
ป.ป.ช. ผนึกกำลัง ปปป. - ป.ป.ท.บุกจับปลัดอำเภอสันทราย คาวิทยาลัยการปกครอง เชียงใหม่ กรณีเรียกรับค่าธรรมเนียมบัตรชมพูเกินจริง พร้อมเงินของกลาง 15,200 บาท หลังได้รับแจ้งเบาะแสเรียกเก็บหัวละ 200 บาท มีส่วนต่าง 120 บาท เงินสะพัดกว่า 3 ล้าน ส่งตัวพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranrws.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ข่าวการกิจประสานกำลัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ( ป.ป.ท.) บุกจับนายบุญญฤทธิ์ ตำแหน่งเจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ ปลัดอำเภอที่ทำการปกครองอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยนายทะเบียนจังหวัด (ทำหน้าที่หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่) ที่วิทยาลัยการปกครอง กรณีเรียกรับเงินค่าธรรมเนียมบัตรชมพูเกินจริง รายละ 200 บาท มีส่วนต่าง 120 บาท ส่งตัวพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปแล้ว
สำนักงาน ป.ป.ช. ระบุว่า เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 สำนักงาน ป.ป.ช. ภายใต้การอำนวยการของนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และนายวิวัฒน์ เจริญฉ่ำ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 5 มอบหมายให้นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ และนายนิรันดร ศรีภักดีผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงใหม่ นายไพโรจน์ นิยมเดชา ผู้อำนวยการกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มสืบสวนฯ 2 เจ้าหน้าที่งานสืบสวนคดีทุจริตภาค 5 และเจ้าหน้าที่งานสืบสวนคดีทุจริตประจำจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และสำนักงาน ป.ป.ท. ร่วมกันจับกุมนายบุญญฤทธิ์ฯ ตำแหน่งเจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ (ปลัดอำเภอ) ที่ทำการปกครองอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยนายทะเบียนจังหวัด (ทำหน้าที่หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่) ตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ที่ 21/2568 ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2568 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศ หรือเจ้าหน้าที่องค์การระหว่างประเทศ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 172 และมาตรา 173 และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมกันนำหมายค้นของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ที่ 1/2568 ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2568 เข้าทำการตรวจค้นที่บ้านของนายบุญญฤทธิ์ฯ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน



สืบเนื่องจากสำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับแจ้งเบาะแสจากผู้เสียหาย ซึ่งประกอบอาชีพเป็นนายหน้าแรงงานต่างด้าว ได้นำแรงงานต่างด้าวเข้าทำบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรชมพู) และคัดแบบรับรองรายการทะเบียนประวัติของคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ท.ร. 38/1) ตามกฎกระทรวงกำหนดให้คนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยปฏิบัติเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2562 กำหนดค่าธรรมเนียมการออกบัตรประจำตัวฯ (บัตรชมพู) ฉบับละ 60 บาท และค่าธรรมเนียมการขอคัดสำเนา แบบรับรองรายการทะเบียนฯ ฉบับละ 20 บาท
แต่นายบุญญฤทธิ์ฯ ได้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าว จากนายหน้าแรงงานต่างด้าว จำนวน 200 บาทต่อแรงงานต่างด้าว 1 ราย ซึ่งมีเงินส่วนต่างเกินจากค่าธรรมเนียมตามกฎหมาย (เงินส่วนต่าง) จำนวน 120 บาท เฉพาะผู้เสียหายที่เข้าแจ้งเบาะแสกับสำนักงาน ป.ป.ช. เพียงรายเดียว มีเงินส่วนต่างเกินจากค่าธรรมเนียมฯ ตั้งแต่นายบุญญฤทธิ์ฯ เข้ามาปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อประมาณต้นปี พ.ศ. 2566 จำนวนกว่า 2.4 ล้าน - 3.6 ล้านบาท
ขณะที่ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้ประกอบอาชีพตัวแทนนายหน้าแรงงานต่างด้าวกว่า 100 ราย ซึ่งพฤติการณ์เก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปว่านายบุญญฤทธิ์ฯ เรียกเก็บค่าธรรมเนียมฯ รายละ 200 บาทต่อแรงงานต่างด้าว 1 ราย หากตัวแทนนายหน้ารายใดไม่จ่ายเงินจำนวนดังกล่าว จะไม่ได้คิวนัดเพื่อนำแรงงานเข้าทำบัตรประจำตัวฯ
สำนักงาน ป.ป.ช. บก.ปปป. และสำนักงาน ป.ป.ท. จึงได้สนธิกำลังร่วมกันสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง และได้เข้าจับกุมผู้ถูกกล่าวหาพร้อมเงินของกลางจำนวน 15,200 บาท ณ วิทยาลัยการปกครอง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งใช้เป็นสถานที่ในการออกบัตรประจำตัวฯ (บัตรชมพู) และคัดสำเนาแบบรับรองรายการทะเบียนฯ
ภายหลังการจับกุมผู้ถูกกล่าวหาเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2566 มาตรา 22 และมาตรา 23 โดยได้นำตัวผู้ถูกกล่าวหาไปทำบันทึกการจับที่ สภ.ดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ดี ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา