"...ผมรู้สึกขอบคุณชะตาชีวิตที่ทำให้ได้มาเข้าใกล้ จึงได้ร่วมรับรู้ชุดความคิดและการแสดงออกอย่างอบอุ่นสม่ำเสมอของ อ.โต้ง ชายผู้เป็นหลานแท้ๆของจอมพลผู้เเข็งกล้า..ลูกชายคนเดียวของนายกรัฐมนตรีผู้เป็นที่ยกย่องอย่างยิ่งในทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ..."

อ.ไกรศักดิ์ หรือพี่โต้ง เป็นผู้ที่ผมได้สัมผัสตั้งแต่ปี 2531 เมื่อ อ.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ซึ่งผมเป็นผู้ช่วยวิจัยและเลขานุการวิชาการมาตั้งแต่ขณะที่ผมยังเรียนกฏหมายอยู่ชั้นปีที่สาม ได้กำหนดให้ผมตามท่านมาช่วยทำงานต่ออีก ที่ "บ้านพิษณุโลก" ทุกวันหลังเสร็จจากการเรียนปีสี่ที่คณะนิติศาสตร์ จุฬา
ที่บ้านพิษณุโลก..ผมจึงได้รู้จักกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร อ.ชวนชัย อัชนันท์ อ.ณรงค์ชัย อัครเศรณี และมีอาจารย์บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่ผมเรียนวิชากฏหมายมรดกกับท่านมาก่อนแล้วตั้งแต่อยู่ที่คณะนิติศาสตร์จุฬาตอนปีสาม
และแน่นอน ได้พบคุณพันธ์ศักดิ์ วิญญรัตน์ และอาจารย์โต้ง ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ซึ่งมักจะนั่งใช้ความคิดอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยกันแทบทั้งวัน..ทุกวัน
อาจารย์โต้งเป็นคนอารมณ์ดีเสมอ...เกรงใจพวกเด็กๆเจ้าหน้าที่ ที่มาทำงานในบ้านพิษณุโลกทุกคน
สำเนียงอ.โต้งจะช้าๆนุ่มๆพอๆกับน้ำหนักตัว และด้วยความเป็นนักนิยมงานศิลปะและดนตรี ด้วย อ.โต้งจึงมีท่าทีผสมผสานแบบนักคิดแนวเซอร์ๆ จึงไม่มีใครต้องหวั่นกลัวชายมีหนวดและดวงตากลมโตผิวคล้ำคนนี้..มีแต่ชื่นชอบและอยากเข้าไปสนทนาหาความคิดที่แยบคาย และขี้เล่นของท่านเสมอ
แต่ที่ชัดเจนที่สุดสำหรับผมคือ ความสนใจที่จะปกป้องคุ้มครองคนตัวเล็กๆที่ไร้อำนาจต่อรองเช่น กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มคนไร้สัญชาติ คนไร้ที่พึ่งตามชายขอบ ผู้ใช้แรงงานฯลฯของอ.โต้ง
อ.โต้งสนใจเรื่องป่า น้ำ ภูเขา ทะเล สัตว์ป่า สิ่งแวดล้อมสนใจประเทศที่ยังยากจน และห่วงผู้อพยพจากภัยต่างๆ
ทูตต่างประเทศ นักวิชาการ นักวิจัย และเอ็นจีโอกลุ่มนั้นนี้แวะเวียนมาเข้าพบกับอ.โต้งทุกวัน
บางครั้งผมมีเวลาก็ถูกชวนให้นั่งฟังการสนทนาไปด้วย จึงสัมผัสได้เสมอว่า อ.โต้ง จริงใจ ทุ่มใจ ให้ประเด็นเหล่านี้แบบไม่มีวอกแวก
ครั้นพอบ่ายแก่ๆ ทีมที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรีพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่มีเงินเดือนอะไรจากทางการก็จะทยอยมาถึง และแบ่งกันรับประเด็นหรือนำประเด็นที่ไปขบคิด มาวิเคราะห์กันในรูปการสนทนา แล้วต่างก็แยกไปผลิตเอกสารย่อประเด็นมาเพื่อใส่แฟ้มเตรียมนำไปเสนอให้ท่านนายกฯชาติชายที่บ้านราชครูต่อช่วงเย็นค่ำ
บางครั้งผมก็ไปด้วยจนดึก..
อ.โต้งเอาจริงเอาจังกับการนำทีมบรีฟนายกฯชาติชายมาก..บ่อยครั้งที่ต้องรอจนค่ำ ดังนั้น นอกจากที่บ้านพิษณุโลกแล้ว..บ้านอ.โต้งซึ่งอยู่เรือนคนละหลังกับเรือนตึกของนายกฯชาติชายจึงเป็นอีกที่หนึ่งที่มีทั้งพวกเราจากบ้านพิษณุโลกและทีมศิลปินแนวชีวิต เอ็นจีโอและนักคิดจากต่างทิศและต่างถิ่นมานั่งปนๆกันอยู่เสมอ
วันหนึ่ง พลเอกชาติชายตัดสินใจเคลียร์ความไม่ลงตัวในครม.ด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพื่อกลับมาจัดรัฐบาลใหม่
ทีมบ้านพิษณุโลกซึ่งเคยส่งผมไปดำรงตำแหน่งเลขานุการประธานวุฒิสภาในเวลานั้น ก็เลยต้องได้รับบทหนักในการรับลูกต่อเพราะประธานวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญขณะนั้นเป็นฉบับปี 2521 ซึ่งกำหนดให้ประธานวุฒิสภาเป็นประธานรัฐสภา ผมจึงมีหน้าที่รับเอกสารที่มีลายเซ็นของ ส.ส.เกินกึ่งหนึ่งในสภาผู้แทนราษฏรเวลานั้นมาดำเนินการต่อให้เรียบร้อยร่วมกับเลขาธิการรัฐสภาเพื่อส่งขึ้นให้ประธานรัฐสภา(ร.ต.ต.วรรณ ชันซื่อ)นำความขึ้นกราบบังคมทูลเกล้าฯแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่
สมัยนั้นผู้ใหญ่เกรงว่าจะมีใครมาทำอะไรให้ประธานรัฐสภาไม่ปลอดภัยหรือกดดันให้ท่านไม่สามารถทำหน้าที่สำคัญนี้ได้
บ้านส่วนตัวของ อ.โต้งก็จึงถูกขอใช้เป็นที่พักรอลับๆของท่านประธานรัฐสภาโดยมีผู้จัดการรัฐบาลอย่างท่านบรรหาร ศิลปอาชาและทีมบ้านพิษณุโลกบางท่านเท่านั้นที่ได้รับสิทธิพิเศษให้มาอยู่ด้วยก่อนถึงเวลานำเอกสารสำคัญเดินทางไปเข้าเฝ้าฯที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
อ.โต้งจึงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการอันน่าตึงเตรียดทางการเมืองด้วยความอารมณ์ดีอีกเรื่องให้พวกเราที่เคยเกี่ยวข้องได้เอามาคุยระลึกกันอีกในช่วงสามสิบปีหลังด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม..
นั่นคือฉากจำแรกที่สามสิบปีผ่านไป ผมก็ยังไม่เคยลืม
ตัดฉากมาอีกทีก็ตอน อ.โต้งช่วยท่านพลเอกชาติชายทำพรรคชาติพัฒนาที่แยกออกมาจากพรรคชาติไทย
ผมยังได้รับความเมตตาชวนมานั่งคิดนั่งคุยในฐานะน้องเก่าจากทีมเด็กบ้านพิษณุโลกต่อไป
แต่คราวนี้มักย้ายฐานมาอาศัยใช้สำนักงานที่อาคารเป็นตึกคอนกรีตชื่อ ลาเมซอง
ที่นั่น อ.โต้งก็ยังมีแขกกลุ่มที่ทำงานกับนักต่อสู้เพื่อคนไร้เสียงมาแลกเปลี่ยนสนทนาเช่นเคย
ตกเย็นก็มักไปที่เรือนส่วนตัวของอ.โต้ง เล่นดนตรีกันเป็นวงจนดึก มีทูตอเมริกัน สคิปป์ บอยซ์ มีคุณเกียรติ สิทธีอมร เป็นอาทิ ซึ่งผมมักปลีกตัวหลบกลับบ้านก่อนเพราะมีงานเช้าตรู่รออยู่เสมอ
คนต่างวัย..หัวใจจากต่างพรรค แต่ล้วนเป็นพวกเดียวกัน มาทำให้บ้านอ.โต้งเป็นเหมือนเขตปลอดศัตรู..ทุกคนมาจากต่างฐาน แต่มาอย่างมิตรทั้งสิ้น
ในราวสิบสามปีก่อนผมเคยเป็นทั้งสส.ฝ่ายค้านร่วมกับอ.โต้ง (ขณะนั้นอาจารย์เป็นหนึ่งในผู้บริหารของพรรคประชาธิปัตย์) ผมจึงมีโอกาสได้นั่งใกล้อ.โต้งในสภาอีกบ่อยๆ บางครั้งแม้ผมกลายเป็นสส.ฝ่ายรัฐบาลไป..แต่เราก็ยังสามารถนั่งข้างกันในสภาได้โดยไม่รู้สึกแตกต่าง
อ.โต้งยังคงอารมณ์ขันแต่หนักแน่นด้วยควมห่วงใยคนไร้เสียงไร้พลังนอกสภาเสมอ
ฉากนี้แม้ห่างจากฉากแรกกว่ายี่สิบปี
แต่สิ่งที่เหมือนเดิมตลอดคือ ความอบอุ่นจริงใจและความเกรงอกเกรงใจแต่มั่นคงทางความคิดความห่วงใยให้กลุ่มผู้ไร้เสียง
ตัดฉากอีกที ก็คือการได้ไปสนับสนุนให้กำลังใจ อ.โต้ง ที่หอศิลป์กทม.ที่ อ.โต้ง พยายามผลักดันให้เกิดมาตั้งแต่ยุคพลเอกชาติชายจะเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำ เพิ่งมาสำเร็จตอนอ.โต้งเป็นประธานที่ปรึกษาผู้ว่ากทม.
ผมเป็นเลขาธิการสมาพันธ์สมาคมภาพยนต์แห่งชาติที่เคยเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีวัฒนธรรมมาก่อนจึงมีเหตุและมีสาระที่มาสนทนาแลกเปลี่ยนทรรศนะกับอ.โต้งและทีมได้ต่อ
เห็นได้ชัดว่าอ.โต้งก็ยังคงเมตตาและเอาใจใส่ดูแลและช่วยเหลือเหล่าศิลปินและคนรักศิลปะอย่างอบอุ่นเช่นเคย
ตัดฉากท้ายมาที่ การไปเยี่ยมอ.โต้งพร้อมอ.สุรเกียรติ์เมื่อทราบว่าอาการทรุดลง โดยพี่ชัชวาลและคุณโจ้ช่วยประสานเวลานัดเยี่ยมให้
แม้อ.โต้งจะส่งเสียงพูดคุยไม่ถนัดแล้วแต่สายตาและท่าทีก็ยังเปล่งประกายแห่งความอบอุ่นเมตตา..เหมือนเดิม..หูของอ.โต้งยังชอบฟังเรื่องราวของการต่อสู้เพื่อความยั่งยืน
มือของอ.โต้งยังคงโบกเบาๆอย่างนุ่มนวลให้กำลังใจแก่คนที่สุขภาพแข็งแรงกว่าให้กลับออกไปสู้ต่อ..ทำต่อในแนวทางที่เป็นธรรมเป็นประโยชน์แก่ผู้ยากลำบากและไร้เสียง..ไร้อำนาจต่อไป
ผมรู้สึกขอบคุณชะตาชีวิตที่ทำให้ได้มาเข้าใกล้ จึงได้ร่วมรับรู้ชุดความคิดและการแสดงออกอย่างอบอุ่นสม่ำเสมอของ อ.โต้ง ชายผู้เป็นหลานแท้ๆของจอมพลผู้เเข็งกล้า..ลูกชายคนเดียวของนายกรัฐมนตรีผู้เป็นที่ยกย่องอย่างยิ่งในทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ
อ.โต้งเป็นตำนานอีกคนของตระกูลชุณหะวัณ..ที่น่าจดจำ
แม้เย็นนี้ อ.โต้งจากไปอย่างสงบ..แล้ว
แต่ความสุภาพอ่อนโยนจริงใจ และความเอาใจใส่ในผู้มีน้อยกว่า ของอาจารย์ จะเป็นดั่งครูของพวกเรา ที่ติดตาประทับใจไปในฐานะตำนานให้ฝึกตาม
ขอให้ความดีงามที่อาจารย์ได้มอบไว้ต่อสังคมคนยากไร้และความจริงใจอบอุ่นที่มอบแด่มิตรทุกสายได้คุ้มครองส่งอาจารย์ให้ไปอย่างสุขและสบาย..ในแดนสุขาวดีที่งดงาม
วีระศักดิ์ โควสุรัตน์
สมาชิกวุฒิสภา
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา