
"...การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนแต่ละครั้งไม่เพียงนำความโศกเศร้าแก่ครอบครัวและคนใกล้ชิด แต่ยังเป็นการสูญเสียทรัพยากรบุคคลของประเทศ ทั้งในด้านการศึกษา เศรษฐกิจ และศักยภาพในอนาคต ขณะเดียวกัน ผู้บาดเจ็บจำนวนไม่น้อยยังต้องเผชิญภาระทางสุขภาพและค่าใช้จ่ายต่อเนื่องตลอดชีวิต..."
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 เกิดเหตุรถ 6 ล้อรับส่งนักศึกษาของมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตศรีสะเกษ เฉี่ยวชนกับรถบรรทุกน้ำมันที่แยกป่าสัก ตำบลนิคมพัฒนา อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ขณะนั้นนักศึกษากำลังเดินทางไปร่วมการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยฯ ครั้งที่ 48 (“พลศึกษาเกมส์”) ที่วิทยาเขตสุโขทัย
เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ได้แก่ นักศึกษาตะกร้อ อายุ 19 ปี ที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และพนักงานขับรถมหาวิทยาลัย อายุ 59 ปี ที่เสียชีวิตภายหลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลบางระกำ นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บประมาณ 5–10 ราย ทั้งนักศึกษาและเจ้าหน้าที่ที่ต้องเข้ารับการรักษา
การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนแต่ละครั้งไม่เพียงนำความโศกเศร้าแก่ครอบครัวและคนใกล้ชิด แต่ยังเป็นการสูญเสียทรัพยากรบุคคลของประเทศ ทั้งในด้านการศึกษา เศรษฐกิจ และศักยภาพในอนาคต ขณะเดียวกัน ผู้บาดเจ็บจำนวนไม่น้อยยังต้องเผชิญภาระทางสุขภาพและค่าใช้จ่ายต่อเนื่องตลอดชีวิต
เหตุการณ์ครั้งนี้จึงควรเป็นสัญญาณเตือนสำคัญให้สังคมและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนตระหนักและลงมือแก้ไข “จุดเจ็บ” (Pain Point) ของความปลอดภัยบนท้องถนน ทั้งในด้านการบังคับใช้กฎหมาย การพัฒนาเทคโนโลยีวิศวกรรม การสร้างความตื่นตัวทางสังคม มาตรการที่มุ่งเป้า ตลอดจนการปรับปรุงถนน ภูมิทัศน์ และระบบขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายคนหมู่มากที่ต้องได้รับความคุ้มครองด้วยมาตรการที่เข้มแข็งและมีการสนับสนุนอย่างจริงจังจากทุกองค์กรในพื้นที่
( ดูบทความ เฮลซิงกิ : ถนนปลอดภัย ไร้เสียชีวิต สำนักข่าวอิสรา วันพุธ ที่ 06 สิงหาคม 2568 )
แม้จะยังคงมีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้น แต่ในภาพรวม ประเทศไทยได้ก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญในด้านการลดอัตราการเสียชีวิตบนท้องถนน จากปี 2556 ที่ประเทศไทยอยู่อันดับ 3 ของโลกด้วยอัตราเสียชีวิต 38.1 ต่อแสนประชากร ลดลงมาอยู่อันดับ 2 ในปี 2558 (36.2 ต่อแสน) อันดับ 9 ในปี 2561 (32.7 ต่อแสน) และขยับมาอยู่อันดับ 18 ของโลกในปี 2564 (25.9 ต่อแสน) แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 26.6 ต่อแสนในปี 2565 แต่ก็ยังสะท้อนถึงแนวโน้มการพัฒนาที่ดีขึ้น

ช่วงปี 2554–2563 มีการประกาศให้เป็น “ทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน” ของประเทศไทย โดยสามารถลดอัตราการเสียชีวิตลงได้ถึงร้อยละ 19 และในปี 2564 เป็นต้นมา ตัวเลขค่อนข้างคงที่
ประเทศไทยยังมีเป้าหมายที่ท้าทาย คือ ลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้เหลือ 12 ต่อแสนประชากรในปี 2569 เหลือ 8 ต่อแสนในปี 2574 และเหลือเพียง 5 ต่อแสนในปี 2579 เป้าหมายเหล่านี้จะสำเร็จได้ ต้องอาศัยทั้งมาตรการเข้มแข็ง การทำงานเชิงระบบ และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
ความสูญเสียแต่ละครั้งควรถูกนำมาสร้างความตื่นตัวและแรงผลักดันให้สังคมเดินหน้าสู่การเปลี่ยนแปลง ขณะเดียวกัน ความสำเร็จในการลดอัตราการเสียชีวิตในรอบทศวรรษที่ผ่านมาคือสิ่งที่คนไทยควรภาคภูมิใจ และใช้เป็นแรงบันดาลใจให้มุ่งมั่นร่วมกันสร้างความปลอดภัยทางถนนให้ดียิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้ประเทศไทยต้องติดอันดับต้นๆของโลกในสถิติการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนอีกต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา