
ป.ป.ช.ชี้มูลบิ๊กลอต ขรก.ภาคใต้หลายตำแหน่ง ทุจริตนับสิบคดี ทั้งโครงการคอนกรีตถนนเหล็ก เบิกจ่ายรถบรรทุกน้ำไม่โปร่งใส ทุจริตทำเอกสารปลอมจัดงาน RoadShow
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภาค 9 ได้ออกเอกสารข่าวแจกกรณี ป.ป.ช.ชี้มูลข้าราชการระดับสูงสูงในพื้นที่รับผิดชอบโดยมีรายละเอียดดังนี้
1.ป.ป.ช.ชี้มูลนายธเนส คืนตัก อดีตแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลทุ่งกระบือ อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง กรณีทุจริตเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก บ้านนานิน สายซอยข้างมัสยิดบ้านนานิน หมู่ที่ 7 โดยวิธีเฉพาะเจาะจง อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคลใกล้ชิด
ป.ป.ช.ยังได้ชี้มูลบุคคลอื่นได้แก่ นายธนา เกลี้ยงแก้ว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 เป็นผู้รับจ้าง มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 152, 157 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 126 (1), มาตรา 168, มาตรา 172 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
2. ป.ป.ช. ยังได้มีการชี้มูลความผิดทางวินัย กรณีกล่าวหานายสมชาย ศรีวิรัตน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลคลองปาง กับพวก รวม 3 ราย กรณีตรวจรับและเบิกจ่ายเงินกรณีจัดซื้อรถบรรทุกน้ำดับเพลิงอเนกประสงค์สำหรับงานบรรเทาสาธารณภัย ไม่ตรงตามสัญญา และไม่เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
โดยกรณีนี้สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติมอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้น เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหา นายสมชาย ศรีวิรัตน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลคลองปาง กับพวก รวม 3 ราย กรณีตรวจรับและเบิกจ่ายเงิน กรณีจัดซื้อรถบรรทุกน้ำดับเพลิงอเนกประสงค์สำหรับงานบรรเทาสาธารณภัย ไม่ตรงตามสัญญาและไม่เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐
ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่ายังฟังไม่ได้ว่า นายสมชาย ศรีวิรัตน์ (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1) นายทศพล เทพสุทธิ์ (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยชำนาญงาน) และนายประยุทธ แคนยุกต์ (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ข้าราชการบำนาญ เป็นกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิ) ได้กระทำความผิดทางอาญาตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาทางอาญาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
แต่เป็น การไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวง การคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 อันมิใช่เป็นความผิดร้ายแรง ให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอนเพื่อดำเนินการทางวินัยไปตามหน้าที่และอำนาจกับนายสมชาย ศรีวิรัตน์ และนายประยุทธ แคนยุกต์ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 64
การกระทำของนายทศพล เทพสุทธิ์ (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2) มีมูลความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความอุตสาหะ เอาใจใส่ ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการ และฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี และนโยบายของรัฐบาล ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดตรัง เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย พ.ศ. 2558 ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2558 ข้อ 9 วรรคหนึ่งและข้อ 10 วรรคหนึ่ง
สำหรับข้าราชการรายอื่นซึ่งไม่ได้มาจากหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งถูก ป.ป.ช.ชี้มูล ในพื้นที่รับผิดชอบภาค 9 มีรายชื่อดังต่อไปนี้
1. ป.ป.ช.มีมติชี้มูล นายน้ำมนต์ โฆสะโก ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพปัตตานี พร้อมพวกในคดีทุจริตในการจ้างเหมาบริการจัดทำกันสาดอาคารวัฒนธรรม (อาคารเฉลิมพระเกียรติ) และอาคารวิชาการ วิทยาลัยการอาชีพปัตตานี ในปีงบประมาณ 2564 ตามสัญญาจ้างเลขที่ 02/2564 ลงวันที่ 27 มกราคม 2564 โดยจ้างเหมา แพงกว่าความเป็นจริง และตรวจรับงานจ้างทั้งที่ปริมาณงานยังไม่ครบถ้วนตามสัญญาจ้าง
โดยนอกเหนือจากนายน้ำมนต์แล้ว บุคคลอื่นที่ถูกชี้มูลในคดีนี้ได้แก่ นายนิธิรุจน์ ศรีอาภรณ์ชนะกุล ครูชำนาญการพิเศษ วิทยาลัยการอาชีพปัตตานีผู้ถูกกล่าวหาที่ 2นายธงชัย รักประเทศ ครูชำนาญการ วิทยาลัยการอาชีพปัตตานีผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และ นายณปภัช สิงห์ทอง ครูชำนาญการ วิทยาลัยการอาชีพปัตตานี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5
2.ป.ป.ช.มีมติ ชี้มูลนายณรงค์ ศรีละมุล อดีตผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพัทลุง เขต 2 ดำเนินโครงการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งระบบ ประจำปีงบประมาณ 2563 กิจกรรมที่ 2 ศึกษาดูงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การปฏิบัติงานกับหน่วยงานที่ประสบความสำเร็จ ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพัทลุง เขต 2 โดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพัทลุง เขต 2 และเสียหายแก่ระบบราชการ
โดยนอกเหนือจากนายณรงค์ ป.ป.ช.ยังได้ชี้มูลนางนาตยา พรหมพันธ์ นักทรัพยากรบุคคลชำนาญการ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการฯ
สำหรับในส่วนเอกชน ป.ป.ช.ได้ชี้มูล นางกัญจนา กาญจนภิรมย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 และห้างหุ้นส่วนจำกัด แม็กซ์เวลล์ บิสซิเนส กรุ๊ป ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต
3.ป.ป.ช.มีมติชี้มูล นายมนัส ชัยโรจน์สัมพันธ์ อดีตท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพัทลุง กับพวก จัดทำโครงการกิจกรรม Road Show ของดีที่นี่พัทลุง อัยย๊ะพัทลุง ครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 โดยแบ่งจ้างโครงการไม่กำหนดขอบเขตงานจ้าง และไม่กำหนดราคากลางโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม และเบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้างโดยมิชอบ
โดยบุคคลอื่นนอกจากนายมนัสโดนชี้มูลซึ่งโดนชี้มูลได้แก่ นายสานิตย์ พันเศรษฐ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่พัสดุได้จัดทำบันทึกรายงานขอจ้าง
ส่วนนางจรัมพร บุญชู ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 นายสถาพร บุญชู ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 นางสาวจิณณ์ณณัช ประสพเสาวลักษณ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 นางสาวรัตน์ติกร รัตนรักษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 14 และห้างหุ้นส่วนจำกัด นางฟ้ามีเดียกรุ๊ป ผู้ถูกกล่าวหาที่ 15 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ
4.ป.ป.ช.มีมติชี้มูลนายชาย คงแก้ว อดีตนักวิชาการสหกรณ์ชํานาญการพิเศษ กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดพัทลุง มีพฤติการณ์จัดทําเอกสารเท็จเบิกเงินค่าใช้จ่ายและส่งใช้คืนเงินยืมในการจัดประชุมโครงการผลผลิตทางการเกษตรขับเคลื่อนเศรษฐกิจเข้มแข็ง ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 เมื่อวันที่ 9 - 10 และวันที่ 11 – 12 ธันวาคม 2558 ณ กฤษศิลา รีสอร์ท อําเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง
โดยนอกเหนือจากนายสมชายแล้ว บุคคลอื่นที่ถูกชี้มูลได้แก่นายอัตรคุปต์ อ่อนดํา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ซึ่งดำเนินการลงลายมือชื่อเป็นผู้รับเงินเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน ค่าอาหารว่าง และเครื่องดื่ม ในวันที่ 10 ธันวาคม 2558 ทั้งที่ไม่ได้มีการจัดอบรมตามโครงการ จึงมีมูลความผิดทางอาญา
5.ป.ป.ช.มีมติ ชี้มูลนางสราลี แก้วพิจิตร อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนวัดหรังแคบ ต.ดอนทราย อ.ควนขนุน จ.พัทลุงว่ากระทำความผิดทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีเบียดบังเงินจากบัญชีเงินอุดหนุนอื่นของโรงเรียนวัดหรังแคบไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว โดยเบิกจ่ายเงินไปจำนวน 5 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 276,500 บาท โดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ และปลอมลายมือชื่อของครูผู้มีอำนาจลงนามเบิกจ่ายเงิน

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา