
"...ทั้งหมดนี้เป็นคำแก้ตัวให้แก่การไม่ต้องลุกไปออกกำลังกาย คนที่คิดเช่นนี้ เพราะดูเบาการเดินว่าไม่สำคัญ ความจริงคือ ถ้าเราให้ความสำคัญกับอะไร เราจะมีเวลาให้สิ่งนั้นเสมอ..."

เปิดเฟสบุ๊คย้อนหลัง บันทึกไว้เมื่อ 15 มิย. 65 จั่วหัวว่า “สุนทรียะแห่งการนัดหมาย” ขอเอาหนังเก่ามาฉายใหม่โดยปรุงแต่งเพิ่มเติมเล็กน้อย
“วานนี้ มีการนัดหมายที่
- ไม่ต้องไลน์หรือโทรศัพท์นัดล่วงหน้า
- ไม่ต้องจ่ายตังค์
- ไม่ต้องเสียเวลารออีกฝ่ายหนึ่ง
- ไม่ต้องใช้เวลานานเกินไป
- ไม่ต้องเดินทางไกล
- ไม่ต้องเกรงว่า คนที่อยู่บ้านเดียวกันจะเขม่น ว่าไปนัดกับใครไว้
- ไม่ต้องเกรงว่า จะมีใครเห็นหรือไม่
- ไม่ต้องใช้คำพูดเอาอกเอาใจอีกฝ่าย
- ไม่ต้องห่วงว่าอีกฝ่ายจะผิดหวังในการพบกัน
- ไม่ต้องมีข้อแก้ตัว
- ไม่ต้องห่วงเรื่องเวลา จะนัดกันตอนไหน จะยาวนานแค่ไหน ก็ไม่เป็นไร
- ต้องไปเอง จะให้ใครอื่นไปแทนก็ไม่ได้
- เป็นการนัดข้างเดียว ที่อีกข้างปฏิเสธไม่ได้ แต่มีค่ามหาศาล
- หลีกห่างไปจากการเสี่ยงภัยโควิด
ตามรายทางของการนัดหมาย
- มีแมกไม้อันร่มรื่น
- มีลมแผ่วผ่านอันชื่นเย็น
- มีฟากฟ้าและหมู่เมฆอันไกลโพ้นให้เยี่ยมยล
- มีเสียงนกร้องยามโผผินออกจากรังประหนึ่งเสียงทิพย์แห่งอรุโณทัย
เป็นการนัดหมายกับถนน กับทางเดินในยามเช้า
ใกล้กับที่พัก ไชยนารายณ์ ริเวอร์ไซด์ มณทลทหารบก
ที่ 37 จ.เชียงราย เมื่อ 13 มิ.ย.65/6.00 น.
เดินรอบทางเดินที่โอบล้อมศาลากลางจังหวัดเชียงราย
ซึ่งเป็นอาคารคลาสสิคสถาปัตยกรรมแบบล้านนา ไปเดินต่อที่
ทางเดินริมน้ำกกได้ระยะทางรวมราว 6.5 กม.
วานนี้นัดหมายกับ”ถนน”วันนี้นัดหมายกับ “สระว่ายน้ำ”
ที่บ้านเพื่อน เขาใหญ่
ก่อนหน้านี้ นัดหมายมาแล้วนับหมื่นครั้ง นัดหมายทุกครั้ง
พบกันทุกหน ได้รับเมตตาธรรมจากคู่นัดหมาย
ที่ให้กำลังกับแขนขา ให้กำลังแรงกับทุกอณูทั่วร่างกาย
ไม่มีวันไหนที่ทำให้ผิดหวัง
ไม่มีแม้สักครั้งที่ทำให้อ่อนล้าราแรง
34 ปีแล้วที่นัดหมายกันเกือบทุกวัน
สถานที่นัดหมายอาจเปลี่ยนไป แต่คู่นัดหมายไม่เปลี่ยน”

นับจากวันนั้นถึงวันนี้ ล่วงมาอีก 3 ปีเศษ อีกเพียง 2 ปี ก็จะอายุเข้าหลัก 8 ยังรู้สึกพอใจตนเองในการดูแลสุขภาพ ยังเดินเหินคล่องแคล่ว ขับรถเองได้ ลุกนั่งไม่โอดโอย เดินไปโดยสารรถไฟฟ้า BTS ขึ้นลงสถานีรอบละ 100 ขั้นบันได ได้ปกติ ใส่กางเกงในท่ายืนได้สบายๆ
ราว 10 ปีก่อน ลูกชายซื้อประกันสุขภาพให้ 2 ครั้งต่อกันเป็น 2 ปี เขาเห็นพ่อไม่เคยใช้บริการ เลยเลิกซื้อประกันให้ โดยหันมาดูแลพ่อในรูปแบบอื่น
ในที่นี้เป็นอานิสงส์ของการเดิน เดิน เดิน นับจากปี 2531 มาถึงบัดนี้ เดินได้ราววันละ 10,000 ก้าว หากเทียบระยะ แม่สาย-เบตง ไปกลับกี่รอบแล้วก็ไม่รู้
แรกตอนเริ่มเดินนั้น แรงจูงใจมาจากน้ำหนักมากเกินไป 37 ปีที่แล้วมีน้ำหนักตัวถึง 68 กก. ทั้งๆ ที่มีส่วนสูง 162 ซม. นับว่าน้ำหนักเกินไปราว 6 กก. จึงออกเดินคู่ขนานไปกับการลดอาหารจากเดิมลงไปราวครึ่งหนึ่ง เน้นปลากับผักมื้อเย็นมักจะกินผลไม้เป็นหลัก
มาเรียนรู้เอาภายหลังว่า ร่างกายท่อนล่าง ตั้งแต่บั้นเอวลงไปนั้น ขาทั้งสองข้างแบกรับน้ำหนักตัวทั้งหมดไว้ทุกวันตลอดชีวิต เว้นแต่เวลานั่งและนอน ที่ร่างกายเฉลี่ยน้ำหนักไปตามกิริยาอาการ ขาสองข้างจึงเปรียบเหมือนเสาเข็มที่แบกน้ำหนักอาคารหรือบ้านไว้ทั้งหลัง
วารสาร Prevention ของสหรัฐ สรุปว่า กล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของการมีอายุยืนยาว
มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน แห่งเดนมาร์ก ค้นพบว่า คนหนุ่มหรือคนชรา หากไม่เคลื่อนไหวร่างกายราว 2 สัปดาห์ จะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงลงไปราว 1 ใน 3 ซึ่งการฟื้นตัวจะใช้เวลานานมากๆ
ควรรับรู้ว่า
- 50 % ของกระดูก และ 50% ของกล้ามเนื้ออยู่ที่ขาทั้งสองข้าง
- กระดูกและกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง ข้อต่อที่ยืดหยุ่นได้ดี เป็นเหมือน “สามเหลี่ยมเหล็ก” ที่รองรับน้ำหนักของร่างกายทั้งหมด
- เท้าทั้งสองเป็นระบบไหลเวียนเลือดใหญ่ที่สุด ที่เชื่อมโยงร่างกายเข้าไว้ด้วยกัน
- เท้าทั้งสองที่แข็งแรงทำให้เลือดไหลเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ ผนวกกับกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง ทำให้หัวใจแข็งแรง
นี่คือเหตุผลที่ทำให้การเดินเป็นวิธีที่มีอานุภาพในการดำรงอยู่ของร่างกายและรักษาชีวิต ชีวาของร่างกายของเราไว้
แต่ทั้งๆ ที่รู้ และสามารถเข้าใจได้ไม่ยาก คนจำนวนหนึ่งกลับละเลยไปอย่างน่าเสียดาย
“ไม่มีเวลา” “ไม่มีอุปกรณ์” “ไม่มีสถานที่เดิน” “เอาไว้วันหลังก็ได้” “ยังหนุ่มยังสาวอยู่ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกาย” “เอาไว้อายุมากก่อนค่อยเดิน” “เดี๋ยวถูกรถชนตายบนถนน”
ทั้งหมดนี้เป็นคำแก้ตัวให้แก่การไม่ต้องลุกไปออกกำลังกาย คนที่คิดเช่นนี้ เพราะดูเบาการเดินว่าไม่สำคัญ ความจริงคือ ถ้าเราให้ความสำคัญกับอะไร เราจะมีเวลาให้สิ่งนั้นเสมอ
ผู้เขียนเป็นคนรักการเดินเป็นชีวิตจิตใจ ในการเดินจะถือหลัก มุ่งมั่นแต่เรียบง่าย
มุ่งมั่นคือ ทำอย่างตั้งใจ เต็มใจ ไม่เครียด ไม่ยอมผ่อนปรน และไม่ลดราวาศอก
เรียบง่ายคือ เอาความสะดวกและเรียบง่ายเป็นหลัก
รองเท้าผ้าใบมีไว้ใช้ประจำ แต่ถ้าวันไหนต้องใส่รองเท้าหนังไปงาน ก็ช่วงชิงเดินออกกำลังด้วยรองเท้าหนัง กางเกงขายาว เสื้อแขนยาวก็ไม่เป็นปัญหาอะไร
แทนการขับรถไปที่นั่นที่นี่ ก็ช่วงชิงขึ้นรถไฟฟ้าแทน เดินขึ้นลงและเดินบนทางยาวของสถานีรถไฟฟ้าก็ได้ระยะทางราว 2 กม. แล้ว
ไปงานศพ ถึงที่หมายก่อนเวลาเพื่อหลีกเวลารถติด ช่วงชิงไปเดิน ในวัดนั้นมีเขตสังฆวาสที่เดินได้สบาย ทางวัดไม่มีข้อห้ามใดๆ
ถ้าฝนตก ก็เดินวนอยู่ในห้องในบ้าน
เท่ากับทำให้ การเดินออกกำลังกายเป็นกิจกรรมที่อยู่ในเนื้อในตัวของชีวิตประจำวัน เพราะไม่ไปสร้างเงื่อนไขอะไรขวางกั้นไว้
ในวันนี้ มีการท้าทายใหม่เกิดขึ้นในการเดินที่ควรแก่การพิสูจน์

คลิพของโทรทัศน์ NHK ของญี่ปุ่น ถ่ายทอดผลการค้นคว้าใหม่ ที่ชี้ว่าการเดินเร็วสลับเดินช้าช่วงละ 3 นาที อย่างต่อเนื่อง 5 รอบคือ 30 นาที ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดียิ่งกว่าการเดินแบบธรรมดา 10,000 ก้าว ซึ่งเป็นที่นิยมกันอยู่
เดิมเราเรียนรู้ว่าการออกกำลังกายอย่างแรง เร็ว และต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 30 นาที ที่เรียกว่า แอโรบิคเป็นสิ่งวิเศษ
แล้วทำไมการค้นพบใหม่เรียกว่า Interwal Walking Training (IWT) จึงส่งผลต่อร่างกายดีกว่า
Chat GPT ให้คำตอบว่า
“โปรแกรม IWT ให้เดินเร็วสลับเดินช้า ทำให้สามารถ ‘พัก’ ระหว่างช่วงสปีดตัวเองได้ ทำให้ทำต่อเนื่องได้มากขึ้น
ช่วงเดินเร็วจะมี ‘แรงกระตุ้น’ (Stimulus) มากขึ้น ขณะที่ช่วงเดินช้า จะช่วยฟื้นฟู (Recovery)
คือในช่วงที่ ‘เร็วและแรงพอ’ เป็นการกระตุ้นสู่การปรับตัวทางร่างกาย เป็นการเน้น ‘คุณภาพ’ ของเวลาเดิน มากกว่า ‘ปริมาณ’ เดิน
ดังนั้นคุณภาพของช่วง ‘เดินเร็ว’ แบบ IWT มีผลมากเพราะเป็นช่วงที่มี ‘ความเข้มข้นสูง’ ต่างจากการเดินแบบแอโรบิค ซึ่งมีความเข้มข้นระดับปานกลางตลอดเวลา”

นี่เป็นคำแนะนำที่ปฏิบัติได้ง่ายๆ ผู้เขียนจึงเดินทดสอบมานับได้ 9 ครั้ง ถึงวันนี้ รู้สึกได้และยอมรับว่า ขาทั้งสองมีแรงกำลังดีขึ้น แต่ยังจะขอใช้เวลาทดสอบต่อไป
มีแขนไว้แกว่งไกว และมีขาไว้ก้าวเดิน
มีตาไว้เพลิดเพลิน มีสติรู้เท่าทัน
แก่แล้วใช่แก่เลย กายอาจแกร่งใจประจัน
แข็งแรงเป็นกำนัล จัดสรรได้ให้ตนเอง

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา