เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'สมชาย พรมอุทัย' อดีตนายก อบต.บ้านไร่ อำเภอลาดยาว นครสวรรค์ ละเว้นไม่ยกเลิกสอบราคาเจาะบ่อบาดาล-ปรับปรุงระบบประปาหมู่บ้านกรณีผู้เสนอราคามีหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นบุคคลเดียวกัน ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 6 พิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน หลังรับสารภาพ พวกอีก 5 ราย มีโทษด้วย -ป.ป.ข.ขออุทธรณ์สู้ต่อ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายสมชาย พรมอุทัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านไร่ อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ กับพวก คือ นายอนันตชัย เรืองฉาย , นายธัญลักษ์ แสงสว่าง , นายเจริญ อ่อนเชตุ , นายสำรวย บูระพันธ์ และ นางสาวสิริรักษ์ บัณฑิตศิละศักดิ์ ละเว้นไม่ยกเลิกการสอบราคาโครงการเจาะบ่อบาดาล และโครงการปรับปรุงระบบประปาหมู่บ้านหมู่ที่ 16 กรณีผู้เสนอราคามีหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นบุคคลเดียวกัน ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบ มาตรา 83 มาตรา 86 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) มาตรา 10 , 12 ประกอบมาตรา 86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2561
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 มีคำพิพากษาดังนี้
1. นายสมชาย พรมอุทัย จำเลยที่ 1 นายอนันตชัย เรืองฉาย จำเลยที่ 2 และ นายธัญลักษ์ แสงสว่าง จำเลยที่ 3 มีความผิดตามมาตรา 157
2.นายสมชาย พรมอุทัย จำเลยที่ 1 นายอนันตชัย เรืองฉาย จำเลยที่ 2 และ นายธัญลักษ์ แสงสว่าง จำเลยที่ 3 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) มาตรา 10, 12 ประกอบปอ. มาตรา 83
การกระทำของ นายสมชาย พรมอุทัย จำเลยที่ 1 นายอนันตชัย เรืองฉาย จำเลยที่ 2 และ นายธัญลักษ์ แสงสว่าง จำเลยที่ 3 เป็นความผิดกรรมเดียวต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพ.ร.บ.ฮั้ว ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตาม ปอ. มาตรา 90
จำคุกคนละ 5 ปี และปรับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 คนละ102,000 บาท
3. นายเจริญ อ่อนเชตุ จำเลยที่ 4 นายสำรวย บูระพันธ์ จำเลยที่ 5 นางสาวสิริรักษ์ บัณฑิตศิละศักดิ์ จำเลยที่ 6 มีความผิดตาม พ.ร.บ. ฮั้ว มาตรา 12 ประกอบ ปอ. มาตรา 86
ลงโทษนายเจริญ อ่อนเชตุ จำเลยที่ 4 นายสำรวย บูระพันธ์ จำเลยที่ 5 นางสาวสิริรักษ์ บัณฑิตศิละศักดิ์ จำเลยที่ 6 จำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน และ ปรับจำเลยที่ 4 และ จำเลยที่ 5 คนละ 68,000 บาท
4. จำเลยทั้งหกให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง
คงจำคุก นายสมชาย พรมอุทัย จำเลยที่ 1 นายอนันตชัย เรืองฉาย จำเลยที่ 2 และ นายธัญลักษ์ แสงสว่าง จำเลยที่ 3 คนละ 2 ปี 6 เดือน และปรับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 คนละ 51,000 บาท
คงจำคุก นายเจริญ อ่อนเชตุ จำเลยที่ 4 นายสำรวย บูระพันธ์ จำเลยที่ 5 นางสาวสิริรักษ์ บัณฑิตศิละศักดิ์ จำเลยที่ 6 คนละ 1 ปี 8 เดือน และปรับจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 5 คนละ 34,000 บาท
ทั้งนี้ คดียังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาในส่วนของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 6
แต่สำหรับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 5 ให้อุทธรณ์คำพิพากษา
สำหรับ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 ระบุว่า เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ มีความผิดฐานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปี ถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท