
'สมรักษ์ คำสิงห์' ยื่นขอประกันตัว หลังถูกศาลตัดสินจำคุก 4 ปี 8 เดือน คดีล่วงละเมิดทางเพศเด็ก 17 ปี แต่ลดโทษเหลือ 2 ปี 13 เดือน ชดใช้อีก 1.7 แสน เหตุให้การเป็นประโยชน์ ขณะเจ้าตัวแจง 'ต้องสู้ต่อ' ขณะทนายส่วนตัวเผยยังมีข้อเท็จจริงอีกมากที่ต้องวินิจฉัยเพิ่มเติม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าสืบเนื่องจากที่ศาลจังหวัดขอนแก่น มีคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก และ นายพิเชษฐ์ ชิเนหันทา หรือ “เป๊กโก้” เพื่อนสนิทนายสมรักษ์ เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 หลังจากนายสมรักษ์ กระทำอนาจารและล่วงละเมิดทางเพศ เด็กสาววัย 17 ปี ที่รู้จักกันในสถานบันเทิง เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2566
โดยในช่วงบ่ายวันที่ 23 ม.ค.ได้มีการเผยแพร่สรุปคำพิพากษาระบุว่า จำเลยที่ 1 (นายสมรักษ์) มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 80 , 283 ทวิ วรรคแรก, 319 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย จำคุก 2 ปี
ฐานพยายามข่มขืนกระทำขำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย และฐานพาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 2 ปี 8 เดือน
ทางนำสืบของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน
ฐานพยายามข่มขืนกระทำขำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย คงจำคุก 1 ปี 9 เดือน 10 วัน
รวมจำคุก จำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 13 เดือน 10 วัน ส่วนข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.3262/2566 ของศาลจังหวัดร้อยเอ็ดนั้น คดีดังกล่าวศาลยังไม่มีคำพิพากษา จึงให้ยกคำขอนั้นเสีย และศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่โจทก์ร่วม 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ร่วม และให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่ผู้ร้อง 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง โดยนำเงินที่จำเลยที่ 1 มาวางศาลเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 จำนวน 80,000 บาท ชำระแก่ผู้ร้อง และจำนวน 20,000 บาท ชำระแก่โจทก์ร่วม มาหักชำระหนี้แต่ละจำนวนดังกล่าวด้วย โดยให้หักชำระดอกเบี้ยที่ค้างในวันที่มีการชำระดังกล่าวในแต่ละคราว เหลือเท่าใดจึงให้ชำระต้นเงินและคำนณดอกเบี้ยจากต้นเงินคงเหลือ
และศาลมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 () และยกคำขอส่วนแพ่งของโจทก์และผู้ร้องสำหรับจำเลยที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีส่วนแพ่งให้เป็นพับ
ทั้งนี้ ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้วจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอปล่อย ตัวชั่วคราว ระหว่างอุทธรณ์คดี โดยศาลจังหวัดขอนแก่น มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 1
โดยภายหลังศาลอ่านคำพิพากษานายสมรักษ์ ยังคงให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม บอกเพียงสั้นๆ ว่า "ต้องสู้ต่อ" เช่นเดียวกับทนายความระบุว่า ยังมีข้อเท็จจริงอีกมาก ที่ต้องวินิจฉัยเพิ่มเติม

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา