คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เชิญ แพทองธาร-ภูมิธรรม- ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ประชุมความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา 12 มิ.ย. ด้าน กมธ.การทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ติดตามสถานการณ์ให้กำลังใจกองกำลังสุรนารี วันที่ 9-10 มิ.ย.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายรังสิมันต์ โรม เป็นประธาน นัดประชุมวันที่ 12 มิถุนายน 2568 เพื่อพิจารณาศึกษากรณีความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ เศรษฐกิจ และเส้นเขตแดน โดยเชิญนางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) นายฐนัตถ์ สุวรรณานนท์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ พลตรี ณัฎฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 พลโท ชาคร บุญภักดี เจ้ากรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และนายภัทรพงษ์ แสงไกร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าร่วมประชุม
รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ด้านคณะกมธ.การทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ที่มีพลเอก สวัสดิ์ ทัศนา เป็นประธาน มีกำหนดเดินทางไปศึกษาดูงานรับทราบข้อมูลเชิงลึกและติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งเยี่ยมและให้กำลังใจกำลังพลของกองกำลังสุรนารี ในวันที่ 9 ถึงวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ที่จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อำนาจเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. 2568 และให้มีผลบังคับใช้ทันที โดยมีสาระสำคัญ มาตรา 6 กำหนดให้คณะกรรมาธิการมีอำนาจเรียกเอกสารจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใดมาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความเห็นในกิจการที่กระทำหรือในเรื่องที่พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาอยู่นั้นได้
ในกรณีเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้ประธานคณะกรรมาธิการแจ้งให้นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีซึ่งบังคับบัญชาหรือกำกับดูแลหน่วยงานที่บุคคลนั้นสังกัดหรืออยู่ภายใต้การกำกับดูแลทราบ และให้เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีที่รับผิดชอบในกิจการที่คณะกรรมาธิการกระทำหรือในเรื่องที่พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาอยู่นั้น สั่งการให้บุคคลในสังกัดหรือในกำกับให้ข้อเท็จจริง ส่งเอกสาร หรือแสดงความเห็นตามที่คณะกรรมาธิการเรียก
ขณะที่ มาตรา 8 บุคคลที่ได้รับหนังสือเรียกมาแถลงข้อเท็จจริง หรือแสดงความเห็นต้องมาด้วยตนเอง เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ให้มีหนังสือขอเลื่อนหรือหนังสือมอบหมายให้บุคคลอื่นมาดำเนินการแทนพร้อมชี้แจงเหตุจำเป็นอย่างชัดเจนต่อคณะกรรมาธิการภายในสามวันทำการนับแต่วันที่ได้รับหนังสือเรียก
มาตรา 14 เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดไม่ส่งเอกสาร หรือไม่มาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความเห็นตามที่คณะกรรมาธิการเรียกโดยไม่มีเหตุอันสมควร หรือจงใจส่งเอกสารหรือให้ข้อเท็จจริงหรือแจ้งข้อความอันเป็นเท็จหรือแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อคณะกรรมาธิการซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ถือว่าไม่รักษาประโยชน์ทางราชการและเป็นความผิดทางวินัย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องประกอบ :
- ‘ผบ.ทบ.’ สั่ง ยกระดับความพร้อมกำลังพล รับสถานการณ์ฉุกเฉินชายแดนไทย-กัมพูชา
- ‘สภาความมั่นคง’ ตั้ง ‘คณะกรรมการเฉพาะกิจ’ แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา
- ไทยยันไม่รับอำนาจศาลโลก ยืนใช้ JBC หาทางออก
- ‘กลาโหม-ทบ.’ ยันจุดยืนไม่ให้ละเมิดอธิปไตย - สั่งกำลังพลคุมการผ่านแดน