‘กฤษฎีกา’ ตีความ ‘อาวุธปืน’ ที่ผลิตโดย ‘โรงงานผลิตอาวุธเอกชน’ ในราชอาณาจักร 'ร้านค้า-บุคคล' ไม่สามารถ ‘ซื้อ’ ได้ เหตุไม่สามารถ 'จดทะเบียน' ได้ แนะแก้ ‘พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ’ ให้สอดคล้องกับ ‘พ.ร.บ.โรงงานผลิตอาวุธของเอกชน’
......................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เผยแพร่บันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง การขายหรือจำหน่ายอาวุธปืนที่ผลิตภายในราชอาณาจักร (เรื่องเสร็จที่ 894/2568) โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 11) มีความเห็นว่า อาวุธปืนที่ผลิตภายในราชอาณาจักรตาม พ.ร.บ.โรงงานผลิตอาวุธของเอกชน พ.ศ.2550 นั้น ร้านค้าหรือบุคคลไม่สามารถซื้ออาวุธปืนดังกล่าวได้
เนื่องจากอาวุธปืนที่ผลิตภายในราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.โรงงานผลิตอาวุธของเอกชนฯ ไม่สามารถทำเครื่องหมายประจำอาวุธปืนได้ตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืนฯ และเมื่อไม่มีการทำเครื่องหมายประจำอาวุธปืน ผู้รับใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืนฯที่เป็นร้านค้าหรือบุคคล จึงไม่สามารถซื้ออาวุธปืนที่ไม่มีการจดทะเบียนนั้น เนื่องจากนายทะเบียนไม่อาจที่จะอนุญาตให้ดำเนินการได้
“เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงตามที่ขอหารือว่า ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.โรงงานผลิตอาวุธของเอกชนฯ กรณีที่เป็นการผลิตอาวุธปืน ประสงค์จะขาย หรือจำหน่ายอาวุธปืนดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่น ซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตให้ซื้อ มี ใช้ ค้า หรือจำหน่าย ตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืนฯ การดำเนินการดังกล่าว จึงต้องเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานผลิตอาวุธของเอกชนและกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืนฯ
และเมื่อมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.โรงงานผลิตอาวุธของเอกชนฯ กำหนดให้การกระทำใด ซึ่งได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว ให้การกระทำนั้น ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุญาต และปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืนฯ ดังนั้น ผู้รับใบอนุญาต ตามมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.โรงงานผลิตอาวุธของเอกชนฯ กรณีที่เป็นการผลิตอาวุธปืน ที่ประสงค์จะขายหรือจำหน่ายอาวุธปืน จึงไม่ต้องขออนุญาตและปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืนฯ ส่วนผู้ที่จะซื้ออาวุธปืนดังกล่าว จะต้องขออนุญาตและปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืนฯ
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืนฯ ที่ประสงค์จะควบคุมอาวุธปืน ซึ่งเป็นอาวุธที่อันตรายร้ายแรง จึงกำหนดให้มีใบอนุญาตตามมาตรา 23 และมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ (พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490) โดยเป็นการควบคุมบุคคลผู้ซึ่งประสงค์จะขออนุญาตดำเนินการ ตามที่กฎหมายกำหนด
ส่วนการควบคุมที่อาวุธปืน โดยการทำเครื่องหมายประจำอาวุธปืนนั้น กฎหมายว่าด้วยอาวุธปืนฯ กำหนดไว้เฉพาะกรณีอาวุธปืนที่สั่งหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรเท่านั้น ที่ต้องทำเครื่องหมายประจำอาวุธปืนตามมาตรา 32 แห่ง พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ และหากฝ่าฝืนบทบัญญัติดังกล่าวมีโทษทางอาญาตามมาตรา 73 ทวิ
ด้วยเหตุนี้ อาวุธปืนที่ผลิตภายในราชอาณาจักรตาม พ.ร.บ.โรงงานผลิตอาวุธของเอกชนฯ จึงไม่สามารถทำเครื่องหมายประจำอาวุธปืนได้ตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืนฯ และเมื่อไม่มีการทำเครื่องหมายประจำอาวุธปืน ผู้รับใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืนฯที่เป็นร้านค้าหรือบุคคล จึงไม่สามารถซื้ออาวุธปืนที่ไม่มีการจดทะเบียนนั้น เนื่องจากนายทะเบียนไม่อาจที่จะอนุญาตให้ดำเนินการได้
เพราะการที่ไม่มีการควบคุมที่อาวุธปืนดังกล่าว อาจทำให้มีการนำอาวุธปืนนั้น ไปก่ออาชญากรรมได้โดยง่าย ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคล ตลอดจนกระทบต่อความสงบเรียบร้อยในสังคม
การบริหารจัดการอาวุธปืนดังกล่าว จึงต้องเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานผลิตอาวุธของเอกชนตามที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตขายหรือจำหน่ายอาวุธให้แก่บุคคลอื่นนอกจากหน่วยงานตามมาตรา 7ฯ โดยขายหรือจำหน่ายให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือผู้รับใบอนุญาตให้มีได้ซึ่งยุทธภัณฑ์ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมยุทธภัณฑ์ หรือขายหรือจำหน่ายโดยการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร หรือขายหรือจำหน่ายให้แก่ผู้รับใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานผลิตอาวุธของเอกชน
อนึ่ง คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 11) มีข้อสังเกตว่า เพื่อให้การกำหนดมาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับการจดทะเบียนอาวุธปืนและการทำเครื่องหมายประจำอาวุธปืนที่ผลิตขึ้นภายในราชอาณาจักร ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับอาวุธปืนที่ผลิตขึ้นภายนอกราชอาณาจักรที่สั่งหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักร สมควรที่กระทรวงมหาดไทยจะได้พิจารณาเสนอแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ให้สอดคล้องกันต่อไป” บันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง การขายหรือจำหน่ายอาวุธปืนที่ผลิตภายในราชอาณาจักร (เรื่องเสร็จที่ 894/2568) ระบุ
ก่อนหน้านี้ กรมการปกครองได้มีหนังสือ ที่ มท 0307.4/17108 ลงวันที่ 21 พ.ค.2568 ถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สรุปความได้ว่า ด้วยกรมการปกครองได้หารือ กรณีที่บริษัทแห่งหนึ่ง มีหนังสือขอหารือการทำเครื่องหมายประจำอาวุธปืนที่ซื้อจากโรงงานที่ตั้งอยู่ภายในราชอาณาจักรต่อคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย
และคณะกรรมการดังกล่าว เห็นว่า ให้จัดทำแนวทางการกำหนดเรื่องการทะเบียนและอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนท้องที่สำหรับกรณีอาวุธปืนที่ผลิตในราชอาณาจักร โดยผู้ผลิตอาวุธปืนภายในราชอาณาจักรจะต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 เช่นเดียวกับอาวุธปืนที่ได้สั่งหรือนำเข้าจากต่างประเทศ
กระทรวงมหาดไทยจึงได้ดำเนินการจัดทำร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความใน พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 เสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีความเห็นเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงดังกล่าวว่า วัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ต้องการควบคุมอาวุธ ไม่ว่าจะผลิตขึ้นภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวจึงไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย ต่อมาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจึงได้ส่งคืนร่างกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว
กรมการปกครอง พิจารณาแล้วเห็นว่า แหล่งที่มาของอาวุธปืนที่มีการจำหน่ายในราชอาณาจักร โดยร้านค้าอาวุธปืนที่ได้รับใบอนุญาตให้จำหน่ายอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืน สำหรับการค้า (แบบ ป.5) ได้กระทำผ่านการสั่งหรือนำเข้าทั้งสิ้น อีกทั้งยังไม่เคยปรากฏว่า มีการอนุญาตให้ร้านค้าอาวุธปืนหรือบุคคลทั่วไป ซื้ออาวุธปืนที่ได้ผลิตขึ้นในราชอาณาจักรมาก่อน
และเมื่อ พ.ร.บ.โรงงานผลิตอาวุธของเอกชน พ.ศ.2550 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์ให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตอาวุธ เพื่อสนับสนุนในการปฏิบัติราชการของกระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนราชการอื่น หรือรัฐวิสาหกิจที่ได้รับยกเว้นไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืนฯ โดยห้ามมิให้จำหน่ายอาวุธที่ผลิตขึ้นให้แก่หน่วยงานหรือบุคคลอื่น เว้นแต่เป็นอาวุธที่เกินความต้องการของหน่วยงานตามที่กฎหมายกำหนด
และจะต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเสียก่อน ตามมาตรา 7 และมาตรา 32 แห่ง พ.ร.บ.โรงงานผลิตอาวุธของเอกชนฯ ประกอบกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตขายหรือจำหน่ายอาวุธให้แก่บุคคลอื่นนอกจากหน่วยงานตามมาตรา 7 พ.ศ.2554
อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ กำหนดให้นายทะเบียนท้องที่จะต้องทำเครื่องหมายประจำอาวุธปืนทุกกระบอก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการควบคุมอาวุธ อันเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชน และมาตรา 32 ประกอบมาตรา 73 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าว กำหนดให้การทำเครื่องหมายประจำอาวุธปืนสำหรับการค้าจะกระทำได้เฉพาะอาวุธปืนที่สั่งหรือนำเข้าเท่านั้น รวมถึงได้กำหนดบทลงโทษสำหรับการฝ่าฝืน
แต่ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มิได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการทำเครื่องหมายประจำอาวุธปืนที่ร้านค้าอาวุธปืนหรือบุคคลซึ่งซื้อจากผู้ผลิตอาวุธภายในราชอาณาจักร ที่ได้รับใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.โรงงานผลิตอาวุธของเอกชนฯ หรือกฎหมายอื่นไว้
กรมการปกครองจึงขอหารือในประเด็น ดังต่อไปนี้
1.พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ได้กำหนดให้นายทะเบียนท้องที่ต้องทำเครื่องหมายประจำอาวุธปืนสำหรับการค้า เฉพาะกรณีการสั่งหรือนำเข้าเท่านั้น และได้กำหนดบทลงโทษสำหรับการฝ่าฝืนไว้ แต่มิได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการทำเครื่องหมายประจำ อาวุธปืนที่ร้านค้าอาวุธปืนหรือบุคคล ซึ่งซื้อจากผู้ผลิตอาวุธภายในราชอาณาจักรที่ได้รับใบอนุญาต ตาม พ.ร.บ.โรงงานผลิตอาวุธของเอกชนฯ หรือกฎหมายอื่นไว้
การที่ร้านค้าอาวุธปืน หรือบุคคลซึ่งซื้ออาวุธปืนที่ผลิตภายในราชอาณาจักร ที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้จำหน่ายแก่บุคคลอื่น ตาม พ.ร.บ.โรงงานผลิตอาวุธของเอกชนฯ จะสามารถทำเครื่องหมายประจำอาวุธปืนและจำหน่ายภายใต้การควบคุมของ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ได้หรือไม่
2.หากเจตนารมณ์ของกฎหมายทั้งสองฉบับ สามารถให้ผู้รับใบอนุญาต ตาม พ.ร.บ.โรงงานผลิตอาวุธของเอกชนฯ นำอาวุธปืนที่ผลิตขึ้นในราชอาณาจักรมาทำเครื่องหมายประจำอาวุธปืนและจำหน่ายตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ในฐานะผู้ได้รับใบอนุญาต ให้จำหน่ายอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า (แบบ ป.5) ได้ กรมการปกครองจะสามารถดำเนินการออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การทำเครื่องหมายประจำอาวุธปืนและจำหน่ายอาวุธปืนที่ผลิตขึ้นในราชอาณาจักรได้หรือไม่ และหากไม่สามารถดำเนินการได้จะต้องดำเนินการอย่างไร

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา