
ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ปูพรมลุยค้น 200 จุด ทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมายจับแล้ว 155 ราย บางรูปไม่ยอมลาสิกขา เผยมีพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี เอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ส.ค.2568 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะ หัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา นำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆทั่วประเทศ
โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว เบื้องต้นทราบชื่อคือ นายสุรัตน์ ลุงเตี้ย อายุ 45 ปี หรือ พระสุรัตน์ พระลูกวัดรายหนึ่งของ วัดหว่านบุญ ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดี”ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเพื่อฟอกเงินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด “ โดยสามารถจับกุมตัวได้ขณะเจ้าตัวกำลังออกเดินบิณฑบาตอยู่ในพื้นที่ ก่อนพาตัวมาทำการลาสิกขาจากความเป็นพระที่วัดหว่านบุญ ซึ่งเป็นวัดต้นสังกัด
จากการตรวจสอบประวัติทราบว่า นายสุรัตน์ เดิมทีเป็นบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน หรือ กลุ่มคนคนชาติพันธุ์ทางภาคเหนือ ก่อนมาบวชเป็นพระที่วัดแห่งนี้นานกว่า 10 ปี ส่วนสาเหตุที่ทำให้วันนี้เจ้าตัวต้องกลายมาเป็นผู้ต้องหาในวันนี้ เนื่องจากมีการตรวจสอบพบบัญชีธนาคารของนายสุรัตน์ ถูกนำไปใช้ในการรับโอนเงินค่ายาเสพติดของเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ
จากการสอบปากคำ เบื้องต้นเจ้าตัวให้การภาคเสธอ้างว่า ก่อนหน้านี้มีคนมาทำบุญที่วัดซึ่งเป็นคนกลุ่มชาติพันธุ์เช่นกันและได้มาขอยืมบัญชีไปใช้ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าจะนำไปใช้ทำผิดกฎหมาย
พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. แถลงผลปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา กวาดล้างจับกุมพระทำผิดกฎหมายและพระธรรมวินัยหลังกระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายหลายจุดทั่วประเทศ ว่า สำหรับปฏิบัติการดังกล่าวมี 181 เป้าหมาย โดยมีเป้าหมายเป็นพระ 155 คน พระที่ลาสิกขาไปแล้ว 27 คน ขณะนี้สามารถจับกุมตัวได้แล้ว 155 คน จาก 73 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งผู้ต้องหาส่วนมากรับสารภาพ เนื่องจากเราดำเนินการโดยมีหมายจับ แต่ก็ยังมีบางรายที่ไม่ยอมลาสิกขา ยังอาศัยผ้าเหลืองเป็นที่ค้ำจุนให้ตัวเอง แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มหาเถระสมาคมได้ออกระเบียบและแก้ไขขั้นตอนระยะเวลาในการลาสิกขาแล้ว จาก 3 ปี ลดเหลือ 10 วัน ฉะนั้นในวันนี้เราจะดำเนินการลาสิกขาให้พระที่ทำผิดกฎหมายลาสิกขาทั้งหมด เพื่อจะเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ภารกิจหลังจากวันนี้ก็ยังมีอย่างต่อเนื่อง และจะมีการประชุมหารือในระดับนโยบาย โดยวันนี้เราจะจัดทำข้อมูลวัดและพระภิกษุสงฆ์ รวมทั้งสิ่งต่างๆที่อยู่ในวัด ไม่ว่าจะเป็นมูลนิธิต่างๆ ที่แอบแฝงแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยเช่นกัน และจะเห็นได้ว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็มีวัดใหญ่จังหวัดพิจิตรที่มีปัญหาสะสมมานาน แก้ไขไม่ได้สักที แต่รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก็ได้ลงไปดำเนินแก้ไขเรียบร้อยแล้วประชาชนในพื้นที่ก็ชื่นชม ยืนยันว่าเราจะกวาดล้างพระที่ทำผิดทั้งหมด
พล.ต.อ.ไกรบุญ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีพวกที่ยังอาศัยผ้าเหลืองหนีออกนอกประเทศ วันนี้เราได้ร่วมกับปปง. ไม่ว่าจะหนีไปประเทศไหนกฎหมายการฟอกเงินสามารถตามไปดำเนินการได้หมด ดังนั้นจะหนีไปไหนก็สามารถนำตัวมาดำเนินคดีได้ ส่วนความผิดที่จับกุมพบว่าส่วนใหญ่จะเป็นกรณีที่กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดแล้วหลบหนีมาบวชโดยอาศัยผ้าเหลืองเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนจะมีพระชั้นผู้ใหญ่หรือไม่ ยืนยันว่าหากพบการกระทำความผิดจะดำเนินการทั้งหมด ส่วนเหตุผลที่ต้องจับกุมวันนี้พร้อมกันทั่วประเทศ เนื่องจากเป็นยุทธวิธีในการทำงานของตำรวจ และป้องกันการหลบหนีของเป้าหมาย
พล.ต.อ.ไกรบุญ กล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้เดินหน้าไปด้วยกันดีกว่า อย่าไปพูดถึงอดีต นอกจากนี้ได้มีการทำข้อตกลงร่วมกับสำนักพุทธฯ หากพบว่ามีพระสงฆ์ในหนึ่งจังหวัด ทำผิดเกิน 3 รูป จะต้องให้ผู้อำนวยการสำนักพุทธฯในจังหวัดนั้นต้องย้าย ใช้มาตรการเดียวกันกับตำรวจ ส่วนจะเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูหรือไม่นั้น ยืนยันว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ทำเพื่อให้ พุทธศาสนิกชนที่เข้าไปกราบไหว้พิจารณาในการถวายเงินและทำบุญต่างๆ
ขณะที่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. กล่าวว่า เรามีข้อมูลที่สามารถตรวจสอบความเชื่อมโยงต่างๆที่ทำให้เห็นว่า มีคนไปแอบแฝงอยู่ในคราบผ้าเหลือง เราก็กวาดล้างคนพวกนี้ สำหรับข้อมูลมีได้มาจากทั้งของศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แต่เราก็จะนำมาวิเคราะห์จะยังไม่ปักใจเชื่อจะมีวิธีการตรวจสอบอย่างเป็นธรรมและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
โดยเป้าหมายที่จับกุมในวันนี้บางส่วนจะนำเข้ามาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางแต่บางส่วนก็ส่งให้พื้นที่รับผิดชอบตามหมายจับดำเนินคดี และส่วนใหญ่เป็นหมายค้างเก่าที่มีอยู่แล้ว ซึ่งการรวบรวมข้อมูลนั้นได้มีการรวบรวมมาตั้งแต่ตั้งศูนย์ดังกล่าวแล้วโดยทำงานร่วมกันจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ และประชาชน และส่วนหนึ่งเรามีข้อมูลอยู่ในระบบของสอบสวนกลางอยู่แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดรอบนี้ถึงยอมเปิดเผยข้อมูลออกมาดำเนินการ นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตอบว่า หากเป็นข้อมูลที่มีความผิดทางบ้านเมืองก็นำมาให้ตำรวจดำเนินการได้ แต่บางเรื่องเป็นความผิดทางวินัยจะต้องดำเนินการตามวินัย เพื่อนำข้อมูลมารวบรวมให้เป็นเอกภาพ
ส่วนที่ก่อนหน้านี้สำนักพุทธฯ ถูกครหาว่าไม่ให้ความร่วมมือและปกปิดข้อมูลไว้ แสดงว่าครั้งนี้จะเป็นการเริ่มต้นให้ความร่วมมืออย่างต่อเนื่องหรือไม่ นายบุญเชิด บอกว่า 100% ครับ หลังจากนี้หากตำรวจต้องการข้อมูลอะไรก็จะส่งให้ทั้งหมด

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา