
‘ธปท.’ เผยเครื่องชี้เศรษฐกิจ ก.ค.68 ชะลอตัวจากเดือนก่อน จากปัจจัย ‘ท่องเที่ยว-ลงทุนเอกชน’ ลดลง มองเดือนหน้ายังชะลอตัวต่อ จากผลกระทบ ‘มาตรภาษีสหรัฐ’ จับตาเศรษฐกิจ ‘อ่อนแรง’ กระทบ ‘ว่างงาน’ มองผลการตัดสินคดี ‘คลิปเสียง’ นายกฯ กระทบไม่มากนัก หาก ‘นโยบาย-มาตรการรัฐ’ มีความต่อเนื่อง
..........................................
เมื่อวันที่ 29 ส.ค. น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงภาวะเศรษฐกิจและการเงิน เดือน ก.ค.2568 ว่า เศรษฐกิจไทยในเดือน ก.ค.2568 ชะลอลงจากเดือนก่อน จากทั้งภาคบริการที่ดลงตามกิจกรรมในภาคการท่องเที่ยว และการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นและการหยุดผลิตรถยนต์ชั่วคราวเพื่อปรับกระบวนการผลิต แต่หากไม่รวมผลของปัจจัยชั่วคราวดังกล่าว การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับดีขึ้นสอดคล้องกับการส่งออกสินค้าที่เพิ่มขึ้น
ด้านการลงทุนภาคเอกชนลดลงจากหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ ส่วนการบริโภคภาคเอกชนทรงตัว แต่แนวโน้มข้างหน้ายังถูกกดดันจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวได้จากรายจ่ายประจำของรัฐบาลกลางและรายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจ

สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบมากขึ้นจากเดือนก่อน จากอัตราเงินเฟ้อหมวดอาหารสดตามราคาผลไม้และเนื้อสัตว์ที่ลดลง และอัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ สอดคล้องกับราคาน้ำมันในตลาดโลก ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานชะลอลงจากราคาอาหารสำเร็จรูปที่ฐานสูงในปีก่อนและราคาของใช้ส่วนตัวที่ปรับลดลงจากการทำโปรโมชัน
ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลลดลงเล็กน้อยตามดุลการค้าที่ลดลงเป็นสำคัญ ด้านการจ้างงานโดยรวมทรงตัวจากเดือนก่อน แต่ยังต้องติดตามแนวโน้มการจ้างงานในระยะข้างหน้า และสัดส่วนผู้ขอรับสิทธิว่างงานต่อผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้น
น.ส.ชญาวดี กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในระยะถัดไปมีแนวโน้มชะลอตัวลง จากการส่งออกสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากมาตรภาษีของสหรัฐฯ และภาคการท่องเที่ยวที่การแข่งขันในภูมิภาครุนแรงขึ้น ขณะที่ด้านการบริโภคขยายตัวน่าจะชะลอลง ตามแนวโน้มรายได้และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค โดยปัจจัยที่ต้องติดตามในระยะต่อไป ได้แก่ 1.ผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ 2.พัฒนาการภาคการท่องเที่ยว และ 3.สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และผลกระทบต่อการค้าและการท่องเที่ยวบริเวณชายแดน
เมื่อถามว่า อัตราการว่างงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และการหางานทำที่ยากขึ้น สะท้อนว่าเศรษฐกิจแย่กว่าที่ประเมินไว้หรือไม่ น.ส.ชญาวดี กล่าวว่า มี 2 เหตุผลหลักๆ ที่ส่งผลกระทบต่ออัตราการว่างงานและการหางานทำ คือ 1.เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ซึ่งก็เป็นไปตามที่ ธปท.คาดการณ์ไว้ และ 2.กระแสของ Gig Economy และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ( Digital Transformation) ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจ้างงาน จากการจ้างงานแบบลูกจ้างประจำ เป็นการจ้างงานแบบเป็น Jobs หรือเป็นวันหรือสัปดาห์มากขึ้น ทำให้การจ้างงานแบบประจำลดลง ซึ่งตรงนี้เกิดขึ้นทั่วโลก
“ตรงนี้ต้องจับตาดู แต่แน่นอนต้องยอมรับว่า มีบางส่วนที่เราจับตาดูว่า น่าจะมาจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแรงลง” น.ส.ชญาวดี กล่าว
น.ส.ชญาวดี กล่าวถึงผลกระทบของคดีคลิปเสียงของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อภาพรวมของเศรษฐกิจไทย โดยระบุว่า เป็นจุดที่หลายคนรออยู่ แต่ในมุมของเศรษฐกิจและความต่อเนื่องของเศรษฐกิจนั้น จะขึ้นอยู่กับว่านโยบายหรือมาตรการที่วางไว้หรือดำเนินการอยู่ จะมีความต่อเนื่องได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งที่ผ่านมางบประมาณปี 2569 ก็ได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นก็เป็นการดำเนินการตามแผนงานต่อไป
“ตราบใดที่กิจกรรมและนโยบาย มาตรการต่างๆยังเดินต่อไปได้ ก็คิดว่าผลกระทบไม่เยอะต่อภาพเศรษฐกิจ แต่ในแง่ความเชื่อมั่นก็คงจะมีบ้าง อย่างตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน ก.ค.2568 ที่ชะลอ ก็สะท้อนว่า สิ่งที่เขากังวลก็คือเรื่องนี้เป็นอันดับแรก หลังจากวันนี้เป็นต้นไป ถ้าจะมองในมุมบวก ก็คงเป็นเรื่องความชัดเจน เพราะในช่วงที่ผ่านมามีความไม่ชัดเจน คนอาจชะลอการตัดสินใจลงทุนหลายๆ แต่อันนี้จะเป็นอีกหนึ่งเปลาะที่ชัดเจนขึ้น ถึงแม้จะมีหลาย scenario ในระยะต่อไป” น.ส.ชญาวดี กล่าว
น.ส.ชญาวดี ย้ำว่า “ในมุมภาพเศรษฐกิจ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า (นายกฯ) เป็นใคร สิ่งที่สำคัญกว่า คือ ความต่อเนื่องในการขับเคลื่อนนโยบาย ขับเคลื่อนแผน ตรงนี้จะมีผลต่อภาพเศรษฐกิจมากกว่า และถ้าลองไปถามคนที่ลงทุน เขาจะมองว่านโยบายวันนี้ สิทธิประโยชน์วันนี้ มาตรการวันนี้ที่ดึงดูดให้เขามาลงทุน จะมีความต่อเนื่องมากน้อยแค่ไหน ถ้าตรงนั้นยังอยู่ ภาวะไม่ได้ซบเซาเกินไป และเมื่อมองไปข้างหน้า เขายังเห็นโอกาส และมีการสนับสนุนจากภาครัฐต่อเนื่อง อันนั้นเป็นปัจจัยหลักต่อการตัดสินใจลงทุนมากกว่า แต่แน่นอนว่า บางจุดอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นระยะสั้น”
สำหรับรายละเอียดภาพรวมภาวะเศรษฐกิจและการเงิน เดือน ก.ค.2568 มีดังนี้
การบริโภคภาคเอกชน
เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลทรงตัวจากเดือนก่อน โดยการใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นจากทุก องค์ประกอบย่อย ทั้งยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถ กระบะ และยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ ด้านหมวดสินค้ากึ่งคงทนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหมวดสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายในหมวดสินค้าไม่คงทนและหมวดบริการปรับลดลง สอดคล้องกับรายรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่ลดลง
สำหรับความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่อเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมือง นโยบายการค้าโลก เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้า และสถานการณ์บริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชา

การลงทุนภาคเอกชน
เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลลดลงจาก เดือนก่อนจากหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ ตามการนำเข้า สินค้าทุนสุทธิที่ปรับลดลงจากหมวดคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ สำนักงาน และหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในงานเฉพาะทาง ขณะที่ยอดจำหน่ายเครื่องจักรในประเทศทรงตัว สำหรับหมวดยานพาหนะทรงตัว โดยยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่ง และรถบรรทุกปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่การนำเข้าเรือปรับลดลงหลังเร่งไปมากในเดือนก่อน
อย่างไรก็ดี หมวดก่อสร้างเพิ่มขึ้น จากทั้งการก่อสร้างที่มิใช่ที่อยู่อาศัยและที่อยู่อาศัย ตามพื้นที่ได้รับอนุญาต ก่อสร้างโรงแรมและบ้านเดี่ยวเป็นสำคัญ

จำนวนและรายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลเพิ่มขึ้นจาก เดือนก่อน ตามการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวกลุ่มเอเชียโดยเฉพาะ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไต้หวัน รวมถึงนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัว ต่อเนื่อง แม้ยังต่ำกว่าปีก่อนมาก ขณะที่นักท่องเที่ยวในภูมิภาค อาเซียนโดยเฉพาะเวียดนาม กัมพูชา และลาว ลดลงต่อเนื่อง จากความกังวลต่อสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
อย่างไรก็ตาม รายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการทำโปรโมชันของผู้ประกอบการเพื่อดึงดูดลูกค้า ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวคงค้างลดลงหลัง สิ้นสุดฤดูกาลท่องเที่ยว

การส่งออกสินค้า
มูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยหมวดที่ส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ (1) อิเล็กทรอนิกส์ ตาม การส่งออกอุปกรณ์สื่อสารและคอมพิวเตอร์ไปสหรัฐฯ รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ไปไต้หวันและฮ่องกง (2) สินค้าเกษตร ตามการส่งออกทุเรียนไปจีน และ (3) เครื่องใช้ไฟฟ้า ตามการส่งออกชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า ตู้เย็น และเครื่องปรับอากาศ ไปยังหลายประเทศ เช่น เวียดนาม ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และออสเตรเลีย
อย่างไรก็ดี การส่งออกหมวดปิโตรเลียมลดลงมากจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นและราคาพลังงานโลกที่ลดลง สำหรับการส่งออกผ่านชายแดนไทยกัมพูชาลดลงต่อเนื่องจากสถานการณ์ที่ยืดเยื้อ แม้เห็นการส่งออกทางเรือและทางอากาศเพิ่มขึ้นบ้าง
การนำเข้าสินค้า
มูลค่าการนำเข้าสินค้าไม่รวมทองคำที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลลดลง จากเดือนก่อนในทุกหมวดสินค้าจาก 1) สินค้าทุนไม่รวมเครื่องบิน ตามการนำเข้าคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคมจากไต้หวัน 2) หมวดสินค้าอุปโภคและบริโภค ตามการนำเข้าสินค้าไม่คงทนจากทั้งจีน ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ 3) หมวดเชื้อเพลิง ตามการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น และ 4) หมวดวัตถุดิบและ สินค้าขั้นกลาง ตามการนำเข้าโลหะ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าจากไต้หวันเป็นสำคัญ
การผลิตภาคอุตสาหกรรม
ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลลดลง จากเดือนก่อนโดยส่วนใหญ่มาจากปัจจัยชั่วคราวจากทั้งกลุ่มที่ ผลิตเพื่อส่งออกน้อยกว่าร้อยละ 30 ที่ลดลงตามหมวดปิโตรเลียมที่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นรายใหญ่ ซึ่งจะทยอย กลับมาผลิตในเดือน ส.ค. และกลุ่มที่ผลิตเพื่อส่งออกในสัดส่วน ร้อยละ 30-60 ที่ลดลงจากหมวดยานยนต์ ตามการหยุดผลิต ชั่วคราวของโรงงานบางแห่ง เพื่อย้ายโรงงานและปรับลดกำลังการผลิต
อย่างไรก็ดี หากไม่รวมผลของปัจจัยชั่วคราวในหมวดปิโตรเลียมและยานยนต์ดังกล่าว การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน โดยเฉพาะในกลุ่มที่ผลิตเพื่อส่งออกมากกว่าร้อยละ 60 ที่เพิ่มขึ้นจากการผลิตเครื่องปรับอากาศและ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เป็นสำคัญ สอดคล้องกับการส่งออกที่เพิ่มขึ้น

ภาคบริการ
เครื่องชี้ภาคบริการที่ไม่รวมการซื้อขายทองคำและขจัดปัจจัยฤดูกาลลดลงจากเดือนก่อนในทุกหมวด โดยกิจกรรมในภาคการค้าลดลงสอดคล้องกับการผลิตภาคอุตสาหกรรม และการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค ส่งผลให้ภาคการขนส่งสินค้าลดลงตาม แม้ว่ายอดขายรถยนต์จะขยายตัว ด้านกิจกรรมที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวลดลงจากทั้งธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร และการขนส่งผู้โดยสาร สอดคล้องกับรายรับนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ
รายได้เกษตรกร
รายได้เกษตรกรหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน ตามราคาสินค้าเกษตรหลายชนิด ส่วนหนึ่งจากผลผลิตสินค้าเกษตรที่ขยายตัวจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย โดยราคาราคาข้าวขาว ยางพารา และมันสำปะหลัง ลดลงจากทั้งผลผลิตของไทยและโลกที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาผลไม้ เช่น ทุเรียน และลำไย ลดลงจากผลผลิตที่ขยายตัวเช่นกัน ประกอบกับราคาทุเรียนได้รับผลเพิ่มเติมจากอุปสงค์รับซื้อที่ลดลงตามความกังวลต่อการตรวจสอบสารตกค้างที่อาจล่าช้าของจีน
การใช้จ่ายภาครัฐ
การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ทั้งจากรายจ่ายประจำของรัฐบาลกลางที่ไม่รวมเงินโอน และรายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจ โดยรายจ่ายประจำของรัฐบาลกลางขยายตัวตามการเบิกจ่ายงบบุคลากร บำเหน็จบำนาญ และค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ ส่วนรายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจขยายตัวตามการเบิกจ่ายในโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และด้านสาธารณูปโภค
อย่างไรก็ตาม รายจ่ายลงทุนของรัฐบาลกลางที่ไม่รวมเงินโอนหดตัวจากผลฐานสูงในปีก่อน ที่มีการเร่งเบิกจ่ายหลัง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 มีผลบังคับใช้

ภาวะการเงิน
การระดมทุนของภาคธุรกิจ โดยรวมปรับลดลงจากช่องทางตลาดตราสารหนี้และสินเชื่อ โดยการระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ ปรับลดลงในเกือบทุกสาขาโดยเฉพาะสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ อสังหาริมทรัพย์ และพลังงาน โดยเป็นผลจากปริมาณการออก หุ้นกู้ใหม่ที่ต่ำกว่าปริมาณหุ้นกู้ที่ครบกำหนด ทั้งนี้ การออกหุ้นกู้ใหม่ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด (rollover)
ด้านการระดมทุนผ่านสินเชื่อสุทธิลดลงเล็กน้อยในสาขาธุรกิจการผลิตในสาขาเคมีภัณฑ์ วัสดุก่อสร้าง อาหารและ เครื่องดื่ม และปิโตรเลียม
อย่างไรก็ดี การระดมทุนผ่านตลาดทุนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการขายหุ้นเพิ่มทุนของธุรกิจในภาคบริการ โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการโฆษณาเป็นสำคัญ สำหรับต้นทุนการระดมทุนผ่านตราสารหนี้ ตั้งแต่ 1 ก.ค. ถึง 25 ส.ค. อัตรา ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยทั้งระยะสั้นและระยะยาวเฉลี่ยปรับลดลงตามการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย จากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และเงินเฟ้อของไทยที่อยู่ในระดับต่ำ
อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบกับดอลลาร์ สรอ. เดือนกรกฎาคม ถึง 25 สิงหาคม 2568 เงินบาทเฉลี่ยปรับแข็งค่าขึ้นจากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งผลให้ตลาดปรับเพิ่มคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมทั้ง ผลการเจรจาอัตราภาษีการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯที่ออกมาดีกว่าตลาดคาด
ด้านดัชนีค่าเงินบาท (NEER) เดือนกรกฎาคม 2568 เฉลี่ยปรับแข็งค่าจากเดือนมิถุนายน ตามเงินบาทที่เคลื่อนไหวนำสกุลคู่ค้าคู่แข่ง ภายหลังผู้ร่วมตลาดคลายความกังวล เกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการภาษีการค้าของสหรัฐฯ ต่อไทย ขณะที่เดือนสิงหาคม (ข้อมูลถึง 25 สิงหาคม 2568) ดัชนีค่าเงินบาท เฉลี่ยทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อน
เสถียรภาพเศรษฐกิจ
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบมากขึ้นจากเดือนก่อนในทุกหมวด โดยอัตราเงินเฟ้อหมวดอาหารสดลดลงตามราคาผลไม้และเนื้อสัตว์ที่ ผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นตามสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย อัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานลดลงตามราคาน้ำมันในประเทศที่ปรับ ลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานชะลอลงจากผลฐานสูงของราคาอาหารสำเร็จรูปในปีก่อน และราคาของใช้ส่วนตัวที่ลดลงจากการทำโปรโมชัน

สำหรับภาวะตลาดแรงงาน การจ้างงานทรงตัวจากเดือนก่อน สะท้อนจากจำนวนผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ใกล้เคียงเดือนก่อนทั้งภาคการผลิต และภาคบริการ อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามการจ้างงานในระยะข้างหน้าและการกลับมามีงานทำของผู้ว่างงานเดิม เนื่องจากสัดส่วนผู้ขอสิทธิว่างงานรวมและรายใหม่ต่อผู้ประกันตนรวมปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อน

ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลลดลงเล็กน้อยตามดุลการค้าที่เกินดุลลดลง ขณะที่ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนขาดดุลลดลงจากเดือนก่อน ตามการส่งกลับกำไรไปต่างประเทศที่น้อยลงหลังพ้นช่วงฤดูกาลจ่ายปันผล

ภาคอสังหาริมทรัพย์ ไตรมาสที่ 2 ปี 2568
ตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมหดตัวต่อเนื่องเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยอุปสงค์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศหดตัวจากทั้งที่อยู่ อาศัยแนวราบและอาคารชุด สะท้อนจากจำนวนที่อยู่อาศัยที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อปล่อยใหม่ที่หดตัวต่อเนื่อง
ทั้งนี้ อุปสงค์ที่ซบเซา และอุปทานคงค้างที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้อุปทานเปิดขายใหม่หดตัวทั้งที่อยู่อาศัยแนวราบและอาคารชุด สำหรับราคาที่อยู่อาศัยในภาพรวมหดตัวจากไตรมาสก่อนเล็กน้อยจากอาคารชุดและบ้านเดี่ยว โดยราคาอาคารชุดปรับลดลงโดยเฉพาะอาคาร ชุดแนวสูง ส่วนหนึ่งจากความกังวลด้านความปลอดภัยหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว ขณะที่ราคาบ้านเดี่ยวลดลงตามอุปสงค์ที่ชะลอตัว
อ่านประกอบ :
‘ส่งออก-บริโภค-ท่องเที่ยว’ลด! ‘ธปท.’ชี้เศรษฐกิจ มิ.ย.68 ชะลอ-คาดGDPไตรมาส 2 ใกล้เคียง 3%
ธปท.เผยเศรษฐกิจ พ.ค.68 ชะลอตัวจากเดือนก่อน-ชี้‘เงินบาท’เคลื่อนไหวสอดคล้องปัจจัยพื้นฐาน
ธปท.ชี้เศรษฐกิจ เม.ย.ดีขึ้น-มองเจรจาการค้า‘สหรัฐ-จีน’สัญญาณบวก ‘จีดีพี’ปีนี้อาจโตเกิน 2%
‘ธปท.’ชี้เศรษฐกิจ มี.ค.68 ชะลอตัวจากเดือนก่อน เผย‘ส่งออก-ท่องเที่ยว-บริโภค-ลงทุน’แผ่ว
‘ธปท.’ชี้‘ท่องเที่ยว-ส่งออก-บริโภคเอกชน’โต หนุนเศรษฐกิจ ม.ค.68 ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน
‘ธปท.’เผยเศรษฐกิจไทย ธ.ค.ชะลอตัว-หั่นคาดการณ์จีดีพีไตรมาส 4/67 เติบโตไม่ถึง 4%
‘ธปท.’ชี้เศรษฐกิจ พ.ย.ชะลอ หลังเร่งตัวจาก‘เงินโอน’-แนะรัฐบาล‘ลงทุน’ได้ผลดีกว่า‘แจกเงิน’
IMF มองจีดีพีไทยปีหน้าโต 2.9% แนะ‘กนง.’ลดดบ.อีก 1 ครั้ง-‘ธปท.’ชี้เศรษฐกิจ ต.ค.67 ดีขึ้น
‘ธปท.’เผยเศรษฐกิจไทย ก.ย.67 ชะลอลงจากเดือนก่อน-คาดจีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัวใกล้ 3%

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา