ปปง.สั่งยึดอายัดทรัพย์สิน 2 ครั้ง 91 รายการ 38.2 ล้าน คดี ‘สุพรรษา เทียนไธสง’พวก แอปฯไทยเดลี ชักชวนอ่านข่าวรับเงินรางวัล ต้องจ่ายค่าสมัครก่อน ผู้เสียหายเชื่อโอนตังค์ สุดท้ายถูกหลอก แจ้งความ สภ.วารินชำราบ พบแบ่งหน้าที่กันทำ หาสมาชิก เปิดบัญชี คนรับเงินเบื้องหลัง ศาลจังหวัดอุบลฯพิพากษาแล้วมีความผิด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ 5/2567 อายัด ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว ( เพิ่มเติม) รายนางสาวสุพรรษา เทียนไธสง ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน ทรัพย์ที่ถูกอายัดเป็นเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารชื่อบุคคลชาวไทยและต่างชาติ รวม 32 บัญชี รวม 13,034,848.82 บาท นับเป็นการยัดทรัพย์สินครั้งที่ 2 หลังจากเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 คณะกรรมการธุรกรรมที่คำสั่งที่ 10/2566 ยึดและอายัดทรัพย์สินรายนางสาวสุพรรษากับพวกไปแล้ว 59 รายการ ทั้งเครื่องประดับ โทรศัพท์มือถือ ห้องชุด และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร รวมมูลค่า 25,206,438.39 บาท รวมยึดและอายัด 2 ครั้ง 91 รายการ มูลค่า 38,241,287.2 บาท
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ที่มาและพฤติการณ์ตามคำสั่งที่ 5/2567 มีรายละเอียดดังนี้
ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้รับรายงานจากสถานีตำรวจภูธรวารินชำราบ (จ.อุบลราชธานี) ตามหนังสือที่ ตช 0018(อบ).(24)3/3175 ลงวันที่ 23 สิงหาคม 2564 เรื่อง รายงานการดำเนินคดีนางสาวสุพรรษา เทียนไธสง ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา กล่าวคือ
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2564 ขณะที่ผู้เสียหายกำลังอ่านการ์ตูน ได้พบกับแอปพลิเคชัน ไทยเดลี่ เป็นแอปพลิเคชันการอ่านข่าวทำภารกิจอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อรับเงินรางวัล แต่ก่อนที่จะเริ่มทำภารกิจจะต้องเสียค่าสมัครก่อน และก่อนเข้าทำภารกิจแต่ละครั้งจะต้องโอนเงินก่อนเริ่มภารกิจเช่นกัน
ทั้งนี้แอปพลิเคชันดังกล่าวประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้โดยผู้เสียหายหลงเชื่อได้กดเข้าไปตามลิงก์ที่ปรากฎในแอปพลิเคชันดังกล่าว เมื่อผู้เสียหายกดเข้าไปจะมีบุคคลเข้ามาให้คำแนะนำถึงวิธีการเล่นและให้แอดไลน์ไปหาบุคคลที่แนะนำการเล่นเกมเพื่อแนะนำวิธีการเล่นและการโอนเงินก่อนร่วมภารกิจจนผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้กับกลุ่มผู้ต้องหา และไม่สามารถถอนเงินคืนได้
นอกจากนี้ ยังมีบัญชีเงินฝากธนาคารที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าวอีกหลายบัญชี ซึ่งบุคคลที่จัดหาบัญชีสำหรับใช้ในการหลอกลวงประชาชน คือ นางสาวสุพรรษา เทียนไธสง กับพวก โดยการจัดหาบุคคลไปเปิดบัญชีและให้ค่าตอบแทนแก่เจ้าของบัญชี และชักชวนบุคคลอื่นเพื่อไปหาบุคคลเพื่อเปิดบัญชีอีกทอดหนึ่ง นายคณิณ คู่แก้ว ทำหน้าที่รับส่งบัญชีและเงินที่ได้มาจากการหลอกลวงประชาชนให้กับนายรุ่งโรจน์ ธนโชตโอฬาร และนายรุ่งโรจน์ ธนโชตโอฬาร เป็นผู้ว่าจ้าง ซึ่งเงินที่ได้จากการหลอกลวงประชาชน นายคณิณ คู่แก้ว ส่งมอบให้กับนายรุ่งโรจน์ ธนโชตโอฬาร ทั้งหมด
ผู้เสียหายจึงแจ้งความดำเนินคดีกับนางสาวสุพรรษา เทียนไรสง กับพวก ต่อมาพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรวารินชำราบได้รวบรวมพยานหลักฐานและมีความเห็นควรสั่งฟ้องนางสาวสุพรรษา เทียนไรสง นายคณิณ คู่แก้ว และนายรุ่งโรจน์ ธนโชตโอฬาร ในความผิดฐานโดยทุจริตหรือหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามคดีอาญาที่ 1884/2564 และศาลจังหวัดอุบลราชธานีในคดีหมายเลขดำที่ อ.462/2564 หมายเลขแดงที่ อ.727/2565 และในคดีหมายเลขดำที่ อ.637/2565 หมายเลขแดงที่ อ.934/2566 ได้มีคำพิพากษาว่านายคณิณ คู่แก้ว และนางสาวสุพรรษา เทียนไธสง มีความผิดฐานโดยทุจริตหรือหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3(3) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า นางสาวสุพรรษา เทียนไธสง กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว
ต่อมาคณะกรรมการธุรกรรมได้มีคำสั่งที่ ย.10/2566 ลงวันที่ 11 มกราคม 2566 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว รายนางสาวสุพรรษา เทียนไธสง กับพวก จำนวน 59 รายการพร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นั้น
จากการตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบุคคลรวมทั้งผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงินในคดีดังกล่าวพบข้อมูลเพิ่มเติมว่านางสาวสุพรรษา เทียนไธสง กับพวก เป็นเจ้าของทรัพย์สินหรือมีสิทธิครอบครองทรัพย์สินเพิ่มเติมอีกจำนวน 32 รายการ คือ เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแล้ว ปรากฎหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2552 และเนื่องจากทรัพย์สินดังกล่าวเป็นสังหาริมทรัพย์ประเภทเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร อันเป็นทรัพย์สินที่สามารถโอน ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นได้โดยง่าย หากมิได้มีการออกคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีสิทธิในทรัพย์สินดำเนินการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าวไปเสีย
และหากต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สำนักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านางสาวสุพรรษา เทียนไธสง กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และอาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้น ทรัพย์สินดังกล่าวอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 34 (3) และมาตรา 48 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มติคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุม ครั้งที่ 1/2567
เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 และระเบียบคณะกรรมการธุรกรรม ว่าด้วยการรับเรื่อง การตรวจสอบ การพิจารณาดำเนินการ และการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2556 ข้อ 25 คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีคำสั่งอายัดทรัพย์สิน
ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) จำนวน 32 รายการ พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ กล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 7 เมษายน 2567 โดยมีรายการทรัพย์สินที่อายัดปรากฏตามบัญชีทรัพย์สินแนบท้ายคำสั่งนี้
ทั้งนี้ ให้รวมถึงเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการจำหน่าย จ่าย โอนด้วยประการใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวหรือสิทธิเรียกร้องหรือผลประโยชน์หรือดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าวด้วย