จตามเป้า อิหร่านยังคงสามารถพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ต่อไปได้ แม้จะสูญเสียอุปกรณ์บางส่วน” ฝ่ายสหรัฐฯ ปฏิเสธข่าวนี้อย่างรุนแรงว่าเป็น “ข่าวปลอม” แต่ผมขอวิเคราะห์อย่างเป็นกลางว่า ฝ่ายใดน่าเชื่อถือกว่ากัน..."
ช่วงนี้ใครติดตามข่าวระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน คงได้ยินคำอ้างจากทั้งสองฝ่ายว่าตนเป็นฝ่ายชนะสงคราม ผมกลับมองว่า ไม่มีใครชนะ ต่างฝ่ายต่างเจ็บ และใครจะเจ็บหนักกว่ากันยังต้องรอดู เพราะตอนนี้ยังอยู่ในช่วงที่เรียกว่า “Fog of War” — ความจริงยังพร่าเลือนจากทั้งการปิดข่าวและการโฆษณาชวนเชื่อ
แต่จากหลักฐานเชิงประจักษ์ที่มีอยู่ และจากความรู้ในแวดวงเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ผมขอลองประเมินว่า การโจมตีศูนย์นิวเคลียร์ของอิหร่านสำเร็จตามเป้าหมายจริงหรือไม่
จุดประสงค์ของสงคราม
เป้าหมายของอิสราเอลในการโจมตีครั้งนี้มี 2 ประเด็นหลัก:
1. ทำลายโครงสร้างและความสามารถในการพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ของอิหร่าน
2. ล้มล้างระบอบการปกครองของอิหร่าน เพื่อเปลี่ยนรัฐบาลให้เป็นมิตรกับอิสราเอล
สหรัฐฯ มีเป้าหมายข้อแรกเท่านั้น ส่วนข้อสองไม่ได้เป็นวาระหลัก
สำหรับข้อ 2: ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
รัฐบาลอิหร่านยังอยู่ และดูเหมือนจะได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนมากขึ้น จากกระแสรักชาติ
การประเมินเป้าหมายข้อ 1: ศูนย์นิวเคลียร์เสียหายโดยสิ้นเชิงจริงหรือ?
อิหร่านมีศูนย์นิวเคลียร์หลัก 3 แห่ง:
1. อิสฟาฮาน – เป็นศูนย์ทดลองบนพื้นดิน ถูกโจมตีตั้งแต่วันแรกและถูกถล่มซ้ำอีก น่าจะเสียหายเกือบทั้งหมด
2. นาธานซ์ – อยู่ใต้ดินลึกประมาณ 40 เมตร ถูกทิ้งระเบิดด้วย GBU-57 ที่สามารถเจาะได้ลึกถึง 60 เมตร หากพิกัดถูกต้อง น่าจะได้รับความเสียหายรุนแรง
3. โฟร์โด (Fordow) – ตั้งอยู่ใต้ภูเขาลึกถึง 90 เมตร สหรัฐฯ อ้างว่าใช้ระเบิด 12 ลูก เจาะลึกได้ทะลุถึงระดับดังกล่าว โดยอ้างว่าทำลายสิ้นซาก
อดีต ปธน.ทรัมป์ และเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมแถลงว่า “ภารกิจประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์” และคาดว่าอิหร่านจะไม่สามารถกลับมาพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ได้อีกอย่างน้อยในรอบสิบปี
อีกมุมจากภายในเพนตากอน
อย่างไรก็ตาม เพียงวันเดียวหลังแถลงชัย เอกสารลับจากหน่วยข่าวกรองของกระทรวงกลาโหมรั่วสู่ CNN ระบุว่า:
“ภารกิจไม่ประสบความสำเร็จตามเป้า อิหร่านยังคงสามารถพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ต่อไปได้ แม้จะสูญเสียอุปกรณ์บางส่วน”
ฝ่ายสหรัฐฯ ปฏิเสธข่าวนี้อย่างรุนแรงว่าเป็น “ข่าวปลอม” แต่ผมขอวิเคราะห์อย่างเป็นกลางว่า ฝ่ายใดน่าเชื่อถือกว่ากัน
หลักฐานจากภาพถ่ายดาวเทียม
อิหร่านแถลงว่าอุปกรณ์สำคัญถูกเคลื่อนย้ายออกไปก่อนแล้ว ภาพถ่ายดาวเทียมของ Maxar ก็แสดงให้เห็นว่ามีรถบรรทุกอย่างน้อย 16 คัน จอดเรียงอยู่หน้าศูนย์โฟร์โด ก่อนถูกทิ้งระเบิด
แล้วอะไรคือหัวใจของกระบวนการเสริมสมรรถนะนิวเคลียร์ ?
การพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์อาศัย ยูเรเนียม-235 (U-235) ที่เข้มข้นอย่างน้อย 90%
- จุดยากที่สุดคือการแยก U-235 ออกจาก U-238 ซึ่งตามธรรมชาติมี U-235 แค่ 0.7%
- การแยกจาก 0.7% → 60% ใช้เวลานานและเครื่องแยกไอโซโทปจำนวนมาก
- แต่จาก 60% → 90% เป็นขั้นตอนที่ใช้เวลาที่สั้นกว่า และใช้จำนวนเครื่องแยกและทรัพยากรน้อยกว่ามาก (คิดเป็นแค่ 10% ของงานทั้งหมด)
ถ้าอิหร่านสามารถขน ยูเรเนียมที่ enrich แล้วถึง 60% ออกมาได้ก่อนถูกโจมตี นั่นหมายความว่า ยังมีศักยภาพกลับมาสร้างระเบิดได้ในเวลาไม่นาน
ตามข้อมูลของ IAEA ศูนย์โฟร์โดมี U-235 เข้มข้น 60% อยู่ประมาณ 400 กิโลกรัม ซึ่งเพียงพอที่จะสร้างระเบิดนิวเคลียร์ขนาดเล็กได้หลายลูก
ดังนั้น ผมเห็นว่า คำแถลงจากเพนตากอนที่รั่วออกมาน่าเชื่อถือกว่าการโฆษณาชัยชนะของรัฐบาลสหรัฐฯ เพราะอิหร่านยังคงมีวัตถุดิบหลักที่สำคัญที่สุด
อิสราเอล-อเมริกา:
- ยังไม่สามารถอ้างชัยชนะเด็ดขาด
- โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน “อาจบาดเจ็บ แต่ยังไม่ตาย”
อิหร่าน:
- ยังคงมีความสามารถฟื้นฟูและเดินหน้าต่อ
แล้วฝ่ายยิวเสียหายหรือไม่?
แม้จะไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลอิสราเอล แต่สื่อสายโปรอิหร่านรายงานว่า:
- ค่ายทหารอิสราเอลถูกโจมตีโดยจรวด มีผู้เสียชีวิตกว่า 500 นาย
- ประชาชนกว่า 5,000 ครอบครัวเสียที่อยู่อาศัย
- ระบบต่อต้านจรวดของอิสราเอลใกล้หมดสต๊อก และมีปัญหาผลิตทดแทนเพราะขาดแร่ rare earth ซึ่งจีนเป็นผู้ผลิตหลัก
บทสรุปสุดท้าย
สงครามนี้ ใครจะ “เจ็บ” มากกว่ากัน ยังต้องติดตาม
การเจรจาในอนาคตระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านจะเป็นดัชนีชี้วัด — หากฝ่ายใด “ถอย” มากกว่า นั่นแปลว่าฝ่ายนั้นอาจกำลังเสียเปรียบอย่างแท้จริง
บทความโดย :
รศ.ดร. จำนง สรพิพัฒน์
อดีตประธานวิชาสายเทคโนโลยีพลังงาน บัณฑิตวิทยาลัยร่วมฯ (JGSEE) มจธ.
26 มิถุนายน 2568

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา