"...ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2568 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) – ตำรวจสอบสวนกลาง บุกทลายโกดังลักลอบเก็บและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าชนิด “พอตเค” ในพื้นที่บางละมุง จังหวัดชลบุรี จับกุมผู้ต้องหาชาวจีน 1 ราย พร้อมตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์ และวัตถุดิบจำนวนมาก รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท โดยของกลางบางส่วนอยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์พบอาจมีสารอันตรายเอโทมิเดตซึ่งออกฤทธิ์กดประสาท คดีดังกล่าวสะท้อนถึงความรุนแรงของเครือข่ายอาชญากรรมบุหรี่ไฟฟ้าและตอกย้ำบทบาทของรัฐในการปราบปรามอุปทานบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมในประเทศไทย..."
การแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชนเป็นหนึ่งในความท้าทายด้านสาธารณสุขที่สำคัญของศตวรรษที่ 21 องค์การอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐอเมริกา (CDC) ต่างยืนยันตรงกันว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย โดยเฉพาะต่อสมองที่ยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ของเยาวชน และมีหลักฐานเพิ่มขึ้นถึงการปนเปื้อนสารอันตราย ยาเสพติด และสารออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง¹˒²
ในบริบทประเทศไทย แม้มาตรการด้านการให้ความรู้ (education) และการสร้างทักษะชีวิต(empowerment) จะมีความสำคัญ แต่ประสบการณ์เชิงนโยบายชี้ชัดว่า หากไม่จัดการ “อุปทาน” อย่างจริงจัง ปัญหาจะไม่สามารถควบคุมได้ การจับกุมและปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าจึงเป็นกลไกหลักที่ต้องทำควบคู่กับงานสาธารณสุขเชิงป้องกัน เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ
การปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า: กลไกขจัดอุปทานที่ขาดไม่ได้
WHO ระบุชัดว่าการควบคุมยาสูบและผลิตภัณฑ์นิโคตินต้องใช้มาตรการแบบผสมผสาน (comprehensive approach) โดยเฉพาะ การบังคับใช้กฎหมายต่อการละเมิดกฎหมาย ในการผลิต นำเข้า และจำหน่าย เพื่อไม่ให้ตลาดผิดกฎหมายเข้าถึงเยาวชน³ การมุ่งเน้นเพียงการสื่อสารความเสี่ยง โดยปล่อยให้สินค้าหาซื้อได้ง่าย จะลดทอนประสิทธิผลของมาตรการด้านพฤติกรรมอย่างมีนัยสำคัญ ประเทศไทยจึงมีความจำเป็นต้องยกระดับการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าใน “สมรภูมิอุปทาน” ให้เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งสะท้อนผ่านบทบาทของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายหลายหน่วยในช่วงปีที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2568 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) – ตำรวจสอบสวนกลาง บุกทลายโกดังลักลอบเก็บและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าชนิด “พอตเค” ในพื้นที่บางละมุง จังหวัดชลบุรี จับกุมผู้ต้องหาชาวจีน 1 ราย พร้อมตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์ และวัตถุดิบจำนวนมาก รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท โดยของกลางบางส่วนอยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์พบอาจมีสารอันตรายเอโทมิเดตซึ่งออกฤทธิ์กดประสาท คดีดังกล่าวสะท้อนถึงความรุนแรงของเครือข่ายอาชญากรรมบุหรี่ไฟฟ้าและตอกย้ำบทบาทของรัฐในการปราบปรามอุปทานบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมในประเทศไทย
สำนักข่าว TNN CIB ทลายแหล่งผลิต “พอตเค” จีนเทา กลางพัทยา เตือนอันตราย-โทษหนักบุหรี่ไฟฟ้า
21 ธ.ค. 2025 https://www.tnnthailand.com/social/220594/
จากข่าวดังกล่าว สะท้อนว่า บทบาทการบังคับใช้กฎหมายต่อการคุ้มครองสุขภาพประชาชน มีความสำคัญอย่างยิ่ง บทความนี้เป็นบทความชิ้นแรกที่มีการรวบรวมนำเสนอ ผลงานของหน่วยงานที่มีผลงานเชิงประจักษ์ในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าในระยะที่ผ่านมา
ข้อมูลที่นำเสนอ สามารถนำไปสู่การออกแบบเชิงระบบในการแบ่งบทบาทการบังคับใช้กฎหมายในมิติต่างๆ จากบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ ตั้งแต่ (1) แนวหน้าป้องกันด่านแรก โดย กรมศุลกากร และ DSI (2) การดำเนินการ โจมตี “ต้นน้ำ–กลางน้ำ” ของเครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะที่เชื่อมโยงกับทุนข้ามชาติและการผลิตภายในประเทศ โดย บก.ปอศ. (3) การปราบปรามคุ้มครองผู้บริโภค โดย บก ปคบ และ สคบ (4) การดูแลการขายออนไลน์ โดย ตำรวจไซเบอร์ ที่เฝ้าระวัง ติดตาม ปราบปรามการทุจริตออนไลน์ (5) ฝ่ายปกครอง และ ตำรวจในพื้นที่ ที่เฝ้าระวังการจำหน่าย การผลิต การนำส่ง ที่ผิดกฎหมาย เป็นต้น
ที่สำคัญ ในโอกาสใกล้ครบรอบปีใหม่ 2569 อาจถือเป็นการให้กำลังใจ หน่วยงานที่มีผลงานในสมรภูมิการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า ที่ควรแก่การยกย่องเชิดชูให้รับทราบในสังคม
หน่วยงานที่มีผลงานเชิงประจักษ์ในบริบทประเทศไทยที่ควรกล่าวถึง ได้แก่
1) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) – ตำรวจสอบสวนกลาง บก.ปอศ. มีบทบาทโดดเด่นในการโจมตี “ต้นน้ำ–กลางน้ำ” ของเครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะกรณีที่เชื่อมโยงกับทุนข้ามชาติและการผลิตภายในประเทศ
คดีสำคัญ :
• ธันวาคม 2568: ทลายแหล่งผลิตและจำหน่าย “พอตเค” ในพื้นที่พัทยา จ.ชลบุรี ยึดของกลางมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท พบการผสม เอโทมิเดต (ยาสลบ) ซึ่ง WHO จัดเป็นสารอันตรายต่อระบบประสาท มีการจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน 1 ราย มีข้อสังเกตว่า การจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าจะเชื่อมโยงกับผู้ต้องหาที่เป็นชาวจีนที่มาทำธุรกิจผิกกฎหมาย
• กันยายน 2568: บุกทลายโรงงานผลิตย่านบางขุนเทียน ยึดกว่า 20,000 ชิ้น พร้อมอุปกรณ์ผลิต เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา นายเติ้ง และ นายเกา สองผู้จัดการชาวจีนในความผิดฐาน "ร่วมกันประกอบธุรกิจผลิตหรือจำหน่ายสินค้าบุหรี่ไฟฟ้า" ขณะที่แรงงานพม่า 11 รายถูกดำเนินคดีในฐานะ"เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต"
• มีนาคม 2568: กวาดล้างเครือข่ายจำหน่ายใกล้สถานศึกษาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า ได้จำนวน 10 ราย พร้อมของกลางกว่า 3,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 300,000 บาท
บทบาทของ ปอศ. สะท้อนการยกระดับจาก “จับผู้ขายรายย่อย” ไปสู่ “รื้อโครงสร้างอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ” ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอของ WHO เรื่องการจัดการ illicit trade⁴
2) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)
DSI ทำหน้าที่หลักในมิติ การสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและเครือข่ายข้ามชาติ โดยบูรณาการกับกรมศุลกากรอย่างต่อเนื่อง
คดีสำคัญ :
• 11 ธันวาคม 2568: กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) บูรณาการร่วมกับกรมศุลกากรและหลายหน่วยงาน แถลงผลการปราบปรามการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าที่สำนักงานศุลกากร ท่าเรือกรุงเทพ การดำเนินการเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลในการตัดวงจรอุปทานบุหรี่ไฟฟ้าจากต่างประเทศ ตั้งแต่ปลายปี 2567 ถึงปัจจุบัน DSI และกรมศุลกากรสามารถตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์ และน้ำยา รวมทั้งสิ้น 591,692 ชิ้น มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
• พฤศจิกายน–ธันวาคม 2568 ตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้งจากตู้คอนเทนเนอร์ผ่านแดนจำนวน 7 ตู้ รวม 46,260 ชิ้น มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท สินค้าถูกซุกซ่อนมาในตู้สินค้าหมายเลขต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ การบูรณาการของหน่วยงานรัฐจึงมีบทบาทสำคัญในการสกัดกั้นอุปทานไม่ให้เข้าสู่สังคมไทย
• มีนาคม 2568: DSI และกรมศุลกากรยึดบุหรี่ไฟฟ้า ที่ท่าเรือแหลมฉบัง 201,400 ชิ้น มูลค่า 40 ล้านบาท
หากรวมตั้งแต่ปลายปี 2567–2568 ตรวจยึดกว่า 591,692 ชิ้น มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท แสดงถึงบทบาท DSI ในการ “ตัดท่อส่งสินค้า” อย่างเป็นระบบ
3) กรมศุลกากร
กรมศุลกากรเป็น แนวป้องกันด่านแรก (first line of defense) ตามกรอบ WHO FCTC ในการควบคุมการค้าผิดกฎหมาย³ โดยทำงานร่วมกับ DSI และตำรวจ ผลงานปี 2567–2568 ได้แก่ การตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าหลายแสนชิ้นจากตู้คอนเทนเนอร์ที่สำแดงเท็จ ป้องกันไม่ให้สินค้าเข้าสู่ตลาดภายในประเทศ ซึ่งมีความสำคัญเชิงต้นทุน–ประสิทธิผลสูงในมุมเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข
4) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
ในปี 2568 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เป็นหนึ่งในหน่วยงานหลักที่ปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มข้น โดยเน้นการทลายเครือข่ายค้าส่ง–ค้าปลีกและการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ มีคดีสำคัญต่อเนื่องตั้งแต่ กันยายน–ธันวาคม 2568 อาทิ การบุกจับโกดังย่านกิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ
สำนักข่าวอิศรา ตำรวจปคบ.จับ 2 ผู้ต้องหาขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ ยึดของกลางมูลค่ากว่า 15 ล.
29 ต.ค. 2568 ttps://www.isranews.org/article/isranews-short-news/142714-isra-503.html
และ การบุกจับโกดังขนส่งเอกชนใน อ.หาดใหญ่ โดย กลุ่มพ่อค้าเหล่านี้จะใช้วิธีลักลอบนำสินค้าดังกล่าวเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน และส่งต่อโดยแอบซุกซ่อนแฝงไปกับกล่องลังสินค้าผลไม้ ปคบ ร่วมกับ สคบ.ได้ยึดของกลางรวมหลายหมื่นชิ้น มูลค่าหลายสิบล้านบาท รวมถึงการทลายเครือข่ายขายออนไลน์และร้านค้าปลีกรายใหญ่
สำนักข่าวไทยรัฐ ปคบ. ยึดบุหรี่ไฟฟ้า-บุหรี่เถื่อน มูลค่ากว่า 5 ล้าน คาโกดังบริษัทขนส่งเอกชนหาดใหญ่
2 ต.ค. 2568 https://www.thairath.co.th/news/crime/2886584
ต้นปีถึงเมษายน 2568 ปคบ. จับกุมคดีบุหรี่ไฟฟ้า กว่า 2,236 คดี ยึดของกลางมากกว่า 1.6 ล้านชิ้น มูลค่าเกือบ 300 ล้านบาท สูงกว่าสถิติรวมของหลายปีก่อนหน้า นอกจากนี้ยังมีปฏิบัติการกวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้าผสมสารอันตรายหรือที่เรียกว่า “บุหรี่ไฟฟ้าซอมบี้” ซึ่งมีความเสี่ยงรุนแรงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและสถานบันเทิงยามค่ำคืน บทบาทนี้สอดคล้องกับข้อเตือนของ CDC ว่า e-cigarettes ที่ไม่ได้มาตรฐานมีความเสี่ยงเฉียบพลันต่อชีวิต⁵ บทบาทของปคบ. จึงสะท้อนความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายด้านคุ้มครองผู้บริโภคในการตัดวงจรอุปทานบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2568
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เดินหน้าปราบปรามการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ตามนโยบายรัฐบาลและคำสั่งของ นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 สคบ. ลงพื้นที่จังหวัดนครปฐม ตรวจพบร้านลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าในย่านชุมชน และสามารถตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาที่ผิดกฎหมายได้จริง ต่อมาได้ขยายผลตรวจค้นรถยนต์ต้องสงสัยที่เตรียมส่งสินค้าให้ร้านดังกล่าว พบของกลางเพิ่มเติม รวมยึดได้กว่า 350 ชิ้น มูลค่ากว่า 200,000 บาท
ความร่วมมือ ของ สคบ. กับ ปคบ. ในการจับกุมผู้ค้าส่งรายใหญ่ในช่วงปลายเดือนตุลาคม และจับกุมผู้ค้าปลีกในพื้นที่สมุทรปราการต้นเดือนพฤศจิกายน 2568 สะท้อนการบูรณาการการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องจริงจัง และมุ่งตัดอุปทานบุหรี่ไฟฟ้าออกจากสังคมไทยอย่างเป็นรูปธรรม
5) ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) หรือ ตำรวจไซเบอร์ กรมสรรพสามิต ฝ่ายปกครอง และตำรวจ
วันที่ 9 กันยายน 2568 ตำรวจไซเบอร์ เจ้าหน้าที่จาก กรมสรรพสามิต ฝ่ายปกครอง และตำรวจ สภ.วิหารแดง ร่วมกันตรวจค้นตึกเช่า 2 ชั้น ใน อำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี จับกุม ของกลางบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ทั้งหมด จำนวน 559,830 ชิ้น ซึ่งหากเข้าสู่ตลาดจะมีมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท
สำนักข่าวอิศรา การปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล
13 ก.ย. 2568 https://www.isranews.org/article/isranews-article/141446-cgr.html
เนื่องจากการนำเสนอนี้ เป็นการรวบรวมผลงานต่างๆจากสื่อออนไลน์ ผลงานการปราบปรามจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าของหน่วยงานต่างๆอาจไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ในระยะต่อไปควรมีการรวบรวมและนำเสนอผลงานต่อสังคมอย่างเป็นระบบต่อไป
ผลงานของ ปอศ., DSI, กรมศุลกากร, ปคบ., สคบ., ตำรวจไซเบอร์ กรมสรรพสามิต ฝ่ายปกครอง และตำรวจ หน่วยงานในพื้นที่ทั่วประเทศ ที่มีการปราบปรามการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ตามนโยบายรัฐบาล แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการขจัดอุปทานบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง การชื่นชมและสนับสนุนหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่อการคุ้มครองสุขภาพประชาชน เหล่านี้ไม่ใช่เพียงการยกย่องเชิงสัญลักษณ์ แต่เป็นการยืนยันว่า “สมรภูมิบุหรี่ไฟฟ้า” ต้องชนะทั้งในสนามสาธารณสุขและสนามการบังคับใช้กฎหมายไปพร้อมกัน.
การสอนและให้ความรู้เพื่อที่จะควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเดียวจึงไม่พอ หลักฐานจาก WHO และ CDC ชี้ชัดว่า availability drives use — เมื่อผลิตภัณฑ์เข้าถึงง่าย อัตราการใช้ในเยาวชนจะเพิ่มขึ้น แม้มีการรณรงค์ให้ความรู้ก็ตาม¹˒⁵ ดังนั้น การบังคับใช้กฎหมายเพื่อทำให้ “หายาก แพง และเสี่ยง” จึงเป็นหัวใจของการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ
วันที่ 21 ธันวาคม 2568
บทความโดย: วิทยา กุลสมบูรณ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการสร้างเสริมสุขภาพ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส), ทั้งนี้เป็นความเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียน ไม่ผูกพันองค์กร สสส
เอกสารอ้างอิง
1. World Health Organization. (2023). Electronic cigarettes: A public health threat. WHO.
2. World Health Organization. (2024). WHO report on the global tobacco epidemic. WHO.
3. World Health Organization. (2005). WHO Framework Convention on Tobacco Control. WHO.
4. World Health Organization. (2013). Protocol to Eliminate Illicit Trade in Tobacco Products. WHO.
5. Centers for Disease Control and Prevention. (2024). E-cigarette use among youth and young adults. CDC.

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา