
อนุทินพาทีมเศรษฐกิจหารือสมาคมธนาคารไทย ประกาศแก้หนี้ เสริมสภาพคล่อง SMEs ‘เอกนิติ’ รับหารือทีมงาน เตรียมมาตรการตรวจสอบเงินทุนไหลเข้า หวั่นเป็นเงินเทา นายกฯชี้แถลงนโยบาย 29 ก.ย.นี้ เพราะต้องบินไปอเมริการ่วมงาน UN ก่อน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 22 กันยายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เข้าพบนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย
ภายหลังการเข้าพบ นายอนุทินกล่าวว่า หลังจากที่ได้เข้าพบมีการหารือหลายเรื่อง ซึ่งรัฐบาลใหม่ก็มาขอรับการสนับสนุนจากสมาคมธนาคารไทย เรื่องหลักๆ เช่น ปัญหาหนี้สินของประชาชน SMEs หนี้ครัวเรือน โดยขอความร่วมมือในการออกมาตรการผ่อนปรน, การรับฟังความเห็นของสมาคมว่ามีข้อห่วงใย ความกังวลอะไรบ้าง และรัฐบาลต้องสู้กับประเทศอื่นในภูมิภาค จะทำอย่างไรให้ระบบของธนาคารในประเทศกลับเป็นผู้นำในอาเซียน หรือแข่งขันกับตลาดโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในการประกอบธุรกิจไปทุกวันๆอย่างไร และมีสิ่งใดที่รัฐบาลทำได้ก็จะเร่งดำเนินการ
หลังจากกล่าวตอนนี้จบ นายอนุทินกล่าวต่อพร้อมชี้ไปยังนายวรภัค, นายอรรถพล และนายเอกนิติว่า ส่วนตัวไม่กังวลอะไร เพราะคนเหล่านี้ก็เป็นอดีตผู้บริหารธนาคาร หรือไม่ก็เคยเป็นกรรมการในธนาคารต่างๆมาแล้วทั้งนั้น เรื่องเหล่านี้ก็รับรู้กันไปหมดแล้ว ตนเองมีหน้าที่เห็นชอบและผลักดันตามที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจเสนอขึ้นมา ซึ่งมั่นใจว่าท่านทั้งหลายจะนำการหารือในครั้งนี้ไปสู่การปฏิบัติให้เร็วที่สุด เพื่อเร่งศักยภาพของประเทศไทย การเพิ่มมูลค่าในการท่องเที่ยว การบริการ เมดิคอล และเกษตรกรรมที่สร้างรายได้ให้ประเทศมากที่สุด รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์และไฮเทค วึ่งยังมีพื้นที่รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมเหล่านี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีอะไรที่ห่วงที่ในภาคการเงิน นายเอกนิติตอบแทนว่า ปัญหามีเยอะ สิ่งที่นายกฯให้นโยบายไว้คือ จะทำอย่างไรให้ฟื้นเศรษฐกิขโดยเร็วและยั่งยืน ไม่ว่าจะระยะสั้นและระยะยาว ให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน แก้ปัญหาเก่าๆทั้งเรื่องหนี้ครัวเรือน สภาพคล่องของธุรกิจ SMEs วึ่งจะรวมไปถึงการพัฒนาทักษะในการแข่งขันของบรรดาธุรกิจ SMEs ด้วย ซึ่งท่านนายกฯได้พาไปพบผู้ประกอบการทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้า และสมาคมธนาคารไทยแล้ว เราต้อง Quick Big Wins ตามนโยบายที่นายกฯมอบไว้
เมื่อถามว่า มีการตรวจพบการไหลเข้าของเงินตราต่างประเทศในช่วงนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะเป็นเงินสีเทาเข้ามา นายผยงกล่าวว่า มีการพูดถึงและได้เรียนว่า คงต้อง Connect The Dot ซึ่งการขับเคลื่อนเงินทุนมีกลไกหลากหลายในระบบตลาดทุน ตลาดเงิน ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ไปจนถึงการเคลื่อนย้ายกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ส่วนจะทราบที่มาของเงินที่ไหลเข้านี้เมื่อไหร่ ทราบมาว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) กำลังเร่งตรวจสอบอยู่
ขณะที่นายเอกนิติกล่าวเสริมว่า ได้ประสานกับทีมงานที่กระทรวงการคลังไว้แล้ว และวันนี้สมาคมธนาคารไทยได้ฉายภาพไว้แล้ว ซึ่งมีหลายภาคส่วนเกี่ยวข้องทั้ง ธปท., ปปง. และกระทรวงการคลัง ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ประสานงานเบื้องต้นและคงมีการทำงานร่วมกันต่อไป
ส่วนประเด็นสภาพคล่องของ SMEs นายอนุทินกล่าวว่า ส่วนใหญาธนาคารจะเป็นผู้ประเมินศักยภาพของลูกค้า ก็ขอความร่วมมือว่า ให้อัดฉีดเม็ดเงินลงไปในระบบให้มากหน่อย เพราะถ้าเงินเก่าติดอยู่ เงินใหม่ไม่เข้าไป เงินเก่าจะหายไปด้วย ซึ่งธนาคารจะต้องไปประเมินความเสี่ยง แต่ทางลูกหนี้ก้ต้องประเมินศักยภาพด้วยว่า สามารถสานต่อธุรกิจไปได้
เมื่อถามว่าจะมีกลไกอะไรมาช่วยผู้ประกอบการ นายอนุทินกล่าวว่า ก็ต้องหาช่องทางในการขายสินค้าให้มากที่สุด นางศุภจีก็บอกว่า จะไปยึดติดแบบเดิมๆไม่ได้ ไทยเราจะต้องออกไปหาภูมิภาคใหม่ๆ ถ้าของเราดี ไปขายที่ไหนๆก็ขายได้ ก็เป็นหลักการที่จะต้องสนับสนนผู้ประกอบการและสินค้าไทย
ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าการจัดทำร่างนโยบายรัฐบาล ที่จะแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา นายอนุทินตอบว่า ขณะนี้วางเค้าโครงรวมถึงเนื้อหาเสร็จหมดทุกเรื่องแล้ว แต่วันนี้ได้มาพบกับสมาคมธนาคารไทย หรือแม้แต่สัปดาห์ที่แล้วที่ได้พบกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รวมถึงการพบปะประชาชน ทำให้อาจต้องปรับเนื้อหานิดหน่อย เพื่อให้ตรงความต้องการ และความห่วงใยจากทุกภาคส่วนมากที่สุด
ส่วนนโยบายเศรษฐกิจจะคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ในร่างนโยบายนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่มีคำว่ากี่เปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นนโยบายที่ประกอบในหลายมิติ ทั้งความมั่นคง สังคม เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ของประชาชน และแผนการทำงานของรัฐบาล
@แถลงนโยบาย 29 ก.ย. ต้องบินไปอเมริกาก่อน
ขณะที่การเตรียมพร้อมบินไปที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ นายอนุทินกล่าวว่า ตอนนี้กำลังตรวจสอบดูอยู่ว่าทางประธานรัฐสภาจะกรุณาให้แถลงนโยบายวันไหน โดยได้ขอไปวันจันทร์ที่ 29 ก.ย.นี้ แต่เวที UN ที่ให้ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์ เกิดขึ้นในวันที่ 26 ก.ย. โดยวันที่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ คือวันพุธที่ 24 ก.ย. หลังจากที่เข้าเฝ้าแล้วจะเรียกประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทันที โดยจะหารือเรื่องนี้ด้วยกับหลายหน่วยงาน ทั้งกฤษฎีกาและกระทรวงการต่างประเทศว่าสถานะของรัฐบาล ในการไปประชุมสมัชชาใหญ่ UN จะสามารถไปได้หรือไม่ หากไปได้ก็จะสามารถไปพบปะหารือ หรือร่วมทวิภาคี โดยมีความชัดเจนตรงนั้น
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า การไปเวที UN มีความจำเป็น เพราะอยู่ดีๆประเทศไทยก็หายไปจากวง UN ทั้งที่เรื่องที่คนไปร้องเรียนว่าประเทศไทยละเมิดกฎนานาชาติ ซึ่งจริงๆ แล้วเราถูกละเมิดมากกว่าจึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ไปพบกับประชาคมโลก และผู้นำประเทศที่จะชี้แจงให้ทราบว่าไทยไม่ได้เป็นตามที่ถูกกล่าวหามา ซึ่งถือว่ามีความจำเป็นและได้เตรียมให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้สแตนด์บายไว้ ตนนั้นได้อยู่แล้วและได้ให้เตรียมแผนการเดินทางแล้ว ไปเช้าเย็นกลับใช้เวลาเดินทางมากกว่าเวลาไปประชุม เพราะวันที่จะหารือได้มากที่สุดน่าจะเป็นวันที่ 25-26 ก.ย. และจะกลับมาทันแถลงนโยบายถ้าหากเป็นวันที่ 29 ก.ย. – 1 ต.ค.ทั้งนี้ ในการไปพูดคุยในเวที UN ประเด็นหลักๆ ก็มีหลายเรื่องทั้งเรื่องการค้า และภาษีนำเข้าส่งออกเรื่องอธิปไตยของไทยต่างๆ มากมาย หากไปเยือน UN แบบไม่แสดงวิสัยทัศน์ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า จะต้องหารือกับหลายหน่วยงานก่อน เพราะมันมีขั้นตอน


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา