ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'สุนทร บุญเรือง' อดีตนายก อบต.บ้านหลวง เชียงใหม่ ทุจริตเรียกรับเงินโครงการสร้างสนามฟุตบอลโกลหนู ปี 56 ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนโทษจำคุก 5 ปี - พวก 1 ราย โดน 2 ปี 2 เดือน 20 วัน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายสุนทร บุญเรือง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านหลวง อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ กับพวก คือ นายศักดิ์ศรี คำใหญ่ เรียกรับเงินในการดำเนินโครงการก่อสร้างสนามกีฬาอเนกประสงค์ฟุตบอลสตรีทซอคเกอร์ (ฟุตบอลโกลหนู) ของอบต.บ้านหลวง เมื่อปี 2556 ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และ 157 ประกอบมาตรา 86 และตาม พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2564
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาแก้คำพิพากษา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5
จากเดิม
ที่พิพากษาว่า นายสุนทร บุญเรือง จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม มาตรา 149 (เดิม) และ นายศักดิ์ศรี คำใหญ่ จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม มาตรา 149 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยมิชอบ
จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี ฐานเป็นผู้สนับสนุน เจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ
จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 ปี 4 เดือน
จำเลยที่ 2 ให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นประโยชนแ์ก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตาม มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 2 เดือน 20 วัน
แก้เป็นว่า
จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 149 พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 149 พ.ร.ป.ป.ป.ช.พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86
การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตาม ป.อ. มาตรา 149 และลงโทษจำเลยที่ 2 ตาม ป.อ.มาตรา 149 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90
นอกจากที่แก้ให้เป็น ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
อย่างไรก็ดี คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งสองราย มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568 มีมติเห็นชอบตามที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่ฏีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าว
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา