'ฝีดาษลิง'ยากต่อการควบคุม 'หมอยง'ชี้จุดแตกต่างกลไกเกิดโรคใน-นอกแอฟริกา

‘หมอยง’ ชี้ ‘ฝีดาษลิง’ มีลักษณะเด่นทางแผลที่อวัยวะเพศ ทำให้ผู้ป่วยไม่อยากพบแพทย์ อีกทั้งยังหายได้เอง จึงทำให้ยากต่อการควบคุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 31 ก.ค.2565 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กYong Poovorawan ระบุถึงลักษณะอาการของโรคฝีดาษลิงที่มีความแตกต่างกันระหว่างผู้ป่วยนอกแอฟริกาและผู้ป่วยในแอฟริกา

ศ.นพ.ยง ระบุว่า จากการศึกษาในประเทศอังกฤษ จำนวน 197 ราย พบในผู้ชายทั้งหมด ที่เป็นชายรักชาย ลักษณะรอยโรคที่เกิดขึ้น กว่าครึ่งหนึ่งจะเกิดที่อวัยวะเพศ รอบก้น ทวารหนัก เยื่อบุช่องปาก แม้กระทั่งต่อมทอมซิล ซึ่งตรงข้ามกับโรคที่เกิดในแอฟริกา พบที่แขนขา ศีรษะ

โดยตุ่มที่เกิดขึ้นจะมีหลายระยะ กล่าวคือ สุกหรือแห้งไม่พร้อมกัน ซึ่งตรงข้ามกับในแอฟริกาที่จะพบตามแขนขา ศีรษะ และส่วนใหญ่จะเป็นระยะเดียวกันสุกพร้อมกัน ตามตำรา อาการไข้ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวพบน้อยกว่าในแอฟริกา ที่เกิดนอกแอฟริกาจะมีอาการเจ็บก้นอย่างมากจำนวนหนึ่ง และตุ่มแผลเกิดขึ้นในอวัยวะเพศเป็นจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่ง รายละเอียดอ่านได้จาก https://www.bmj.com/content/bmj/378/bmj-2022-072410.full.pdf

จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่ากลไกการเกิดโรคน่าจะแตกต่างกัน โดยทั่วไปในแอฟริกา น่าจะเกิดจากการได้รับเชื้อแล้วเชื้อเข้าสู่ระบบน้ำเหลือง เข้ากระแสโลหิต แล้วจึงมีอาการแสดงขึ้นเป็นตุ่มที่แขนขา ศีรษะ รอยโรคจึงเกิดขึ้นพร้อมกัน ลักษณะตุ่มหนองที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยนอกแอฟริกา จึงมีหลายระยะ เช่นบางตุ่มสุก บางตุ่มพึ่งขึ้นหรือบางตุ่มเริ่มแห้ง ซึ่งไม่เหมือนกับในแอฟริกา

ขณะที่ฝีดาษลิงที่เกิดนอกแอฟริกา โดยเฉพาะที่กำลังระบาดอยู่ทั่วโลกนี้ การรับเชื้อน่าจะสัมผัสบริเวณอวัยวะเพศ ที่อาจจะมีรอยถลอก และทำให้เกิดรอยโรค เป็นตุ่มขึ้น พร้อมกันนั้นที่สัมผัสโรคเชื้อก็จะเข้าสู่ระบบน้ำเหลืองและกระแสโลหิต แล้วจึงไปเกิดตุ่มที่อื่นอีกได้ด้วย การเกิดตุ่มบริเวณสัมผัส ทำให้เกิดรอยโรคขึ้นเช่นเดียวกันกับ การปลูกฝีสมัยก่อน ใช้เชื้อหนองฝีหยอดที่ต้นแขน แล้วสะกิดหรือควร ให้เกิดรอยถลอก ตุ่มแผลจึงเกิดขึ้นบริเวณที่ถลอก

ศ.นพ.ยง กล่าวอีกว่า สิ่งที่ช่วยยืนยันว่า โรคนี้เกี่ยวข้องกับเพศสัมพันธ์ เพราะผู้ป่วยฝีดาษวานร จะพบโรคทางเพศสัมพันธ์ร่วมด้วยเป็นจำนวนมากเช่น HIV หนองใน ซิฟิลิส chlamydia (หนองในเทียม) และ Herpes

“กรณีที่มีอาการไข้ ปวดเมื่อยหรืออาการทางระบบน้อย และมีลักษณะเด่นทางแผลที่อวัยวะเพศ ทำให้ผู้ป่วยไม่อยากไปพบแพทย์ และโรคนี้ก็หายได้เอง จึงทำให้ยากต่อการควบคุม” ศ.นพ.ยง กล่าว