"...โครงการนี้เริ่มต้นจากการที่ประเทศเซเชลส์เป็นหนี้สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม และอิตาลี และต่อมา TNC ตกลงเข้าซื้อหนี้ดังกล่าวในราคาพิเศษและกลับมาเรียกเก็บหนี้จากเซเชลส์ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า ส่งผลให้รัฐบาลเซเชลส์สามารถปลดหนี้ได้บางส่วนพร้อมทั้งบริหารจัดการหนี้ใหม่ ในขณะเดียวกันก็มีเงินหมุนเวียนเพื่อดำเนินการตามข้อตกลงด้วย..."

ประเทศเซเชลส์ เป็นประเทศหมู่เกาะอยู่ห่างจากชายฝั่งทางตะวันออกของทวีปแอฟริกาไปประมาณ 1,600 กิโลเมตร ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ทางระบบนิเวศเป็นอย่างมากและเป็นที่อาศัยของสัตว์น้ำหายาก เช่น ปลาวาฬและพะยูน รวมถึงเป็นแหล่งปะการังสุดท้ายในโลกที่ยังไม่เคยถูกกระทบจากกิจกรรมของมนุษย์อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ประเทศเซเชลส์เป็นประเทศขนาดเล็กมาก มีประชากรน้อยกว่า 100,000 คนและเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสัดส่วน GDP ต่ำที่สุดในโลก รายได้หลักของประเทศมาจากการท่องเที่ยวและการจับปลา ประเทศเซเชลส์ต้องอาศัยการกู้ยืมเงินอย่างหนัก จนกระทั่งไม่สามารถชำระหนี้ได้และเมื่อปี 2551 ประเทศเซเชลส์ผิดนัดชำระหนี้ถึง 406 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท) และในขณะเดียวกัน ระบบนิเวศทางทะเลซึ่งเป็นแหล่งที่มารายได้หลักของเซเชลส์ ก็ยังถูกกระทบด้วยปัญหาสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น สภาวะโลกร้อน ภัยธรรมชาติ หรือมลภาวะทั้งหลายอีกด้วย
เพื่อกอบกู้เศรษฐกิจและรักษาระบบนิเวศไปพร้อมกัน ในปี 2558 ประเทศเซเชลส์ได้ตกลงเข้าทำสัญญากับองค์กรด้านการกุศลเพื่อสิ่งแวดล้อมชื่อ The Nature Conservancy (TNC) ในการ "เปลี่ยนหนี้เป็นธรรมชาติ" (Debt-for-nature) หรือการปลดหนี้แลกกับข้อตกลงที่จะรักษาระบบนิเวศ และเซเชลส์ต้องประกาศพื้นที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม 13 บริเวณ
โครงการนี้เริ่มต้นจากการที่ประเทศเซเชลส์เป็นหนี้สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม และอิตาลี และต่อมา TNC ตกลงเข้าซื้อหนี้ดังกล่าวในราคาพิเศษและกลับมาเรียกเก็บหนี้จากเซเชลส์ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า ส่งผลให้รัฐบาลเซเชลส์สามารถปลดหนี้ได้บางส่วนพร้อมทั้งบริหารจัดการหนี้ใหม่ ในขณะเดียวกันก็มีเงินหมุนเวียนเพื่อดำเนินการตามข้อตกลงด้วย
ทั้งนี้ รัฐบาลเซเชลส์จะต้องชำระหนี้คืนโดยชำระเข้ากองทรัสต์ซึ่งดูแลโดยคนกลาง และเงินในกองทรัสต์นั้นจะถูกใช้เพื่อการปฏิบัติตามข้อตกลงต่อไปกว่าอีก 20 ปี ตัวอย่างโครงการที่กองทรัสต์นำไปใช้เช่น จ้างคนยากไร้เก็บสาหร่ายจากชายหาดเพื่อนำไปทำปุ๋ยหมัก
โครงการเปลี่ยนหนี้เป็นธรรมชาตินี้เคยเกิดขึ้นแล้วเพื่อการรักษาป่าเขตร้อนบริเวณแคริบเบียนและแอฟริกาใต้
นางเฮเลนา ซิมส์ หัวหน้าโครงการเปลี่ยนหนี้เป็นธรรมชาติของเซเชลส์กล่าวว่า โครงการนี้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพื่อการวางแผนทางทะเล รองจากโครงการ Marine Spatial Plan ของประเทศนอร์เวย์ และการเตรียมโครงการนี้ใช้เวลาหลายปี เพราะทีมงานจะต้องศึกษาพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อใช้เป็นข้อแลกเปลี่ยน โดยจะต้องคำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดต่อธุรกิจที่มีอยู่ก่อนแล้วด้วย ทีมงานจะต้องรักษาสมดุลในแง่เศรษฐกิจ สังคม และระบบนิเวศ เพื่อจูงใจให้อีกฝ่ายปฏิบัติตามสัญญา
เมื่อรายได้หลักของเซเชลส์มาจากการท่องเที่ยวและการหาปลา ส่วนหนึ่งของโครงการจึงมุ่งเพิ่มขนาดและความหลากหลายของพันธุ์ปลา เพื่อช่วยเหลือธุรกิจหาปลาซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักประมาณร้อยละ 96 ของเซเชลส์ ซึ่งการเพิ่มพื้นที่อนุรักษ์จะส่งเสริมให้มวลของปลาเพิ่มขึ้้นกว่าร้อยละ 600 และขนาดเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 ทั้งยังเพิ่มความหลากหลายทางพันธุ์ปลากว่าร้อยละ 20 เปรียบเทียบกับบริเวณที่ไม่ได้รับการอนุรักษ์ และเมื่อมีการอนุรักษ์พื้นที่ส่งผลให้ธรรมชาติสวยงามขึ้นก็ย่อมส่งผลต่อธุรกิจการท่องเที่ยวต่อไปด้วย
ปัจจุบัน พื้นที่พื้นดินประมาณร้อยละ 15 และมหาสมุทรประมาณร้อยละ 7 เป็นพื้นที่อนุรักษ์ ในขณะที่ร้อยละ 2.5 ของพื้นที่ในมหาสมุทรเป็นเขตห้ามดำเนินการใด ๆ รวมทั้งการจับปลาหรือการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
โครงการนี้เป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงถึงหนทางการกอบกู้ประเทศขนาดเล็กให้หลุดจากหนี้และเพื่อรักษาคุ้มครองธรรมชาติไปพร้อมกันซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาที่ยั่งยืน
TNC คาดการณ์ว่ามีประมาณ 85 ประเทศที่สามารถเข้าร่วมโครงการลักษณะเดียวกันนี้ได้
ที่มา : https://www.bbc.com/future/article/20200803-the-deal-that-saved-seychelles-troubled-waters

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา