“...เมื่อยอดเกินแสนห้า ก็คิดว่าคงได้สองแสน เมื่อเกินก็ตื่นเต้น ไม่คาดคิดมาก่อน ก็มือไม้สั่น ทำอะไรไม่ถูก” ประติมากรรายนี้ระบุความรู้สึกและย้ำด้วยว่า “ในฐานะคนทำงาน ดีใจที่มีคนเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำแล้วก็สิ่งที่เราตั้งใจไว้มีคนเห็นด้วย มีคนได้ทำบุญและได้ผลงานของเราไปชื่นชม ผมก็ดีใจ...”

ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ที่สังคมอาจตกอยู่ในภาวะหดหู่และตึงเครียด!
ทว่า เมื่อต้นเดือนเม.ย.2563 ที่ผ่านมา ในแวดวงนักสะสมงานศิลป์ งานประติมากรรม ได้มีกิจกรรมงานประมูลการกุศลเกิดขึ้นเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ในหลากหลายมูลนิธิ สร้างความประทับใจให้แก่ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ทราบข่าว
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีการประมูลงานประติมากรรมที่สวยงามมากชิ้นหนึ่ง
ซึ่งมีนามว่า “สลาตันของพ่อ” ซึ่งเป็นพระฉายาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระราชทานแก่กรมสมเด็จพระเทพฯ


โดยข้อมูลทางเพจ งานศิลป์ เพื่อสังคม ซึ่งเป็นผู้จัดการประมูลระบุไว้เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2563 ว่า ทางกลุ่มได้แบ่งโอนเงินไปจำนวน 6 ที่ คือ 1.โครงการเพื่อฮีโร่ไทยสู้โควิด 19 2.ศิริราชสู้ภัยโควิด 3.มูลนิธิรามาธิบดี 4.รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย 5.มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก ม.เชียงใหม่ 6.มูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ทางเพจระบุด้วยว่า ให้ผู้ชนะการประมูลโอนไปที่ละ 100,000 บาท บรรยากาศการประมูลที่จบลงภายใน 3 ชั่วโมงด้วยยอดประมูลสูงสุดถึง 600,000 บาทนั้น ไม่เพียงสร้างความฮือฮาให้สังคม แต่ยังสร้างความประทับใจเนื่องจากยอดประมูลโดยไม่หักค่าใช้จ่าย ได้มอบให้หลากหลายมูลนิธิ

@ สยามรัตน์ อักษรศักดิ์ หรือ “อาจารย์สยามรัตน์”
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) มีโอกาสได้สัมภาษณ์พิเศษ สยามรัตน์ อักษรศักดิ์ หรือ “อาจารย์สยามรัตน์” ประติมากรผู้อยู่เบื้องหลังงานศิลป์ชิ้นสวยนี้ถึงความรู้สึกของการประมูลการกุศลดังกล่าวที่มียอดสูงมากกว่าครึ่งล้านบาท
รวมทั้งคำบอกเล่าเกี่ยวกับงานประติมากรรมในหลวง รัชกาลที่ 9 ในหลายชุดที่ผ่านมา และชุดต่อไปที่ตั้งใจสร้างขึ้น
@ ความเป็นมาของการประมูลต้านโควิด-19
สยามรัตน์กล่าวว่า “จากเริ่มแรก ผมมีความคิดอยู่แล้วว่างานชิ้นแรกของชุดนี้ซึ่งผมเรียกว่า “องค์นำฤกษ์” ผมจะทำประมูลเพื่อนำเงินเข้ามูลนิธิของกรมสมเด็จพระเทพฯ แต่พอเกิดเหตุการณ์โควิดก็เลยนำเงินมาช่วยโควิดก่อน ”
สยามรัตน์กล่าวว่า เดิมทีเขายังไม่ระบุชัด เพียงแค่มีความคิดอยากนำเงินประมูลมอบมูลนิธิของท่าน เมื่อเกิดโควิดก็เลยเปลี่ยนมาหาเงินเพื่อช่วยบุคลากรทางการแพทย์ก่อน
“ตัดสินใจช่วยกัน คุยกันกับทางเพจงานศิลป์เพื่อสังคม ซึ่งพูดง่ายๆ เราก็ร่วมก่อตั้งด้วยกัน เขาเองก็เคยมาปรึกษา ในที่สุดก็เลยจัดประมูล เป็นงานชิ้นแรกของประติมากรรมชุดนี้ โดยนำมาประมูล เมื่อวัน ที่ 2 เม.ย.ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของกรมสมเด็จพระเทพฯ ”
@ ความรู้สึกเมื่อทราบว่า ยอดประมูลสูงถึง 600,000 บาท
สยามรัตน์กล่าวว่า “ตื่นเต้นเพราะในใจคิดว่าไม่เกิน 150,000 หรือ 200,000 บาท เพราะด้วยเศรษฐกิจช่วงนี้ด้วย ด้วยภาวะต่างๆ ด้วย มันเกิดคาด ตื่นเต้น” เขากล่าวว่า ระยะเวลา 3 ชม.เป็นเวลาที่ตั้งไว้ ตั้งแต่ประมาณ 18.00 ถึง สามทุ่ม
“เมื่อยอดเกินแสนห้า ก็คิดว่าคงได้สองแสน เมื่อเกินก็ตื่นเต้น ไม่คาดคิดมาก่อน ก็มือไม้สั่น ทำอะไรไม่ถูก” ประติมากรรายนี้ระบุความรู้สึกและย้ำด้วยว่า “ในฐานะคนทำงาน ดีใจที่มีคนเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำแล้วก็สิ่งที่เราตั้งใจไว้มีคนเห็นด้วย มีคนได้ทำบุญและได้ผลงานของเราไปชื่นชม ผมก็ดีใจ”
@ เห็นปรากฏการณ์ “ส่งต่อความตั้งใจ”
สยามรัตน์กล่าวว่า มีผู้ใหญ่ใจดีหลายท่านสนับสนุน บางท่านไม่อยากเปิดเผย ไม่อยากออกสื่อ
“หลายๆ ท่านก็ช่วยด้วยรูปแบบต่างๆ ผมทราบดี ส่วนท่านที่ประมูลได้ ท่านก็ให้เลขาฯ ท่านประมูล ท่านก็ไม่อยากออกสื่อ ทราบว่าท่านสนับสนุนเพราะเป็นโครงการที่ดี มอบให้คนทำงานทางการแพทย์ และท่านเองก็คงเห็นว่า เราตั้งใจประมูล 100% โดยไม่หักค่าใช้จ่าย และผมลงโปรโมทตั้งแต่แรกๆ เลยว่าไม่หักค่าใช้จ่าย ทางโรงหล่อก็ใจดี ไม่คิดค่าหล่อด้วย ก็เหมือนส่งต่อความตั้งใจกัน”
@ ก่อนจะเป็นประติมากรรม “สลาตัน” ของพ่อ
สยามรัตน์เล่าว่า งานประติมากรรมนี้เริ่มปั้น เมื่อปี 2561 “ก่อนหน้านี้ผมปั้นในหลวง ร.9 มา 4 ชุดแล้ว ชุดนี้ถือเป็นชุดที่ 5 ของผม ใช้เวลาประมาณ 2 ปีในการปั้น คือบางทีรู้สึกยังไม่พอใจ ก็ปรับแก้เรื่อยๆ กระทั่งต้นแบบเสร็จเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.62 ส่งโรงหล่อ แล้วงานจริงก็เริ่มทยอยทำออกมา เพิ่งมีชิ้นแรกออกมาอย่างที่เห็น งานที่ทำก็เหมือนองค์นำฤกษ์ ที่ตอนนั้นผมตั้งใจไว้ว่าเริ่มจะนำเงินประมูลเข้ามูลนิธิกรมสมเด็จพระเทพฯ “
สาเหตุที่เลือกปั้นประติมากรรมนี้ ศิลปินรายนี้กล่าวว่า ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นพระบรมฉายาลักษณ์นี้ “ครั้งแรกที่เห็นผมก็ชอบเลย ส่วนตัวผมชอบ และผมขับเวสป้าด้วย และในภาพมีทั้งในหลวง ร.9 และกรมสมเด็จพระเทพฯ ผมศรัทธาทั้ง 2 พระองค์รวมทั้งราชวงศ์จักรี ส่วนสลาตันของพ่อ เป็นฉายาที่ในหลวงทรงเรียกกรมสมเด็จพระเทพฯ ประติมากรรมชุดนิ้ สีที่ประมูลเป็นสีพิเศษมีองค์เดียว ส่วนที่งานชิ้นอื่นที่เหลือ ที่ไม่ได้ประมูลจะมีนักสะสมที่ตามงานผมอยู่ ผมก็จะทำตามสีที่ผมคิดไว้” สำหรับชุดงานประติมากรรมในหลวง ร.9 ที่ผ่านมาทั้ง 4 ชื่อชุดอะไรบ้างนั้น สยามรัตน์เล่าว่า
“ชุดแรกชื่อ พระภูมิพโล ภิกขุ ภาพทรงผนวชนั่ง งานปั้นของผมจะมีตาลปัตรอยู่ด้านหลัง มีนักสะสมหลายท่านก็ได้ไป”

“ชุดสอง เมตตาธรรม เป็นในหลวง ร.9 ที่มีเด็กก้มกราบ ที่อาจจะเคยเห็นผ่านตา ก็ทำชุดนี้ออกมา”

“ชุดสาม พระภูมิพโล โพธิสัตว์ เป็นภาพที่ท่านอุ้มบาตร ภาพนี้ท่านทรงผนวชและอุ้มบาตร ตอนผมเห็นภาพนี้ที่เป็นภาพเคลื่อนไหว ผมมีความรู้สึกว่าอยากใส่บาตรท่านจังเลย ก็เลยปั้น ในภาพที่ผมดูมีคุณยายคนหนึ่งได้ใส่บาตรท่านด้วย ผมยังอิจฉายายเลยได้ใส่บาตรในหลวง”

“ชุดสี่ เป็นยายตุ้มที่ให้ดอกไม้ท่าน ชื่อชุด ฟ้าโนมดิน คำว่า “โนม” ไม่มีไม่โทนะ ไม่ใช่โน้ม โนมมีความหมายไปในทางปกครอง และมาถึงชุดห้า สลาตันของพ่อ” สยามรัตน์ระบุความเป็นมาของงานแต่ละชุด

@ ที่มา เลขทะเบียนรถเวสป้า
เมื่อสอบถามถึงเลขทะเบียนรถเวสป้าในงานสลาตันของพ่อ สยามรัตน์กล่าวว่าไม่ใช่เลขทะเบียนจริง เพราะว่าข้อมูลในพระบรมฉายาลักษณ์ไม่มีใครได้เห็นทะเบียน
“เลขก็เป็นตัวแทนวันที่ท่านเสด็จสวรรคต และสาเหตุที่เขียนว่าฝ่าวิกฤติโควิด -19 ก็อยากให้เป็นงานนี้เป็นองค์เดียวในโลก”
@ตั้งใจสร้างงานประติมากรรมให้ครบ 9 ชุด
สยามรัตน์กล่าวว่า งานประติมากรรมในหลวง ร.9 เขาตั้งใจสร้างถึง 9 ชุด
“ผมตั้งใจจะทำให้ครบ 9 ซีรี่ยส์ และเปิดแสดงงานนิทรรศการ ที่ตั้งใจไว้ในชุดต่อไปที่ผมคิดไว้คือในหลวง ร.9 ทรงสนทนาธรรมกับสมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อน ชื่อชุด สนทนาธรรม แต่ก็ดูอีกที อาจเปลี่ยนแปลงได้”
@จากช่างปั้นทั่วไป สู่ผู้สร้างประติมากรรมในหลวง ร.9
สยามรัฐเล่าว่า เขาจบการศึกษาจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ ประติมากรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในปี 2541 นับแต่เรียนจบก็เป็นช่างปั้นทั่วไป “ผมยึดอาชีพช่างปั้นมาโดยตลอด กระทั่งปี 2559 ในหลวง ร.9 ท่านเสด็จสวรรคต ผมก็เหมือนคนไทยหลายๆ คนที่เศร้า ก็เลยปั้นรูปท่าน บางคนอาจจะเขียนรูปท่านแต่ผมปั้น เพราะถนัดทางนี้เราก็ปั้น พอปั้นแล้วก็สบายใจ ก็โพสต์ลงเฟซบุ๊คไปปกติ เมื่อคนเห็นเยอะ เขาก็ถามว่าทำให้บูชาไหม ผมก็เลยทำให้เขาไปบูชา ให้โรงหล่อตีราคา ก็กลายเป็นมีคนติดตามผลงาน”
สยามรัตน์กล่าวว่า เมื่อก่อนเขารับงานปั้นทุกอย่างเช่น พระพุทธรูป พระเกจิ รูปเหมือน “ที่ปั้นในหลวงเพราะรักท่านเป็นการส่วนตัว มีความสุขทุกครั้งที่ได้ปั้น” ประติมากรรายนี้เน้นย้ำความรู้สึก
@ร่วมฝ่าวิกฤติโควิด-19 ด้วยกำลังใจที่มอบให้กัน
สยามรัตน์กล่าวทิ้งท้ายถึงความรู้สึกต่อวิกฤติโควิด-19 ว่า “มันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เราทำอะไรได้เราก็ทำในรูปแบบของเรา อย่างน้อยก็ให้กำลังใจกัน แต่ละท่านก็ทำในแบบที่ตัวเองทำได้ อย่างน้อยยิ้มให้กันก็ยังดี การยิ้มไม่ต้องลงทุนอะไรมาก ส่วนใครทำได้มากกว่านั้นก็ทำตามกำลังของตนเอง ผมเชื่อว่าเราก็น่าจะผ่านวิกฤติไปได้”
เป็นมุมมองด้านบวกของนักปั้นรายนี้ ผู้สร้างงานศิลป์ที่นำความงามและศิลปะรวมทั้งทักษะ ความสามารถที่มีอยู่มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการต้านวิกฤติโควิด-19 ในแนวทางของตนเองได้อย่างน่าสนใจและน่าชื่นชม
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา