
โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเผย พนักงานอัยการยื่นฟ้องผู้หาคดีตึก สตง. ต่อศาลอาญาแล้ววันนี้ หลัง พนง.สอบสวนส่งสำนวนเมื่อ 22 ก.ค.มีจำเลยรวม23 ราย ทั้ง บ.เอกชน-อิตาเลียนไทย-ไชน่าเรลเวย์-ผู้ต้องหาชาวจีน-เปรมชัยโดนด้วย ฐานความผิดก่อสร้างไม่เป็นตามหลักเกณฑ์เป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวความคืบหน้าการดำเนินคดีกับบริษัทเอกชนที่มีส่วนในการก่อสร้างตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหววันที่ 28 มีนาคม 2568 โดยนายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ในวันนี้ (7 สิงหาคม 2568) พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 23 รายต่อศาลอาญาเป็นคดีหมายเลขดำที่ อ 2201/2568
โดยการฟ้องอาญาในวันนี้ เริ่มต้นจากเมื่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีตึก สตง.ให้กับพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ซึ่งพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งที่เป็นนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา รวม 23 ราย ในฐานความผิดเป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม ทำการก่อสร้าง อาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้นๆ โดยประการที่น่าจะเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ร่วมกันปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91, 227, 238, 264 และ 268 นั้น
เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีสำคัญและมีเอกสารหลักฐานเป็นจำนวนมาก สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 จึงได้ตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาคดี โดยพนักงานอัยการพิจารณาแล้วมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 23 ราย ในฐานความผิดเป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม ทำการก่อสร้าง อาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้นๆ โดยประการที่น่าจะเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา และสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 9, 10, 11, 12, 13, 14 และ 15 ในฐานความผิดร่วมกันปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91, 227, 238, 264 และ 268 และที่แก้ไขเพิ่มเติม, พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522, พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ตลอดจนกฎกระทรวงและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
สำหรับผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว ประกอบด้วย บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด ผู้ต้องหาที่ 1, นายสุชาติ ชุติปภากร ผู้ต้องหาที่ 2, นายพิมล เจริญยิ่ง ผู้ต้องหาที่ 3, บริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด โดยนายธีระ วรรธนะทรัพย์ และนายเซ็น เยา ฮุย (CHEN YAO HUI) ผู้ต้องหาที่ 4, นายธีระ วรรธนะทรัพย์ ผู้ต้องหาที่ 5,
นายสุพล อัครอารีสุข ผู้ต้องหาที่ 6, นายชัยณรงค์ เสียงไพรพันธ์ ผู้ต้องหาที่ 7, นายอภิชาติ รักษา ผู้ต้องหาที่ 8, บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด โดยนายปฏิวัติ ศิริไทย ผู้ต้องหาที่ 9, นายปฏิวัติ ศิริไทย ผู้ต้องหาที่ 10,
บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยนายกฤตภัฏ ปล่องกระโทก ผู้ต้องหาที่ 11, นายกฤตภัฏ ปล่องกระโทก ผู้ต้องหาที่ 12, บริษัท ว.และสหาย คอนซัลแตนตส์ จำกัด โดยนายพลเดช เทิดพิทักษ์วานิช และนางประณีต แสงอลังการ (ขณะเกิดเหตุ) ผู้ต้องหาที่ 13, นายพลเดช เทิดพิทักษ์วานิช ผู้ต้องหาที่ 14, นายสมชาย เย็นทรัพย์ ผู้ต้องหาที่ 15,
บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) โดยนายเปรมชัย กรรณสูตร และนางนิจพร จรณะจิตต์ (ขณะเกิดเหตุ) ผู้ต้องหาที่ 16, นายเปรมชัย กรรณสูตร ผู้ต้องหาที่ 17, บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด โดยนายชวนหลิง จาง ผู้ต้องหาที่ 18, นายชวนหลิง จาง ผู้ต้องหาที่ 19, นายเกรียงศักดิ์ กอวัฒนา ผู้ต้องหาที่ 20, นายอนุวัฒน คันษร ผู้ต้องหาที่ 21, นายธิปัตย์ รัตนวงษา ผู้ต้องหาที่ 22 และนายวิศาล จุลพัลลภ ผู้ต้องหาที่ 23

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา