
สื่อกัมพูชาโต้สื่อไทย หลังกล่าวหาเป็นศูนย์กลางเหตุฉ้อโกง ชี้เหยื่อส่วนมากถูกหลอกค้ามนุษย์ผ่านไทย ขณะรอง ผบ.ตร.กัมพูชาชี้อาชญากรส่วนมากเป็นคนต่างชาติ ต้องอาศัยความร่วมมือจากต่างประเทศด้วย ด้านรอง ปธ.ต่อต้านการค้ามนุษย์กัมพูชายืนยันรัฐบาลกัมพูชาไม่ต้องการดึงดูดอาชญากรรม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวกรณีท่าทีจากฝ่ายกัมพูชา หลังจากได้มีการกล่าวหาว่าประเทศกัมพูชาเป็นศูนย์กลางของการฉ้อโกงหรือที่เรียมกันว่าการสแกม
โดยสำนักข่าวพนมเปญโพส์ของกัมพุชาได้ทำรายงานข่าวตอบโต้อ้างว่าสื่อมวลชนของไทยหลายสำนักรายงานอย่างน่าตกใจว่ากัมพูชาคือ “ศูนย์กลางการหลอกลวง” แต่สารคดีข่าวของสำนักข่าว Channel News Asia (CNA) ของสิงคโปร์กลับนำเสนอบทบาทสำคัญของประเทศไทยในฐานะจุดเปลี่ยนผ่านสำหรับเหยื่อการค้ามนุษย์ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังศูนย์กลางการหลอกลวงทั่วทั้งภูมิภาค โดยเหยื่อมักถูกล่อลวงด้วยคำสัญญาว่าจะได้งานดีๆ รายได้ดี แต่ปรากฎว่าเหยื่อเหล่านี้ถูกค้ามนุษย์ผ่านประเทศไทย ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปยังเมียนมาและกัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน โดยพวกเขาถูกบังคับให้เข้าร่วมในกลอุบายฉ้อโกงที่หลอกลวงเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากเหยื่อทั่วโลก
ขณะที่นายแสง ธีริธ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชากล่าวตอบโต้ กรณีที่มีการประณามกัมพูชาอย่างรุนแรง โดยกล่าวว่าผู้ก่ออาชญากรรมส่วนมากเป็นชาวต่างชาติที่แสวงหาประโยชน์จากชายแดนกัมพูชาและโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่หย่อนยาน (ไม่ได้บอกว่าโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไหน)ในการปฏิบัติการของพวกเขา
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชากล่าวต่อไปว่าทางการกัมพูชาได้เพิ่มความพยายามในการปราบปรามการค้ามนุษย์ เสริมสร้างความปลอดภัยที่ชายแดน เพิ่มการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และใช้เทคโนโลยีเพื่อติดตามการเคลื่อนไหวข้ามพรมแดน
“เครือข่ายอาชญากรส่วนใหญ่มักเป็นเครือข่ายข้ามชาติ และผู้ฉ้อโกงทางออนไลน์ไม่ได้อาศัยอยู่ในกัมพูชาเป็นหลัก” นายธีริธกล่าวและกล่าวต่อไปว่าอาชญากรโดยมากแล้วมาจากประเทศอื่น และเป็นเรื่องที่จำเป็นมากที่ประเทศอื่นที่ว่ามานี้จะต้องมีส่วนร่วมในการป้องกันไม่ให้พลเมืองของตนเข้าไปมีส่วนร่วมในอาชญากรรมเหล่านี้
ทางด้านของนางโช บุนเอ็ง (Chou Bun Eng) รองประธานคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อปราบปรามการค้ามนุษย์ (NCCT) ได้ออกมากล่าวปฏิเสธข้อกล่าวหาที่หาว่ากัมพูชาได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินการฉ้อโกง
“อาชญากรรมเหล่านี้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของเราและทำให้ชื่อเสียงในระดับนานาชาติของเรามัวหมอง” นางบุญเอ็งกล่าวและกล่าวไม่มีรัฐบาลใดต้องการดึงดูดกิจกรรมทางอาชญากรรมเช่นนี้
นางบุนเอ็งกล่าวว่าข้อพิพาทสื่อระหว่างไทยและกัมพูชานั้นเน้นย้ำถึงปัญหาในวงกว้างของความร่วมมือในภูมิภาคหรือการขาดความร่วมมือเมื่อต้องพูดถึงอาชญากรรมข้ามชาติ แม้ว่าสื่อของไทยมักรายงานภาพลักษณ์ด้านลบต่อประเทศกัมพูชา แต่ก็มีข้อสังเกตว่า ปัญหาการฉ้อโกงออนไลน์ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังเป็นปรากฏการณ์ทั่วโลก โดยอาชญากรรมได้แทรกซึมเข้ากับความผิดข้ามชาติรูปแบบอื่นๆ มากขึ้น การบรรจบกันนี้ทำให้มีความยากลำบากในการบังคับใช้กฎหมายมากขึ้น และต้องมีการตอบสนองระหว่างประเทศที่ประสานงานกัน
เรียบเรียงจาก:https://phnompenhpost.com/national/thailand-s-complex-role-in-southeast-asia-s-scam-epidemic

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา